Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2594

สรุปบท ตอนที่ 2594 นายท่าน ยังมีอีกไหม: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2594 นายท่าน ยังมีอีกไหม – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2594 นายท่าน ยังมีอีกไหม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 2594 นายท่าน ยังมีอีกไหม

การปรากฏตัวของหลินสวิน ทำให้โหยวเชียนเหิงกับหย่งเฟยตู้ล้วนแปลกใจมาก เนื่องจากแปลกหน้าเกินไป นึกไม่ออกสักนิดว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ไหน

จากความระแวดระวังตามสัญชาตญาณ พวกเขาจึงไม่ได้ลงมือในทันที

แต่เนี่ยชิงหรงเมื่อดีใจแล้วกลับนึกอะไรขึ้นได้ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ รีบเอ่ยว่า “สหายยุทธ์รีบหนีเร็ว ที่นี่มีพลังระเบียบปกคลุมอยู่!”

“คิดหนีหรือ เกรงว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว!” โหยวเชียนเหิงกล่าวเย็นชา “ข้ากลับคิดไม่ถึงว่าเข้าเนี่ยชิงหรงออกจากสำนักไปเที่ยวเดียว ถึงกับพาผู้ช่วยกลับมาด้วย น่าเสียดาย ตามความเห็นข้า เขาก็เป็นแค่เจ้าโง่ที่ไม่เจียมกำลังตัวเอง หาไม่มีหรือจะกล้าบุกเข้ามาที่นี่เวลานี้”

“นี่ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายชัดๆ!” หย่งเฟยตู้ยิ้มเอ่ยสรุป หลังผ่านความตกใจในตอนแรก เขาก็มั่นใจหายห่วงแล้ว

นี่เป็นสถานที่แบบไหน

พื้นที่ใจกลางของสำนักศึกษาสองลักษณ์ มีพลังระเบียบปกคลุม อย่าว่าแต่คนทั่วไป ต่อให้ระดับอมตะบุกรุกเข้ามาก็จะถูกกำราบจนหมดสภาพ!

กลับเห็นหลินสวินคล้ายไม่รู้สึกรู้สา และไม่ได้ล่าถอยหรือชะงักเท้า สนใจเพียงการสำรวจพลังระเบียบสีเขียวที่อัดแน่นในตำหนักใหญ่ปราดหนึ่ง ก่อนจะมองทางยังเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ยสองคน

“วางใจได้ ในเมื่อตัดสินใจช่วยแล้ว แค่พลังระเบียบเล็กน้อยไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้าหรอก” รอยยิ้มหลินสวินดูอ่อนโยนนัก

คำพูดราบเรียบเฉยเมยนั่นทำให้ความร้อนรนกระวนกระวายในใจพวกเนี่ยชิงหรงสองคนบรรเทาลง

“พลังระเบียบเล็กน้อยหรือ”

โหยวเชียนเหิงเกือบคิดว่าตัวเองฟังผิดไป พลันหัวเราะลั่นออกมา “เนี่ยชิงหรง เจ้าไปหาตัวประหลาดแบบนี้มาจากไหน”

“เจ้าสำนัก กำจัดคนผู้นี้โดยเร็วจะดีกว่า” หย่งเฟยตู้อารมณ์เสียอย่างมาก ใกล้จะได้ปราบพยศพวกเนี่ยชิงหรงอยู่แล้ว กลับถูกคนเข้ามาสอด ทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งยวด

“ก็ดี”

โหยวเชียนเหิงว่าพลาง กลางฝ่ามือผุดลัญจกรที่แสงเขียวไหลเวียน

ตูม!

จากนั้นพลังระเบียบสีเขียวนับไม่ถ้วนราวโซ่เทพเป็นเส้นๆ ทะลักออกมา สาดกระหน่ำไปทางหลินสวิน

หลินสวินไม่หลบไม่หลีก ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ กล่าวสื่อจิตในใจ ‘อู๋ซวง อาหารครั้งนี้ให้เจ้าเพลิดเพลินเพียงผู้เดียว’

‘ขอบคุณนายท่านยิ่งนัก’

ในเสียงใสเจื้อยแจ้ว ละอองแสงไหลเวียน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลันกลายเป็นแผนภาพชิ้นหนึ่งลอยอยู่กลางฝ่ามือหลินสวิน

ในระเบียบนิพพานส่วนลึกของเตากระบี่ เด็กสาวชุดขาวที่เหมือนอายุสิบสี่สิบห้าคนหนึ่งตื่นจากการหลับใหล อ่อนวัยงามสง่าดุจคุณหนูในห้องหอ อ่อนหวานจับใจ แผ่กลิ่นอายใสซื่อไร้เดียงสา

เป็นวิญญาณระเบียบมรรคสวรรค์ ‘อู๋ซวง’ จากโลกต้นกำเนิดในยุคก่อนนั่นเอง!

ทั้งหมดนี้คนนอกย่อมมองไม่เห็น

เกือบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินยื่นมือไปคว้าคราหนึ่ง

ตูม!

