สรุปตอน ตอนที่ 2602 เจ้านับเป็นตัวอะไร – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 2602 เจ้านับเป็นตัวอะไร ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 2602 เจ้านับเป็นตัวอะไร
ระเบียบอสนีพิฆาตถือเป็นพลังระเบียบที่สมบูรณ์ ถ้าระดับอมตะได้ไป หลังจากหยั่งรู้และครอบครองนัยเร้นลับได้ ก็จะสามารถบุกเบิกสำนักในน่านฟ้าที่หก กลายเป็นขุมอำนาจอมตะแห่งหนึ่งได้อย่างก้าวกระโดด!
นี่ก็คือคุณค่าของพลังระเบียบ
แต่ตอนนี้ระเบียบอสนีพิฆาตที่หลินสวินชิงมาได้นี้ กลับกลายเป็น ‘อาหาร’ ของอู๋ซวง…
ถ้าถูกเฒ่าชราน่านฟ้าที่หกพวกนั้นรู้เข้า จะต้องอาละวาดด่าทอทำลายข้าวของแน่
แต่สำหรับหลินสวิน ไม่ถึงกับเข้าเนื้อมากมายอยู่แล้ว
ภายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของเขามีระเบียบนิพพาน มีเสี่ยวหมิง เสี่ยวเซียน ทั้งยังมีพลังระเบียบคำสาปที่ชิงมาจากส่วนลึกของสระเทพตก
อีกทั้งตอนนี้หลินสวินได้รู้จากปากอู๋ซวงแล้ว ว่าพลังระเบียบคำสาปนี้มีพลังคำสาปที่อหังการชั่วร้ายถึงขีดสุดอยู่ นัยเร้นลับและอานุภาพของมันสามารถเทียบได้กับระดับสวรรค์ขั้นสามไปแล้ว!
ก็เพราะเหตุนี้ หลินสวินถึงไม่ให้ระเบียบนิพพานหลอมระเบียบคำสาปนี้ ถึงอย่างไรพลังระเบียบระดับสวรรค์ก็เหนือกว่าระเบียบระดับปฐพีนัก
สรุปแล้วในสายตาหลินสวินตอนนี้ พลังระเบียบที่อยู่ต่ำกว่าระดับสวรรค์ ล้วนเป็นอาหารให้อู๋ซวง เสี่ยวหมิง และเสี่ยวเซียนไปทั้งหมด
มีเพียงพลังระเบียบระดับสวรรค์ขึ้นไปถึงควรค่าแก่การเก็บไว้
“สมบัติของเจ้าเฒ่านี่จะน่าอนาถเกินไปแล้ว…”
ระหว่างที่อู๋ซวงหลอมและดูดซึมระเบียบอสนีพิฆาต หลินสวินก็ไม่ได้อยู่ว่าง เริ่มสะสางทรัพย์หลังศึกที่ได้มาจากจู้ฮุย
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือ ระดับอมตะเช่นนี้กลับมีแต่ศาสตรามรรคอมตะชิ้นเดียวที่เรียกได้ว่าเข้าตา แม้สมบัติอื่นๆ ของเขาจะมูลค่าไม่ธรรมดา แต่กลับไม่มีสิ่งไหนที่มีประโยชน์กับการฝึกปราณของหลินสวิน
หลินสวินโยนสมบัติที่หลอมจากวัตุอมตะนั้นเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง แล้วเคลื่อนตัวตรงดิ่งออกจากโกรกธารมหึมาแห่งนี้
หลังจากระเบียบอสนีพิฆาตถูกสยบ พลังกฎระเบียบที่มีอยู่ทั่วเขตผนึกนิรันดร์โรยแห่งนี้ก็หายไปแล้ว ทำให้หลินสวินกลับออกไปนอกโกรกธารได้อย่างสะดวกตลอดทาง
‘พวกนี้ถึงเป็นของดีสินะ…’
นอกโกรกธารหลินสวินตาลุกวาว สายฟ้าสีเทาขาวเป็นสายๆ ที่ตัดกันอยู่กลางอากาศ ระเบิดเพลิงระเบียบเป็นริ้วๆ ออกมาระหว่างที่ปะทะกัน
ด้วยมรรควิถีของเขาในตอนนี้ ไม่อาจเอาพลังระเบียบมาใช้หรือควบคุมได้ แต่กลับเก็บรวมรวมเพลิงระเบียบมาสังหารศัตรูได้!
“ทะยาน!”
