Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2569

ตอนที่ 2569 ศิษย์น้องเล็ก เจ้าสุดยอดไปเลย

กลางจักรวาลสั่นสะเทือนไม่สงบ อานุภาพน่าพรั่นพรึงดุจลมกระโชกหอบม้วน เคลื่อนขวางฟ้าดารา

การมาของชื่อชางหุน กลายเป็นผู้มีปราณขั้นดับเทพจากขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะคนที่สาม!

เมื่อเห็นภาพนี้ในที่สุดพวกระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ยังไม่ได้ล่าถอยก็รับไม่ไหวแล้ว ผินหน้าลาจาก ไม่กล้าเอ้อระเหยอยู่ต่อสักนิด

นี่น่าตกใจเกินไปแล้ว!

พวกหนานเฟยตู้ก่อนหน้านี้ก็เหมือนดั่งตำนาน ทำให้คนหวั่นเกรงแล้ว ตอนนี้เมื่อเหล่ายักษ์ใหญ่อมตะจากน่านฟ้าที่แปดมาเยือน ทำให้สถานการณ์พลันเปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงขึ้นมาทันที

เซี่ยงเสี่ยวหยวนและหลิ่วเซียงเชวียก็จากไปแล้วเช่นกัน เพราะถูกหลินสวินสื่อจิตเตือนให้ถอย บอกให้พวกเขากลับเมืองจรดฟ้า

ทั้งคู่ล้วนจากไปด้วยสภาพจิตใจที่ทั้งหนักอึ้งและขมขื่น พวกเขาอยู่ต่อก็ไร้ประโยชน์ มีแต่จะกลายเป็นภาระ ถึงขั้นที่เมื่อการต่อสู้ระดับนั้นปะทุขึ้น พวกเขาอาจจะถูกหาว่าสอดมือ และเป็นไปได้ว่าอาจต้านผลพวงการต่อสู้ระดับนั้นไม่ไหว!

มีเพียงจากไปจึงจะเป็นทางเลือกที่เข้าท่าที่สุด

เป็นเช่นนี้ทั้งไม่เป็นตัวถ่วงหลินสวินและศิษย์พี่ของเขา และไม่ประสบอันตรายด้วย เพียงแต่การหนีไปเช่นนี้อย่างไรก็ยังทำให้ภายในใจของทั้งคู่อัดอั้นยิ่ง

ความแข็งแกร่งห่างกันเกินไป สู้ไปก็เปล่าประโยชน์!

“ลำพังแค่พวกเจ้า เกรงว่ายังไม่พอ”

กลางจักรวาล หลิงเสวียนจื่อสีหน้าเฉยเมย แส้หางม้าโปร่งแสงแวววาวกลางนิ้วมือพุ่งสะบัด ก่อนพันเกี่ยวหลินสวินและคงเจวี๋ยที่อยู่ข้างหลังเขา

เมื่อเป็นเช่นนี้ ยามต่อสู้หลินสวินและคงเจวี๋ยก็จะเคลื่อนไหวพร้อมกับเขา ได้รับการคุ้มกันจากเขา

“ไม่พอหรือ แล้วถ้ารวมพวกเราด้วยล่ะ”

ทันใดนั้นเสียงเยียบเย็นระลอกหนึ่งดังขึ้น ในห้วงอากาศไกลลิบ รถศึกสำริดคันหนึ่งควบตะบึงเข้ามา ไอแรกกำเนิดพวยพุ่ง บนรถศึกมีชายวัยกลางคนยืนอยู่ ผมดำแผ่สยาย นัยน์ตาวาบประกายสีเงินเสียดแทงจิตวิญญาณผู้คน

มู่เจียงซาน!

ผู้ยิ่งใหญ่ตระกูลมู่ ยักษ์ใหญ่อมตะจากน่านฟ้าที่แปด!