พลังระเบียบสีเขียวท่วมฟ้านั่นเหมือนหมื่นกระแสคืนแหล่ง ถูกกักขังเอาไว้แน่นหนา ภาพแปลกประหลาดพิสดารนั่นทำให้คนทุกคนล้วนอึ้งงัน

นี่เป็นไปได้อย่างไร!?

จากนั้นแผนภาพเตากระบี่กลางฝ่ามือหลินสวินไหลวน ดุจดั่งถ้ำมืดสนิทขนาดใหญ่ปากหนึ่ง แผ่กลิ่นอายกลืนกินน่าสะพรึงออกมา พลังระเบียบสีเขียวเป็นสายๆ กลายเป็นแสงเคลื่อนพุ่งเข้าไปในนั้น เพียงพริบตาระเบียบระดับปฐพีขั้นสามที่ปิดครอบตำหนักสองลักษณ์ก็ถูกกลืนกินหมดสิ้น

“นี่…”

เนี่ยชิงหรง เหลิ่งชิงเสวี่ยล้วนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น ในใจสั่นสะท้าน นั่นเป็นถึงพลังระเบียบ ก่อนหน้านี้กดข่มจนพวกนางไร้เรี่ยวแรงปัดป้อง

แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินยื่นมือไปคว้าแล้วกลืนหายไปจนเกลี้ยง!

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

โหยวเชียนเหิงร้องเสียงหลง สีหน้าเขียวคล้ำ ฝึกปราณจนถึงตอนนี้เขาเพิ่งได้เห็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเช่นนี้เป็นครั้งแรก ทำให้เขาปั่นป่วนในทันที

ตำหนักใหญ่เงียบกริบ ทุกคนสีหน้าอัศจรรย์ใจหาใดเปรียบ

‘นายท่าน ยังมีอีกไหม’ ภายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง อู๋ซวงเอ่ยถามกล้าๆ กลัวๆ นางดูเหมือนยังไม่จุใจ

มุมปากหลินสวินกระตุกคราหนึ่ง สื่อจิตในใจ ‘หากต่อไปเจ้าแสดงฝีมือได้ดี ข้าจะช่วยเจ้ารวบรวมพลังระเบียบมากกว่านี้’

ช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานหลินสวินสัมผัสได้ถึงสัญญาณฟื้นตื่นของอู๋ซวงแล้ว ทั้งยังเหมือนถูกระเบียบนิพพานฝึกให้เชื่องโดยสิ้นเชิง เมื่อจิตรับรู้ของเขาหยั่งสัมผัส อู๋ซวงก็เผยความสวามิภักดิ์โดยสมบูรณ์

การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน

น่าเสียดาย แม้ว่าอู๋ซวงจะตื่นขึ้นมาแล้วแต่กลับอ่อนแอสุดขีด อีกทั้งนางเป็นวิญญาณระเบียบ ไม่มีสติปัญญาแท้จริง การกระทำและคำพูดทั้งหมดล้วนอาศัยระเบียบในตัวสำแดงออกมา

จากข้อมูลที่หลินสวินสัมผัสได้ แม้ว่าอู๋ซวงจะฟื้นกลับมาได้ แต่หากตนไม่ได้เหยียบย่างมรรคาอมตะ ก็ไม่มีทางหยิบยืมพลังของอู๋ซวงมาต่อสู้ได้

แต่ยังดีที่เวลาต้านทานพลังระเบียบ ไม่ว่าอู๋ซวงหรือระเบียบนิพพานล้วนสามารถปลดปล่อยอานุภาพเหนือคาดออกมาได้

ก็เป็นเวลานี้เอง

“เจ้าสำนัก บนตัวเขาต้องมีของต้องห้ามที่ต้านทานพลังระเบียบได้แน่!” ไม่ไกลนัก หลังผ่านสะท้านสะเทือนในตอนแรก หย่งเฟยตู้ก็ตะโกนเตือนเสียงดัง

“พูดพล่ามมากเกินไปแล้ว” หลินสวินเก็บจิตรับรู้พลางมองหย่งเฟยตู้ ก่อนยื่นมือไปตบคราหนึ่ง

ตูม!

กลางอากาศควบรวมประทับฝ่ามือใหญ่สายหนึ่ง เรียบง่ายหนาหนัก ตบไปทางหย่งเฟยตู้

หย่งเฟยตู้ก็เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิเช่นกัน ย่อมไม่มีทางนั่งเฉยรอความตาย รีบกระตุ้นมรรควิถีในตัวทันที ปลดปล่อยวิชาลับออกมาปะทะตรงๆ

แต่น่าเสียดาย เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้น่าสะพรึงปานใด

แววตาเนี่ยชิงหรงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและดูหมิ่น ขณะพูดนางก็เดินไปทางโหยวเชียนเหิงอีก

“พี่สาว หากสิ่งที่โหยวเชียนเหิงพูดเป็นความจริง เช่นนั้นตระกูลจู้ในตอนนี้ก็ยิ่งใหญ่กว่าที่ในอดีตจะเทียบได้ หากท่านฆ่าเขา เกรงว่าตระกูลเฮ่อคงไม่สะดวกออกหน้าแทนท่าน” เหลิ่งชิงเสวี่ยอดเอ่ยเตือนไม่ได้

“น้องสาวแสนซื่อของข้า ในเมื่อลงมือไปแล้วย่อมไม่มีช่องว่างให้ถอยกลับ ส่วนตระกูลจู้… ย่อมมีคนมาจัดการให้อยู่แล้ว”

กล่าวพลางเนี่ยชิงหรงโบกมือคราหนึ่ง

พรึ่บ!

