ตอนที่ 2586 ลงชื่อเดือดคลั่ง
ครู่ใหญ่ให้หลัง จู่ๆ เสี่ยวซีก็ชี้ไปบนประตูเมือง กล่าวอย่างตกใจว่า “พี่เต้ายวน ท่านดูนั่น”
บนประตูเมืองแขวนประกาศจับไว้เด่นหรา
บนประกาศจับประทับเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่ง เท้าเหยียบบนฟ้าดารา เหนือศีรษะมีเตากระบี่ที่แสงมรรคนับไพศาลพร่างพรมใบหนึ่ง นัยน์ตาดุจเหวลึก อานุภาพดั่งเทพมาร!
ใต้เงาร่างนี้เป็นข้อความประกาศย่อหน้าหนึ่ง
‘หลินสวิน ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลแห่งทางเดินโบราณฟ้าดารา ชั่วร้ายสุดขั้ว โหดเหี้ยมอำมหิต…’
ถ้อยคำราวคำพิพากษาแน่นขนัด มากกว่าพันคำ เหมือนมองหลินสวินเป็นนักโทษที่เย้ยฟ้าผิดครรลอง ชั่วร้ายหาใดเปรียบ
และใต้สุดยังประทับสัญลักษณ์ที่แปลกอัศจรรย์แตกต่างกันหนึ่งแถว เป็นเครื่องแสดงถึงขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะแต่ละตระกูลที่ออกประกาศจับหลินสวิน
มีสิบขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด อย่างตระกูลฝู ตระกูลฉี ตระกูลจงหลี ตระกูลมู่เป็นต้น
มีสี่ตระกูลตงหวงแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด
และมีตระกูลเหวิน เหิง จู้ หรง ลั่วแห่งน่านฟ้าที่หก…
ไม่ว่าใครเห็นประกาศจับเช่นนี้เกรงว่าคงตกใจสะดุ้งโหยง ไม่อยากเชื่อเป็นแน่
ยามหลินสวินเห็น ในใจยังอดหนาวเยือกขึ้นไม่ได้
เมืองหลิวเขียวเป็นเมืองที่ห่างไกลขนาดไหน ตั้งอยู่ในแคว้นเมฆวารีของแดนทุ่งบูรพาในอาณาเขตน่านฟ้าที่หนึ่ง แต่ในที่แบบนี้ยังแขวนประกาศจับเช่นนี้เอาไว้ ไม่ต้องคิดสักนิดว่าในสถานที่อื่นๆ ของน่านฟ้าที่หนึ่งแห่งนี้ เกรงว่าคงติดประกาศจับทำนองเดียวกันไว้ถ้วนทั่ว!
แต่หลินสวินสังเกตว่าผู้คนที่สัญจรไปมาแถวประตูเมืองนั่นล้วนเหมือนเห็นกันจนชิน แทบไม่ค่อยมีใครสนใจประกาศนำจับนั่นสักเท่าไหร่
“พี่เต้ายวน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าคนผู้นั้นดูคล้ายท่านหน่อยๆ” เสี่ยวซีหันมา นัยน์ตาใสกระจ่างมองดูหลินสวิน พลางเทียบกับเงาร่างที่อยู่บนประกาศจับนั่น
“ยัยหนูอย่างเจ้าตาแหลมคมนัก ถูกต้อง นั่นคือข้าเอง” หลินสวินอดยิ้มไม่ได้
เสี่ยวซีเม้มปากยกยิ้ม หัวเราะเสียงใสกังวาน “ข้าไม่เชื่อหรอกน่า!”
