ตอนที่ 2576 สัมผัสแรกของกาลเวลาและโชคชะตา
ละอองแสงดำมืดแผ่วพลิ้ว เงาร่างสูงเพรียวอรชรนั้นเป็นดั่งฝันละม้ายมายา
นางยังคงสวมชุดดำ หมวกคลุมบดบังใบหน้า นิ้วมือขาวกระจ่างเรียวยาวถือทวนศึกกระดูกขาวที่มีแสงดาวไหลเวียน
กลิ่นอายสงบนิ่งและลึกลับเหมือนในอดีต
เป็นซย่าจื้อนั่นเอง!
ซย่าจื้อเข้าสู่การหลับใหลยิ่งยวดตั้งแต่สมัยอยู่ในแดนหงส์เซียนเมื่อหลายปีก่อน
นางในตอนนั้นกังวลว่าตัวเองอ่อนแอเกินไป กลายเป็นตัวถ่วงของหลินสวิน นี่ทำให้นางไม่อาจทนได้ เพราะนางไม่เคยยอม และจะไม่ยอมยืนอยู่ข้างหลังหลินสวิน กลายเป็นตัวตนที่ถูกปกป้องผู้นั้นโดยเด็ดขาด
หลายปีมานี้นางหลับใหลอยู่ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของหลินสวินมาตลอด
เฉกเช่นที่หลินสวินพูดไว้ในตอนแรก สมบัติอาจถูกทำลายได้ แต่นอกเสียจากเขาหลินสวินตายไป โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ถึงจะถูกทำลายลง!
ทว่าหลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าพิบัติเคราะห์ที่เขาประสบในวันนี้กลับปลุกซย่าจื้อให้ตื่น ทำให้นางออกจากความเงียบงัน ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง
ความละอายใจและกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจหลินสวิน ทำให้เขาแทบจะตะโกนลั่นในทันทีว่า “ไป รีบหนีไป!”
ความแข็งแกร่งของมารเทพตี้สือทำให้ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อยังหวั่นกลัว คนผู้นี้ย่อมเป็นบุคคลน่ากลัวซึ่งเป็นภัยต่อระดับอมตะคนหนึ่ง
หากปล่อยให้ซย่าจื้อพลอยติดร่างแหแล้วตายลงที่นี่ไปด้วย นี่ย่อมเป็นสิ่งที่หลินสวินไม่อยากเห็น!
“หลินสวิน ข้าไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว”
ซย่าจื้อยืนอยู่เบื้องหน้าหลินสวิน เงาร่างอ้อนแอ้นไม่ไหวติงเฉกเช่นปราการสวรรค์ เสียงใสกังวานดุจเสียงสวรรค์เผยความสงบนิ่งเยือกเย็น
“ไม่เหมือนอะไร เจ้ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร”
หลินสวินเอ่ยอย่างเฉียบขาด
ขณะพูดเขาก็มองไปที่มารเทพตี้สือ “ถ้าปล่อยนางไป ข้าจะมอบตำราหยกศุภโชคกับต้นหงเหมิงหมื่นมรรคให้เจ้าทันที หาไม่แล้วข้ารับรองว่าจะทำลายสมบัติทั้งสองชิ้นนี้!”
เขาสีหน้าเด็ดขาด เผยแววดุดัน
ในโลกของซย่าจื้อ ยอมให้เขาหลินสวินเพียงคนเดียว
และในใจของเขาหลินสวิน ชีวิตของซย่าจื้อก็สำคัญกว่าทุกอย่างบนโลกนี้!
ตำราหยกศุภโชคหรือต้นหงเหมิงหมื่นมรรคอะไร ขอเพียงซย่าจื้อรอดชีวิต ต่อให้เขาหลินสวินประสบเคราะห์ตายเสียตอนนี้ก็จะไม่นิ่วหน้าขมวดคิ้วแม้สักนิด!
มารเทพตี้สือเห็นทุกอย่างนี้ก็เผยสีหน้าพิกล เอ่ยว่า “เพื่อผู้หญิงคนเดียว คุ้มหรือ”
“เลิกพูดไร้สาระ ข้าถามเจ้าว่าจะตกลงไหม!”
หลินสวินสีหน้าเย็นชา ขณะที่พูดเขาก็เดินไปข้างหน้า พยายามปกป้องซย่าจื้อไว้ข้างหลัง
แต่ที่ทำให้เขาผิดคาดก็คือซย่าจื้อกลับกวาดทวนศึกในมือมาขวางหน้าหลินสวิน ไม่ยอมให้เขาก้าวไปข้างหน้า เอ่ยเสียงนิ่งว่า
“เจ้าในตอนนี้เอาชนะข้าไม่ได้ ถ้ายังกล้าก้าวออกมาอีกข้าจะกำราบเจ้าเสีย”
หลินสวินตาเบิกกว้างเกือบหัวเราะเพราะโมโห ยายนี่บ้าไปแล้วหรือ ฝึกปราณหลับใหลไปไม่กี่ปีก็กล้าพูดกับตนเช่นนี้แล้วหรือ
“นางพูดถูก เทียบกับเจ้าแล้วบนร่างนางมีกลิ่นอายคุกคามที่ทำให้ข้ายังมองไม่ออก มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะดูพวกเจ้าเกี้ยวกันต่อหน้าตาปริบๆ ได้หรือ”
แววตาที่มารเทพตี้สือมองหลินสวินเต็มไปด้วยความดูถูก
หลินสวินอึ้งไป มองดูซย่าจื้ออีกครั้ง หลังจากสงบใจลงจึงพบว่ากลิ่นอายบนตัวซย่าจื้อคลุมเครือเย็นเยียบ ลึกลับสุดหยั่ง ถึงกับทำให้เขายังไม่อาจมองมรรควิถีของนางออก
เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
หรือในช่วงที่หลับใหลไปหลายปีนี้ มรรควิถีของซย่าจื้อสูงล้ำขึ้นจนถึงขั้นทำให้ตนไม่อาจเข้าใจได้แล้ว
เหนือคาดยิ่งนัก!