และในห้วงอากาศอีกด้านหนึ่ง เสียงผีครวญเทพร่ำไห้ระลอกหนึ่งดังขึ้น เวิ้งนภาแตกเป็นเสี่ยงโดยไร้เสียง ละอองเลือดสาดพรม นี่คือภาพฟ้าดินแปรปรวนที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง

ก็เห็นชายผอมแห้งที่ทั่วร่างปกคลุมอยู่กลางเงาตะคุ่มคนหนึ่ง เท้าเหยียบภูเขาศพทะเลเลือดก้าวเข้ามา ผมแดงทั่วศีรษะดูเด่นชัดเตะตาเป็นที่สุด

ตงหวงคง!

ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งที่มาจากยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลตงหวง

จักรวาลฟ้าดาราที่ปั่นป่วนแถบนี้เปลี่ยนเป็นกดดันจนเกือบทำให้คนแหลกทลาย เพราะอานุภาพอมตะที่มีอยู่ทุกที่อัดแน่นในห้วงอากาศ พลังระดับนั้นสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามทรุดทลาย

ในสนามรบขณะนี้ พร้อมๆ กับการปรากฏตัวของจงหลีเจวี๋ย ชื่อชางหุน มู่เจียงซาน ตงหวงคง กอปรกับฉีเทียนหลินก่อนหน้านี้ มีระดับอมตะทั้งสิ้นห้าคน

อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวพวกเขาปกคลุมฟ้าดาราแถบนี้มิด น่าประหวั่นจนถึงขั้นไม่อาจจินตนาการได้

และหลิงเสวียนจื่อกับหลินสวินที่ถูกกักขังไว้ตรงกลาง สภาวะจิตล้วนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

พวกเขาเดาได้แต่แรกแล้วว่าสถานการณ์ต้องมีจุดพลิกผัน แต่ไม่นึกว่าทั้งหมดจะมาเร็วขนาดนี้

“ช่างให้ความสำคัญกับพวกเราคีรีดวงกมลจริงๆ ไม่เลว ไม่เลวยิ่ง เช่นนี้จึงจะเร้าใจ”

หลิงเสวียนจื่อพลันหัวเราะ ส่วนลึกของนัยน์ตาวาบแววบ้าคลั่งขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง “วันนี้ข้าหลิงเสวียนจื่ออยากเห็นนัก ว่าพวกเราใครจะอยู่รอดถึงตอนสุดท้าย!”

“คุยโวไม่อายปาก เจ้าแห่งคีรีดวงกมลอยู่ที่นี่ เกรงว่ายังไม่กล้ากำเริบเฉกเช่นเจ้า” ตงหวงคงที่เท้าเหยียบภูเขาศพทะเลืเลือดเอ่ยเสียงเย็นเยียบกึกก้อง

“เดรัจฉานดวงกมลสองคนนี้เกรงว่าคงไม่รู้สักนิดว่าปีนั้นอาจารย์ของพวกเขาทำความผิดร้ายแรงแค่ไหน ถึงได้ชักนำภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้น จนป่านนี้เป็นตายยังไม่รู้ ไม่กล้าโผล่มาที่โลกยอดนิรันดร์อีก”

ชื่อชางหุนเสียงดุจฟ้าคำราม ปีกสีเงินโบกกระพือ ดุจเมฆห้อยจากฟ้า ปิดครอบฟ้าดารา ซัดพายุอมตะโหมคลั่ง

เมื่อได้ยินหลิงเสวียนจื่อและหลินสวินสบตากันปราดหนึ่ง ต่างเผยแววแปลกใจสงสัยเสี้ยวหนึ่ง อาจารย์ทำความผิดร้ายแรง ชักนำภัยครั้งใหญ่หรือ

บนโลกใบนี้ใครสามารถกำหนดความผิดของอาจารย์ได้!?

ในนี้ต้องมีลับลมคมในที่พวกเขาไม่รู้แน่!

