เด็กหนุ่มหล่อเหลาในชุดหรูนามว่าฉินฮุยหรัน เป็นบุตรชายคนเล็กของเจ้าเมืองหลิวเขียวฉินเซี่ยวทง พรสวรรค์ล้ำเลิศ ฉลาดเหนือคนทั่วไป เพียงแต่นิสัยเสเพลรุนแรง อันธพาลดุดัน เป็นจอมเผด็จการน้อยคนหนึ่งในเมืองหลิวเขียว
อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณทั่วไป ต่อให้เป็นคนที่มีฐานะบางส่วนในเมืองยังไม่กล้าล่วงเกินเด็กหนุ่มเช่นนี้ง่ายๆ
ตอนนี้เสี่ยวซีสังหารผู้ติดตามคนสนิทของฉินฮุยหรัน ทำให้ฉินฮุยหรันเดือดจัด เรื่องนี้จากความเห็นทุกคน เด็กสาวที่เห็นชัดว่าไม่ได้มีชาติกำเนิดจากตระกูลใหญ่โตอะไรอย่างเสี่ยวซี ถูกลิขิตให้ยากจะพ้นเคราะห์แล้ว
“จับนางเด็กนี่มาให้นายน้อยจัดการ!”
องครักษ์พวกนั้นสีหน้ากราดเกรี้ยว เดินอาดๆ ไปทางเสี่ยวซีด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
แววตาพวกเขาชั่วร้าย มองออกแต่ต้นแล้วว่าเสี่ยวซีที่สวมเพียงกระโปรงหนังสัตว์ไม่ใช่คนชั้นสูงอะไรแน่นอน มีแนวโน้มสูงว่าจะมาจากชนเผ่าห่างไกลสักแห่งบริเวณใกล้เคียงเมืองหลิวเขียว
คนตัวเล็กๆ เช่นนี้ สำหรับพวกเขาแล้วไม่มีอานุภาพน่าสะพรึงให้พูดถึงสักนิด
มองดูแววเดือดดาลปนตระหนกกลัวบนใบหน้าเสี่ยวซี องครักษ์เหล่านี้อดรู้สึกคะนองเหมือนแมวหยอกหนูขึ้นมาไม่ได้
แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับ สายตาของนายน้อยสุดยอดจริงๆ เด็กสาวตรงหน้าคนนี้แม้จะดูมอซอ แต่กลับยากจะปกปิดความงามน่ารัก มีเสน่ห์ใสซื่อโดยธรรมชาตินั้นไว้ได้ เรียวขาหยกเหยียดตรงคู่นั้นทั้งเล็กทั้งยาว ผ่านไปอีกไม่กี่ปีต้องกลายเป็นหญิงงามล่มเมืองคนหนึ่งเป็นแน่
เสี่ยวซีถูกบีบเข้ามุมอับ เงาร่างอ้อนแอ้นสั่นระริกด้วยความเดือดดาล เห็นว่าใกล้จะถูกล้อมกรอบอยู่รอมร่อ นางกล่าวขึ้นอย่างทนไม่ไหวอีกแล้ว “ข้าจะสู้สุดตัวกับพวกเจ้า!”
ตูม!
นางยกมือหยกขึ้นแล้วพุ่งไปข้างหน้า แสงมรรคไหลวนรอบตัว ท่าทางเหมือนจะสู้สุดชีวิต
หว่างคิ้วองครักษ์เหล่านั้นล้วนเผยแววปรามาส แค่เจ้าตัวจ้อยระดับราชันอมตะเคราะห์คนหนึ่ง ไม่สามารถอยู่ในสายตาพวกเขาได้จริงๆ
องครักษ์หนึ่งในนั้นลงมือ คว้าไปที่ลำคอเสี่ยวซีตรงๆ หมายจะจับตัวนางเอาไว้
แต่มือของเขาเพิ่งยื่นออกมาก็เกิดเสียงดังกร๊อบคราหนึ่ง กระดูกเส้นเอ็นระเบิดแตก ร่างอ่อนยวบร่วงลงไป เจ็บจนเขาครวญออกมา
จากนั้นองครักษ์เหล่านั้นที่ล้อมเสี่ยวซีไว้ แต่ละคนต่างส่งเสียงอู้อี้ ราวถูกซัดกระดูกทั่วร่างแหลก ทรุดยวบลงพื้นอย่างอ่อนปวกเปียก
ทั่วลานเงียบกริบ ทุกคนในที่นั้นล้วนถูกภาพที่เกิดปุบปับนี้ทำให้ตกใจ เกือบคิดไปว่าตาฝาด ควรรู้ว่าที่นี่เป็นถึงในจวนเจ้าเมือง และองครักษ์เหล่านั้นล้วนเป็นขุนพลชั้นยอดของจวนเจ้าเมือง มรรควิถีแต่ละคนอยู่เหนือระดับราชันอริยะ ทั้งไม่ขาดพวกชั้นยอด!
แต่เพียงพริบตากลับทรุดร่วงลงพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง!