“น่าสนใจ มรรควิถีของเจ้าไม่ได้บรรลุระดับอมตะชัดๆ แต่พลังบนร่างกลับทำให้ข้ารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามอันไร้รูป หรือในกายเจ้ายังมีพลังต้องห้ามที่ไม่มีใครล่วงรู้จำศีลอยู่”
กลับพบว่ามารเทพตี้สือประเมินซย่าจื้อ นัยน์ตามีแสงประหลาดไหลเวียน คล้ายต้องการมองทะลุความลับทั้งในนอกของซย่าจื้อ
ชิ้ง!
ซย่าจื้อตวัดทวนศึกแทงออกไปโดยไม่ลังเล เรียบง่ายปราดเปรียว ทวนศึกที่มีประกายดาวไหลเวียนอยู่นั้นดุดันฉับไวราวกับเวิ้งฟ้ายังแทงทะลุได้
เบื้องหน้ามารเทพตี้สือมีกฎเกณฑ์มรรคเซียนสายแล้วสายเล่าผุดขึ้นมา รวมตัวกันเป็นกระบี่เข้าขวางการโจมตีนี้ไว้
เคร้ง!!!
เกิดเสียงปะทะดั่งอสนีบาตขึ้นระหว่างทั้งสอง ฟ้าดาราที่อยู่ใกล้กันพลันเกิดคลื่นทำลายล้างรุนแรง
ท่ามกลางกระแสยุ่งเหยิง เงาร่างของซย่าจื้อถอยหลังโซเซไปสองสามก้าว แต่ขณะที่ถอยหลังไปนางถึงกับคุ้มกันหลินสวินไว้ข้างหลังนางอยู่ตลอด
“เฮอะ เป็นเช่นนี้ดังคาด มรรควิถีเท่านี้ไม่พอให้มองสักนิด! ข้าล่ะอยากเห็นว่าพลังที่สามารถคุกคามข้าได้นั่นคืออะไร!”
มารเทพตี้สือก้าวมาข้างหน้า แขนเสื้อโบกปลิว กฎเกณฑ์มรรคเซียนนับไม่ถ้วนปรากฏ กลายเป็นกระบี่เซียนแวววาวสายแล้วสายเล่า
กระบี่แต่ละสายล้วนโอบล้อมด้วยนัยเร้นลับยากหยั่งถึง แข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์ ทำให้ระดับอมตะยังครั่นคร้าม
หลินสวินไม่กังขาสักนิดว่าหากเปลี่ยนเป็นตัวเอง เกรงว่าจะต้านกระบี่ไม่ได้สักนิด
แต่ทุกอย่างนี้ล้วนพิสูจน์ว่าสิ่งที่ศิษย์พี่สี่กล่าวไว้ตอนนั้นถูกต้อง ภัยคุกคามยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ระดับอมตะจากสี่ตระกูลตงหวง และไม่ใช่ระดับอมตะจากน่านฟ้าที่แปดเหล่านั้นด้วย
แต่เป็นมารเทพตี้สือผู้นี้!
ชิ้ง!
ชุดดำของซย่าจื้อแผ่วพลิ้ว ทวนศึกในมือไหวกระเพื่อม แสงมรรคนับไม่ถ้วนแทงออกมาในชั่วพริบตา ประหนึ่งกระแสแสงดาวเป็นวงๆ ปกฟ้าคลุมดิน
พลังเช่นนั้นห่างชั้นกับความแข็งแกร่งของมารเทพตี้สือมาก แต่หลินสวินกลับสังเกตเห็นอย่างฉับไวว่ากลิ่นอายต้องห้ามอันคลุมเครือลึกลับเป็นริ้วๆ เจืออยู่ในการจู่โจมของซย่าจื้อ นั่นเป็นพลังลึกลับอันเหนือคาด ราวกับเป็นเรื่องต้องห้ามที่ไม่อาจประเมินได้ ถึงกับทำให้การจู่โจมของนางมีกลิ่นอายคุกคามที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงปกคลุมอยู่อีกชั้นหนึ่ง
ตูม!
ฟ้าดาราแห่งนี้ปั่นป่วน คลื่นการต่อสู้ดั่งภูผาถล่มสมุทรคำรามม้วนตลบแผ่ขยาย ดาวใหญ่เก่าแก่ดวงแล้วดวงเล่าถูกทำลายกลายเป็นผุยผง หายลับไปกับความว่างเปล่าในชั่วพริบตา
หลินสวินถูกคุ้มกันอยู่ข้างหลังซย่าจื้อ แม้ไม่ถูกควันหลงจากการต่อสู้เช่นนั้นจู่โจม แต่เพียงดูอยู่ยังรู้สึกหายใจติดขัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์