โหยวเชียนเหิงที่สลบไม่ได้ถูกเปลวเพลิงไร้จุดจบปิดครอบ เพียงพริบตาก็กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวกระจายเกลื่อนพื้น

เหลิ่งชิงเสวี่ยมองภาพนี้อึ้งๆ แล้วเอ่ยว่า “พี่สาว หากตระกูลเฮ่อก็ทอดทิ้งท่านเพราะเรื่องนี้ด้วยจะทำอย่างไร ท่านก็รู้ดี คนอย่างพวกเราดูเหมือนบารมีไร้จำกัด แต่ในสายตาของเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้น ไม่พ้นเป็นเพียงหมากที่สามารถโยนทิ้งได้ตลอดเวลาก็เท่านั้น”

เนี่ยชิงหรงแววตาซับซ้อน เอ่ยว่า “น้องสาว เจ้าแค่ทำใจให้สบายก็พอแล้ว สหายยุทธ์คนนั้นเตรียมตัวก่อนเกิดเรื่องนานแล้ว คิดหาวิธีแก้ไขทั้งหมดนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว”

ก่อนหน้านี้หลินสวินเคยพูดว่าให้ตนโยนความรับผิดชอบทั้งหมดไปที่เขา ต่อให้ตระกูลจู้ส่งคนมุ่งหน้ามา หลินสวินก็จะเป็นคนจัดการเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ตระกูลเฮ่อก็ไม่มีทางว่าอะไร กลับกัน เมื่อนางปกครองสำนักศึกษาสองลักษณ์ ยิ่งสร้างคุณูปการมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับความสำคัญจากตระกูลเฮ่อง่ายยิ่งขึ้น

เพียงแต่ภายในใจเนี่ยชิงหรงมักรู้สึกติดหนี้บุญคุณอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าควรตอบแทนอย่างไร นางกระทั่งคิดไปถึงขั้นที่ใช้ร่างกายตอบแทน ยกเขาเป็นนาย เกรงว่าอีกฝ่ายก็อาจไม่ตกลงด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรคนที่เป็นเหมือนตำนานอย่างเขา จะมัวยึดติดหมกมุ่นกับความงามอะไรได้อย่างไร

ในวันนี้เนี่ยชิงหรงประกาศต่อหน้าสาธารณะว่าอดีตเจ้าสำนักโหยวเชียนเหิงและรองเจ้าสำนักหย่งเฟยตูถูกศัตรูสังหาร และตอนนี้ล้วนกายสิ้นมรรคสลายไปตามๆ กันแล้ว

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางจะเข้ารับตำแหน่งเจ้าสำนัก!

ชั่วขณะเดียวสำนักศึกษาสองลักษณ์พลันโกลาหล ศิษย์นับไม่ถ้วนถูกทำให้แตกตื่น สามสิบหกผู้นำยอดเขาล้วนนั่งไม่ติด ต่างมุ่งหน้าไปสอบถามที่ตำหนักสองลักษณ์

ในนั้นไม่ขาดคนใหญ่คนโตที่ภักดีต่อโหยวเชียนเหิง หลังจากยืนยันว่าข่าวเหล่านี้เป็นความจริง ล้วนตระหนักได้ว่าสถานการณ์จะไม่พลิกกลับมาแล้ว

ต่อให้เป็นคนที่ภักดีต่อโหยวเชียนเหิงแค่ไหนก็ไม่มีใครคัดค้าน

เบื้องหลังเนี่ยชิงหรงมีตระกูลเฮ่อสนับสนุนอยู่ ส่วนเบื้องหลังเหลิ่งชิงเสวี่ยมีตระกูลหงสนับสนุน ตอนนี้โหยวเชียนเหิงไม่อยู่แล้ว แม้พวกเขาคิดต่อต้านก็ไม่มีความกล้าพอ!

ความโกลาหลชั่วขณะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ถึงอย่างไรเมื่อไม่นานมานี้รองเจ้าสำนักเหนียนอวิ๋นจิงก็เพิ่งถูกกำราบ ตอนนี้แม้แต่เจ้าสำนักโหยวเชียนเหิงและรองเจ้าสำนักหย่งเฟยตูก็ร่วงหล่นไปหมดแล้ว

การสูญเสียบุคคลสำคัญที่เหมือนเสาหลักสามคนในคราวเดียว สำหรับสำนักศึกษาสองลักษณ์แล้วไม่ต่างอะไรกับการโจมตีที่หนักหน่วงหาใดเปรียบอย่างหนึ่ง

ถึงขั้นที่ตำแหน่งของสำนักศึกษาสองลักษณ์ในน่านฟ้าที่หนึ่งยังได้รับแรงสะเทือนและผลกระทบครั้งใหญ่!

…………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์