เมื่อเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทะยานออกมา หลินสวินก็เริ่มเคลื่อนไหว
การเก็บรวมรวมแต่ละครั้งก็เหมือนลองเฉียดใกล้ความตายอย่างบ้าระห่ำ ทั้งอันตรายและท้าทาย แต่เมื่อได้เห็นเพลิงระเบียบที่ถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบไปเหล่านั้น ความรู้สึกได้เก็บเกี่ยวเต็มเปี่ยมเช่นนั้นก็ทำให้หลินสวินรู้สึกว่า ต่อให้เป็นการรนหาที่ตายไปสักหน่อย… ก็คุ้มนัก
ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ
เพลิงระเบียบที่ตัดสลับกันกลางอากาศนั้นแทบหาไม่เจอแล้ว
หลินสวินถึงจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ตอนนี้ภายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของเขา แค่เพลิงระเบียบที่เก็บรวบรวมมาได้ก็มีเกือบสี่ร้อยสาย ปริมาณเรียกได้ว่าน่าตกใจ!
……
สำนักศึกษาสองลักษณ์
“ตั้งเดือนหนึ่งแล้ว แต่ทำไมผู้อาวุโสจู้ฮุยถึงยังไม่กลับมา หรือจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้น”
ภายในตำหนักหลังหนึ่ง หงอิ้งเหอทูตท่องสวรรค์ตระกูลหงนิ่วหน้า
“ออกจะผิดปกติจริงๆ”
ข้างๆ กันดวงตาของเฮ่อโหย่วฟางที่กำลังดื่มสุราอยู่เจือแววประหลาด “แต่ไหนแต่ไรมาระดับอมตะที่ตายด้วยพลังระเบียบ… ก็พบเห็นได้ไม่น้อย”
หงอิ้งเหออึ้งไป เอ่ยคล้ายครุ่นคิดว่า “ดูเหมือนสหายยุทธ์ไม่ได้อยากเห็นผู้อาวุโสจู้ฮุยกลับมาใช่ไหม”
เฮ่อโหย่วฟางแค่นหัวเราะ เอ่ยตอบไม่ตรงคำถาม “ก่อนหน้านี้ไม่นานตระกูลจู้เพิ่งได้พลังระเบียบระดับสวรรค์ไป หากไม่ผิดคาด ประเดี๋ยวทั้งตระกูลก็จะย้ายไปตั้งรกรากที่น่านฟ้าที่เจ็ด เรื่องนี้ทำให้ขุมอำนาจใหญ่ในน่านฟ้าที่หกไม่น้อยต่างอิจฉา…”
เขาหยุดไป มองหงอิ้งเหอปราดหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากพูดแทงใจดำ จากที่ข้าดู เกรงว่าสหายยุทธ์ก็คงดีใจที่ได้ยินข่าวร้ายของจู้ฮุยด้วยกระมัง”
หงอิ้งเหอหรี่ตาลง จากนั้นพลันยิ้มเอ่ย “ในใจเข้าใจกันเองก็พอ ไยต้องพูดออกมาด้วย”
เฮ่อโหย่วฟางหัวเราะลั่น “แต่จะว่าไป ข่าวร้ายย่อมไม่แพร่กลับมา ถึงอย่างไรคราวนี้จู้ฮุยก็เคลื่อนไหวคนเดียว ต่อให้ประสบเคราะห์จริงก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาตายอย่างไร”
หงอิ้งเหอพยักหน้า จู่ๆ สายตาก็มองไปยังเหลิ่งชิงเสวี่ยซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งต่ำลงไป เอ่ยว่า “ชิงเสวี่ย เรื่องนั้นเจ้าไตร่ตรองเช่นไรบ้าง”
หลายวันก่อนนางได้เสนอว่า ถ้าเหลิ่งชิงเสวี่ยตกลงก็จะพานางไปฝึกปราณที่น่านฟ้าที่หกด้วยกัน แต่เงื่อนไขก็คือ เหลิ่งชิงเสวี่ยต้องเป็นอนุภรรยาของคนชั้นสูงในตระกูลหงผู้หนึ่ง
อนุภรรยา!
แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับของเล่น
ให้บรรพจารย์จักรพรรดิที่รูปลักษณ์โดดเด่น ภูมิหลังไม่ธรรมดาผู้หนึ่งลดตัวไปเป็นอนุภรรยา เห็นชัดว่าข้อเสนอเช่นนี้เจือนัยดูหมิ่น
แต่ในความคิดหงอิ้งเหอแล้ว สิ่งที่นางทำนี้เป็นการช่วยเหลือเหลิ่งชิงเสวี่ย!