บนโลกนี้มีนักโทษในประกาศจับกล้ายอมรับสถานะตัวเองง่ายๆ เช่นนี้ที่ไหนกัน
อีกอย่าง หลังจากนางแยกแยะโดยละเอียดก็พบว่าทั้งคู่มีจุดแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ใช่คนเดียวกันสักนิด
“อย่างนั้นหรือ” หลินสวินนึกครึ้มใจ ไม่ได้อธิบายอะไรอีก
อันที่จริงอย่าว่าแต่เสี่ยวซี แม้แต่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งอยู่ที่นี่ หากไม่ใช้อภินิหารและวิธีพิเศษเฉพาะตัวก็ไม่มีทางมองฐานะของเขาออกเด็ดขาด
“ไป พวกเราเข้าเมืองกัน”
หลินสวินพาเสี่ยวซีเดินเข้าเมืองหลิวเขียว
ถนนอันกว้างขวางภายในเมืองทอดตัดสลับไปมา ขยายไปสี่ทิศแปดทาง อาคารเก่าแก่และประณีตเรียงกันเป็นแถว ผู้คนพลุกพล่านเดินสวนกันขวักไขว่ราวสายธารไหล เสียงตะโกน เสียงเร่ขายของมีให้เห็นทุกหนแห่ง คลื่นเสียงอึงอลเกิดขึ้นทอดยาวต่อเนื่อง เห็นชัดว่าคึกคักเฟื่องฟูถึงขีดสุด
แต่ในสายตาหลินสวิน ทั้งเมืองปกคลุมด้วยพลังผนึกไร้รูปเป็นชั้นๆ ประหนึ่งกระบวนค่ายกลรวมวิญญาณขนาดใหญ่พิเศษ ชักนำไอวิญญาณจากสี่ทิศแปดทางมารวมตัวกัน น่าตระการตาทีเดียว
เพียงแต่หากพูดถึงขนาด กลับห่างไกลเทียบเมืองจรดฟ้าในแดนใหญ่พันศึกไม่ติด
ถึงอย่างไรเมืองจรดฟ้าก็มีขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายตั้งอาณาเขต ทั้งยังมีวิญญาณระเบียบเฮ่าเทียนคอยกำกับดูแล ทอดสายตามองไปแทบจะเห็นแต่พวกร้ายกาจที่อยู่ระดับจักรพรรดิขึ้นไป ระดับอมตะก็มีมากมายนับไม่ไหว
ส่วนเมืองหลิวเขียวแห่งนี้ แม้จะตั้งอยู่น่านฟ้าที่หนึ่งของโลกยอดนิรันดร์ แต่อย่างไรก็ยังห่างไกลมาก สิ่งมีชีวิตที่เดินเหินอยู่ในเมือง ปราณก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ
มีปราณระดับราชันอมตะเคราะห์เหมือนอย่างเสี่ยวซี และมีปราณระดับอริยะ ระดับกึ่งจักรพรรดิเช่นกัน คนระดับจักรพรรดิก็มี เพียงแต่พบไม่บ่อยนัก
พอลองคิดดูหลินสวินก็เข้าใจ
อย่างไรที่นี่ก็เป็นเมืองเล็กห่างไกลแห่งหนึ่งในน่านฟ้าที่หนึ่ง ไม่มีทางเกิดปรากฏการณ์ ‘ระดับจักรพรรดิเยอะปานสุนัข’ เหมือนอย่างแดนใหญ่พันศึกเด็ดขาด
ยิ่งกว่านั้นโลกยอดนิรันดร์มโหฬารปานใด สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนมีไม่รู้กี่มากน้อย ย่อมไม่มีทางที่ทุกคนจะเหยียบย่างระดับจักรพรรดิกันได้อย่างง่ายดายแน่นอน
หาไม่ ระดับจักรพรรดิก็คงไร้ราคาเกินไปแล้ว
หลินสวินสัมผัสภาพต่างๆ ภายในเมืองไปพลาง พาเสี่ยวซีเดินเล่นไปพลาง
เสี่ยวซีออกจากหมู่บ้านเงาเมฆามาโลกภายนอกเป็นครั้งแรก ทุกสิ่งที่ได้พบได้สัมผัสล้วนแปลกใหม่ ส่องซ้ายชะโงกขวาตลอดทาง ดวงตาแทบไม่พอใช้งานแล้ว
หลินสวินเดินยิ้มไปเป็นเพื่อน เห็นชัดว่ามีความอดทนสูงมาก และจ่ายเงินตลอดทางอย่างไม่ตระหนี่แต่อย่างใด
ไม่ว่าสมบัติชิ้นใดที่ถูกเสี่ยวซีมองนานๆ ล้วนถูกเขาซื้อไว้หมด ทั้งเจตวัตถุเอย วัตถุดิบเทพเอย ลูกกลอนโอสถเอย ของมีค่าเอย สมบัติอะไรเอย…
แม้ว่ามูลค่าจะไม่ได้มากมายอะไรในสายตาหลินสวิน เวลาจ่ายเงินก็ไม่สะเทือนสักนิด
หลายปีมานี้ที่อยู่ในแดนใหญ่พันศึก ลำพังแค่ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งที่เขาสั่งสมมาได้ก็มากถึงหลายร้อยล้านก้อนแล้ว เงินแค่นี้ไม่อยู่ในสายตาหลินสวินเลยจริงๆ
กระทั่งภายหลังเสี่ยวซีชักไม่สะดวกใจแล้ว คอยห้ามหลินสวินไม่ให้จ่ายเงินอีกอยู่ซ้ำๆ
ปากหลินสวินตอบตกลง แต่พอพบสมบัติบางส่วนที่เหมาะกับเสี่ยวซี ก็ยังซื้อไว้โดยไม่ยี่หระอีกอยู่ดี
กระทั่งเดินเล่นกันสองสามชั่วยาม
ในที่สุดเสี่ยวซีก็เริ่มปรับตัวเข้ากับบรรยากาศคึกคักพลุกพล่านเช่นนี้ได้แล้ว กล่าวด้วยแววตาสดใสวาววับ “พี่เต้ายวน ภายหน้าหากข้ามีกำลังพอ จะต้องให้พวกท่านปู่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ด้วยเช่นกัน”
นี่คงเป็นความปรารถนาแสนใสซื่ออย่างหนึ่ง
หลินสวินยกยิ้มพลางกล่าว “ต้องทำได้แน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์