และเห็นได้ชัดยิ่ง ว่าคนจากขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะในน่านฟ้าที่แปดนี่รู้เรื่องนี้

“ดูเดรัจฉานคีรีดวงกมลสองคนนี้สิ แม้แต่อาจารย์ตัวเองประสบหายนะร้ายแรงอะไรมายังไม่รู้ ยังกล้าอาละวาดประเจิดประเจ้ออยู่ที่นี่อีก ช่างรนหาที่ตายแท้ๆ!” มู่เจียงซานยิ้มเย็น เต็มไปด้วยแววดูแคลน

“ทำไมต้องพูดพล่าม ฆ่าไปก็จบ ข้าต้องการเพียงเจดีย์ไร้สิ้นสุดและสามพันเคลื่อนคล้อยที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลนั่นเหลือทิ้งไว้” จงหลีเจวี๋ยในชุดทองทั้งตัว ผมขาวราวขนกระเรียนผิวแก้มแดงก่ำเหมือนทารก หน้าตาใจดี แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวและเผด็จการเป็นที่สุด

“ไม่ต้องรีบ ยังต้องหารือกันก่อนว่าควรแบ่งศุภโชคครานี้อย่างไรจึงจะดีที่สุด” ตงหวงคงเสียงเยียบเย็น “เอาอย่างนี้ ข้าขอแค่พลังระเบียบสายหนึ่งบนตัวเจ้านี่”

เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาหมายตาคือระเบียบนิพพานของหลินสวิน

“เฮอะ!”

ชื่อชางหุนเผยแววไม่สบอารมณ์ “จากที่ข้าดู ไม่ว่าศุภโชคอะไร อาศัยฝีมือแต่ละคนดีที่สุด ป้องกันเผื่อมีคนไม่ยอมแพ้ด้วย”

“ได้”

มู่เจียงซานพยักหน้า

พวกเขามาเพื่อชำระแค้น ขณะเดียวกันก็มาเพื่อช่วงชิงศุภโชคบนตัวหลินสวิน

ไม่ว่าจะเป็นต้นหงเหมิงหมื่นมรรค เจดีย์ไร้สิ้นสุด สามพันเคลื่อนคล้อย แม้กระทั่งระเบียบนิพพานที่ถูกฟูมฟักในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ล้วนสามารถทำให้คนระดับพวกเขาใจเต้น

และเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ หลิงเสวียนจื่อก็เดือดจัดจนหัวเราะอย่างอดไม่ได้ ยังไม่ทันเริ่มสู้ แต่เฒ่าสารเลวพวกนี้ถึงกับมองพวกเขาเป็นเนื้อปลาบนเขียง เริ่มแบ่งสัดส่วนกันแล้ว!

ท่าทีเมินเฉยไม่แยแสนั่น เห็นชัดว่าไม่เห็นพวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องอยู่ในสายตาสักนิด!

“พูดมากความไปไย ลงมือฆ่าไปตรงๆ เลย” มู่เจียงซานเอ่ยปากแล้วกระตุ้นรถศึก สำแดงอภินิหารยิ่งใหญ่ หมอกเลือดพวยพุ่งหอบม้วนฟ้าดาราปกคลุมพื้นที่แห่งนี้ เริ่มเปิดศึกใหญ่

ตูม!

รถศึกคันนั้นพุ่งเข้ามา ประหนึ่งเตาเพลิงใหญ่ที่ลุกไหม้กลางจักรวาล แผดเผาฟ้าดารา หลอมระเหยห้วงอากาศ

และในเวลานี้ คนแข็งแกร่งอย่างหลิงเสวียนจื่อก็ยังจำเป็นต้องหลบประกายคม ไม่ยอมถูกล้อมกรอบ ไม่อย่างนั้นคงต้องสิ้นชีพอย่างคับแค้นอยู่ในนี้แน่

“เจ้าถอยจนถอยไม่ได้ หนีจนไม่มีที่ให้หนีแล้ว!” มีคนหัวเราะลั่น

ยักษ์ใหญ่แต่ละคนล้วนลงมือ รวมพลังปิดผนึกพื้นที่ฟ้าดาราแถบนี้

“อย่างนั้นหรือ!”