และก็เป็นเวลานี้ที่เงาร่างหลินสวินปรากฏตัว ยืนอยู่เบื้องหน้าเสี่ยวซีที่ถูกภาพนี้ทำให้ตกใจค้างเช่นเดียวกัน ก่อนเอ่ยเสียงนุ่ม “ยายหนู บาดเจ็บหรือไม่”
เมื่อเห็นหลินสวิน แววตระหนกและโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าเสี่ยวซีจางหายไป ขอบตาแดงก่ำขึ้นมาน้อยๆ ก่อนเอ่ยว่า “พี่เต้ายวน ข้าหาเรื่องเดือดร้อนให้ท่านแล้วหรือไม่”
ในใจหลินสวินผุดความสงสาร กล่าวว่า “นี่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไร ยกให้ข้าจัดการก็พอ”
เขาหมุนตัวหันมองเด็กหนุ่มชุดหรูฉินฮุยหรันที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เจ้าคิดจะทำอะไร!?”
ฉินฮุยหรันที่ถูกเหตุการณ์ปุบปับนี้ทำให้ตกใจแต่แรกหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ กล่าวเสียงเกรี้ยว “ที่นี่เป็นถึงจวนเจ้าเมือง แต่เจ้ากลับกล้าบุกรุกโดยพลการ ซ้ำยังลงมือทำร้ายคน เบื่อจะมีชีวิตแล้วหรือไร”
ว่าพลางเขาโบกมือคราหนึ่ง “เร็ว สังหารโจรชั่วคนนี้ซะ!”
รอบๆ จวนเจ้าเมืองมีองครักษ์มากมายแตกตื่น พุ่งเข้ามาในจวนนานแล้ว เวลานี้ล้วนชักอาวุธออกมา มองหลินสวินด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“เจ้าจะยอมให้จับแต่โดยดี หรือจะให้พวกข้าลงมือ” องครักษ์คนหนึ่งตวาดเย็นชา
ปึง!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ทั้งตัวเขาก็กระเด็นคว้างออกไป นอนเปลี้ยอยู่บนพื้น ไม่ว่าอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น
คนไม่น้อยล้วนหน้าเปลี่ยนสี เพราะไม่เห็นสักนิดว่าหลินสวินลงมืออย่างไร
“กรรมย่อมมีเหตุหนี้ย่อมมีคนก่อ อย่าบีบให้ข้าต้องฆ่าคนจะดีที่สุด” หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ
องครักษ์คนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงใจสั่นน้อยๆ หน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
“เข้าไปสิ! ฆ่าเขาเร็วเข้า! ฆ่าเขาซะ!”
ฉินฮุยหรันตะโกนลั่น เขาเองก็สัมผัสได้ว่าไม่เข้าที จึงตะโกนไปพลางวิ่งออกไปด้านนอก
“เด็กเหลือขอ เจ้าไม่ได้บอกว่าจวนเจ้าเมืองนี้เจ้าก็คือเหตุผลหรือ เหตุใดถึงหนีแล้วล่ะ”
แววตาหลินสวินทอประกายดูหมิ่น พลางคว้ามือผ่านอากาศ
ทันใดนั้นฉินฮุยหรันเหมือนแมลงเล็กๆ ตัวหนึ่ง ถูกพลังฝ่ามือไร้รูปจับตัวกระแทกมาอยู่ตรงหน้าหลินสวิน
เขากำลังจะตะกายตัวขึ้นมาก็ถูกหลินสวินเหยียบบนหลัง เสียงกระดูกแตกระลอกหนึ่งดังตามมา
นายน้อยของจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ ถึงจะเจ็บปวดรุนแรงยากรับไหว แต่ยังคงดุร้ายตามเดิม ตะโกนเสียงลั่น “เจ้าจบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว! รอท่านพ่อข้ามาก่อน เจ้ากับนางสาวเลวนั่นต้องได้ตายกันหมด!”
ปึง!
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ ออกแรงตรงปลายเท้า ฉินฮุยหรันรู้สึกเหมือนกระบี่นับหมื่นเสียบในใจ ความเจ็บปวดรุนแรงไร้สิ้นสุดฉีกทึ้งทั้งตัวเขาตรงๆ ปากนึกอยากตะโกนดังๆ แต่กลับเปล่งเสียงไม่ออกสักแอะ
ยามนี้เขารู้สึกตกใจกลัวในที่สุด
“สหาย ยั้งมือไว้ไมตรี!” องครักษ์เหล่านั้นล้วนลนลานเช่นกัน สีหน้าที่มองทางหลินสวินเต็มไปด้วยความตกใจ
หลายปีมานี้พวกเขาเพิ่งเคยเห็นคนร้ายกาจที่กล้าอาละวาดในจวนเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก หนำซ้ำอีกฝ่ายยังสงบนิ่งเพียงนั้น เห็นชัดว่ามั่นใจเต็มเปี่ยม!
“พี่เต้ายวน ช่างมันไปดีหรือไม่ ข้าไม่เป็นไร” เสี่ยวซีพูดอย่างกังวล
หลินสวินกล่าวเสียงนุ่ม “ยายหนู เจ้าต้องจำไว้ ต่อไปถ้าเจอเรื่องทำนองนี้ การถอยหมายถึงความขลาดกลัวและอ่อนแอ มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายได้คืบเอาศอก หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เจ้าแค่ยืนอยู่ข้างๆ คอยดูว่าข้าจัดการเรื่องนี้อย่างไร”
เสี่ยวซีออกจากหมู่บ้านเงาเมฆาเป็นครั้งแรก เปรียบเหมือนกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง ไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น
หลินสวินรู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้เรื่องนี้มาชี้แนะอีกฝ่ายเสียหน่อย หาไม่ภายหน้าเมื่อเขาจากไป เช่นนั้นก็ไม่มีคนปกป้องนางแบบนี้อีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์