เพราะคนธรรมดาทั่วไปไม่มีสิทธิ์ได้เป็นอนุภรรยาของคนชั้นสูงตระกูลหงอยู่แล้ว
ดวงตาเฮ่อโหย่วฟางก็มองเหลิ่งชิงเสวี่ยเช่นกัน คล้ายตรวจดูสิ่งของแล้วเอ่ยว่า “รูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดายิ่งจริงๆ เพียงแต่ถ้านางไปกับเจ้าแล้ว ภายหน้าน่านฟ้าที่หนึ่งแห่งนี้ใครจะมารับใช้ตระกูลหงของพวกเจ้า”
หงอิ้งเหอยิ้มพูด “บนโลกนี้คางคกสามขาหายาก แต่คนที่ยินดีรับใช้ตระกูลหงของข้าหาได้เป็นกำ”
และยามนี้เนี่ยชิงหรงซึ่งนั่งอยู่อีกด้านของเหลิ่งชิงเสวี่ยเอ่ยเสียงนอบน้อมว่า “ใต้เท้า ชิงเสวี่ยสนใจแต่ฝึกปราณ เกรงว่าจะไม่อาจเป็นอนุภรรยาได้ดี หากภายหน้าก่อความยุ่งยากอะไรเข้า จะกลับกลายเป็นนำพาความวุ่นวายมาสู่ตระกูลหง”
หงอิ้งเหอสีหน้าอึมครึมกล่าวว่า “ที่นี่เจ้ามีสิทธิ์เอ่ยปากด้วยหรือ”
เนี่ยชิงหรงตัวแข็งทื่อ ก้มหน้าลง “ขอใต้เท้าคลายโทสะด้วย”
นางเงยหน้าขึ้นมองหงอิ้งเหอ เอ่ยว่า “ใต้เท้า ข้า… ตกลง!”
เมื่อพูดคำนี้ออกไป ตัวนางเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ในใจหมองเศร้าถึงที่สุด
“เพิ่งมาตกลงเอาตอนนี้หรือ สายไปแล้ว!”
หงอิ้งเหอแววตาเหี้ยมเกรียม “ข้าให้เจ้าไปเป็นอนุภรรยาเป็นการให้โอกาสเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รู้ว่าอย่างไรเรียกว่าเห็นคุณค่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ โอกาสนี้ก็ให้คนอื่นไปก็แล้วกัน”
“จะปล่อยพี่สาวข้าไปได้หรือไม่” เหลิ่งชิงเสวี่ยร้อนรน
เฮ่อโหย่วฟางยิ้มเสแสร้งเอ่ยว่า “คนเราต้องฉลาดรู้ตน บรรพจารย์จักรพรรดิแล้วอย่างไร ในสายตาของเผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างพวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวจ้อย!”
“ข้าไม่มีทางก้มหัวรับโทษ”
เนี่ยชิงหรงยืนขึ้นทันที แววตาเย็นชา “เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิเหมือนกัน อาศัยอะไรให้พวกเจ้าวางตัวสูงส่ง เจ้าเฮ่อโหย่วฟางโอ้อวดคุยโตต่อหน้าข้า แต่ในสายตาของคนใหญ่คนโตน่านฟ้าที่เจ็ดเหล่านั้น เกรงว่าก็คงไม่ต่างอะไรกับมดตัวจ้อยที่เจ้าพูดมากระมัง”
“และในสายตาของสิบยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปด เจ้า… นับเป็นตัวอะไร”
“เจ้าหาที่ตาย!”
เฮ่อโหย่วฟางบันดาลโทสะ โกรธเกรี้ยวจนผมชี้ตั้ง กระโจนตัวออกไปตบเนี่ยชิงหรงทันที
การโจมตีที่เจือความโมโหนี้มีไอสังหารซัดสาด แสงมรรคเดือดพล่าน น่ากลัวถึงขีดสุด
เนี่ยชิงหรงหายใจยังติดขัด แต่กลับไม่หวั่นกลัว นางทุ่มสุดตัวไปแล้วจะยังกลัวอะไรอีก
ก็แค่ตายหนเดียวเท่านั้น!
เพียงแต่ยามที่นางคิดจะเอาชีวิตเข้าแลกนี้เอง เสียงอันเรียบเฉยเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“บอกว่าเจ้านับเป็นตัวอะไร เจ้ายังไม่ยอมหรือ”
เงาร่างสูงตระหง่านสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ แขนเสื้อปลิวสะบัดพร้อมกับเสียง
ตูม!
พลังฝ่ามือที่โจมตีลงมานั้นสาดกระจายเหมือนสายฝน อ่อนแออย่างกับกระดาษเปื่อยในทันที
ด้านเฮ่อโหย่วฟางที่อยู่ไกลออกไปถูกพลังสะบัดแขนเสื้อนี้ซัดกระเด็นออกไปโดยพลัน กระแทกเข้ากับผนังไกลๆ ตัวเขาถูกฝังอยู่ในผนังท่ามกลางเศษซากปลิวว่อน
เขากระอักเลือดออกปากจมูก ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด กระดูกทั้งตัวหักไปไม่รู้กี่ท่อน ร่างกายยังกระตุกเกร็งอย่างรุนแรง สีหน้าเต็มไปด้วยแววกราดเกรี้ยวและตกตะลึง
ใคร!
เจ้าหมอนั่นเป็นใคร!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์