แววบ้าคลั่งวาบขึ้นมากลางนัยน์ตาหลิงเสวียนจื่อ เขาราวกับทุ่มสุดแรง จ้องมู่เจียงซานที่โจมตีเข้ามาเขม็ง ก่อนชูมือที่รองเจดีย์ไร้สิ้นสุดเอาไว้

ตูม!

เจดีย์ไร้สิ้นสุดแหวกอากาศไปปรากฏเหนือศีรษะมู่เจียงซาน แสงมรรคไร้สิ้นสุดไหลหลั่ง

มู่เจียงซานเคยรู้จักความน่ากลัวเย้ยฟ้าของสมบัติชิ้นนี้มานานแล้ว มีหรือจะนิ่งรอความตาย ตบฝ่ามือออกไปแรงๆ ห้วงอากาศใกล้เคียงที่ถูกเจดีย์ไร้สิ้นสุดปกคลุมก็ถูกแหวกออกเป็นรอยแยกสายหนึ่ง

เห็นว่าเขาใกล้จะหลบการโจมตีนี้พ้นแล้ว แต่ที่เหนือความคาดหมายของผู้คนคือ เงาร่างของเขากลับชะงักอย่างประหลาดในพริบตานี้ หยุดนิ่งค้างเติ่ง

และในพริบตานี้ เจดีย์ไร้สิ้นสุดก็กดสังหารลงมาดังกึกก้อง

ปัง!

รถศึกสำริดเกิดรอยแตก ถูกซัดกระเด็นรุนแรง ส่วนมู่เจียงซานที่ยืนอยู่บนนั้นร่างกายถูกกระแทกระเบิดตรงๆ จิตดั้งเดิมของเขาเกือบจะถูกสังหารไปด้วย

ในช่วงคับขันนี้พลังระเบียบน่าสะพรึงสายหนึ่งควบรวมออกมาจากจิตดั้งเดิมของมู่เจียงซาน ต้านเจดีย์ไร้สิ้นสุดที่กำราบลงมา

ตูม โครม!

ในเสียงสนั่นรุนแรง จิตดั้งเดิมของมู่เจียงซานปรากฏตัวห่างออกไปหลายหมื่นจั้ง และพร้อมกับแรงสะเทือนระลอกหนึ่งถึงกับก่อร่างมรรคขึ้นใหม่ ฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง

เพียงแต่ใบหน้าชราของเขาซีดราวไร้สีเลือด ดูลำบากเป็นที่สุด นัยน์ตายิ่งปนแววตกใจสงสัยและกริ่งเกรง

“พลังแห่งเวลา!” เขาคำรามเดือดดาลก้องสะท้อน

ระดับอมตะคนอื่นๆ ที่กำลังลงมือก็เห็นสิ่งที่มู่เจียงซานเผชิญเช่นกัน เดิมยังค่อนข้างสงสัยอยู่ในใจ คิดว่าด้วยมรรควิถีของมู่เจียงซานไม่มีทางเกือบประสบเคราะห์ในการโจมตีนี้เป็นอันขาด

ตอนนี้ได้ยินเสียงคำรามของมู่เจียงซาน ทำให้พวกเขาเหมือนเข้าใจในทันที สีหน้าล้วนแปรเปลี่ยนไป กฎเกณฑ์เวลา!?

สายตาที่พวกเขามองหลิงเสวียนจื่อล้วนเปลี่ยนไป มีทั้งกริ่งเกรง และมีทั้งความริษยาที่ปกปิดเอาไว้ลึก

กาลเวลา!

สำหรับระดับอมตะชั้นยอดอย่างพวกเขา ก็ยังเป็นหนึ่งในมหามรรคที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ขณะเดียวกันในใจหลิงเสวียนจื่อก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน แต่จากนั้นก็คล้ายกระจ่างขึ้นมา สื่อจิตกล่าวว่า

‘ศิษย์น้องเล็ก สุดยอดไปเลย!’

……………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์