ตอนที่ 2608 เกิดมาท่ามกลางความไม่ยุติธรรม
น่านฟ้าที่ห้า
ในส่วนลึกของทุ่งน้ำแข็งตะวันตกเฉียงเหนือ ภายในถ้ำสถิตที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หมื่นจั้งใต้ดิน
แสงประกายเขียวมรกตล่องลอย ต้นหงเหมิงหมื่นมรรคหยั่งราก ใบไม้แกว่งไกว แผ่นัยเร้นลับมหามรรคชั้นยอดของยุคก่อนออกมา
หลินสวินนั่งขัดสมาธิ กำลังสงบจิตหยั่งรู้นัยเร้นลับมหามรรค
ไม่ไกลนักเนี่ยชิงหรงกำลังหลอมศาสตราจักรพรรดิ เหลิ่งชิงเสวี่ยกำลังชี้แนะเสี่ยวซีฝึกปราณ
แม้โลกภายนอกจะหนาวเหน็บเสียดกระดูก ภายในถ้ำสถิตกลับอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ เงียบสงบสันติ
นี่เป็นเดือนที่สามที่พวกหลินสวินเข้าสู่น่านฟ้าที่ห้า
และเป็นเวลาสามปีสี่เดือนหลังจากพวกหลินสวินออกจากน่านฟ้าที่หนึ่ง
สามปีมานี้ ตั้งแต่น่านฟ้าที่หนึ่งจนกระทั่งมาถึงน่านฟ้าที่สี่ ล้วนถูกหลินสวินบุกอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน สร้างความสะเทือนไหวไปทั่ว
เหล่าคนที่รับใช้ขุมอำนาจศัตรูร่วงหล่นไปไม่รู้เท่าไหร่!
สำหรับหลินสวิน นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการโต้ตอบเท่านั้น
ถึงอย่างไรระหว่างทางคนที่ถูกเขาฆ่า ก็เป็นเพียงแค่หมารับใช้กลุ่มหนึ่งเท่านั้น
และความสูญเสียของพวกเผ่าจักรพรรดิอมตะก็ไม่ได้รุนแรง
ดังนั้นแม้ในหลายปีมานี้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ดุดันรุนแรงยิ่งขึ้น แต่สำหรับหลินสวิน ยังไม่ถึงกับมีอะไรควรค่าแก่การภาคภูมิใจ
“ข้าออกไปเดินเล่นสักหน่อย”
ครู่ใหญ่หลินสวินลุกจากการนั่งสมาธิ ก่อนกำชับว่า “ก่อนที่ข้าจะกลับมาอย่าได้ออกจากที่นี่”
เนี่ยชิงหรง เหลิ่งชิงเสวี่ยและเสี่ยวซีพยักหน้าโดยพร้อมเพรียงกัน
หลายปีมานี้พวกนางเดินทางพร้อมกับหลินสวิน แม้เวลาส่วนใหญ่จะอยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ทว่าเรื่องที่หลินสวินทำพวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา
ตอนแรกสุดพวกนางยังอดเป็นห่วงหลินสวินไม่ได้ ทว่าตั้งแต่หลินสวินสลายอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า และยังบุกสังหารตั้งแต่น่านฟ้าที่สองมาถึงน่านฟ้าที่ห้า พลังเย้ยฟ้าที่หลินสวินสำแดงออกมาทำให้ในใจพวกนางเลื่อมใสนานแล้ว ไม่กังวลและประหม่าเหมือนตอนแรกอีกต่อไป
ความจริงสามารถติดตามหลินสวินมาถึงวันนี้ได้ สำหรับพวกนางก็เหมือนความฝัน มักรู้สึกไม่สมจริง
“พี่หลินคงไม่ได้จะไปต่อสู้กระมัง”
หลังจากหลินสวินจากไป เหลิ่งชิงเสวี่ยอดถามไม่ได้
หลายปีมานี้ทุกครั้งที่ถึงน่านฟ้าใหม่ หลินสวินจะเก็บตัวก่อนช่วงหนึ่ง จนกระทั่งหลังจากรู้สถานการณ์โดยละเอียดของน่านฟ้านี้แล้วจึงจะเปิดฉากเข่นฆ่า
“คงไม่ถึงกับต่อสู้ แต่จะต้องไปสืบข่าวแน่”
ในดวงตาคู่งามของเนี่ยชิงหรงเผยแววใคร่ครวญ “นี่เป็นน่านฟ้าที่ห้าแล้ว แตกต่างจากน่านฟ้าอื่นๆ น่านฟ้านี้มีเขตอิทธิพลของพวกเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายตั้งอยู่ แม้ไม่สามารถเทียบได้กับน่านฟ้าที่หก แต่ในขุมอำนาจเหล่านี้ก็มีระดับอมตะดูแล…”
“ต่อให้ไม่พูดถึงขุมอำนาจเหล่านี้ พวกเผ่าจักรพรรดิอมตะของน่านฟ้าที่หก ในหลายปีก่อนหน้านี้ก็ถูกพี่หลินหาเรื่องจนหน้าเขียว แทบจะรักษาหน้าไว้ไม่อยู่… หากข้าเป็นพวกเขาจะต้องเคลื่อนกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด ใช้การโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตกับพี่หลินในน่านฟ้าที่ห้านี้”
พูดถึงสุดท้ายเสียงกลับเป็นเบาลงแล้ว สภาวะจิตตึงเครียดขึ้นมา
เหลิ่งชิงเสวี่ยอึ้งไปครู่ใหญ่ พยักหน้าพูด “ที่พี่สาวพูดมีเหตุผล เหนือน่านฟ้าที่ห้าก็คือน่านห้าที่หก ที่นั่นเป็นอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้น หากครั้งนี้ไม่สามารถขวางพี่หลินไว้ได้ อีกไม่นานพี่หลินก็คงทะยานไปถึงน่านฟ้าที่หก”
“หากเป็นเช่นนี้ พวกศัตรูในน่านฟ้าที่หกคงกินไม่ได้นอนไม่หลับกันแน่!”
“ถึงอย่างไรหลายปีมานี้แม้พวกเขาจะสูญเสียอย่างมาก แต่สิ่งที่เสียไปล้วนเป็นคนใต้อาณัติที่รับใช้พวกเขา แต่ถ้าพี่หลินไปถึงน่านฟ้าที่หก ตัวตนของเขาก็เหมือนดาบคม สามารถคุกคามบรรดาเผ่าจักรพรรดิอมตะโดยตรง!”
“บางทีด้วยพลังต่อสู้ของพี่หลินในตอนนี้ อาจไม่สามารถกวาดล้างเผ่าจักรพรรดิอมตะได้ แต่ถ้าเขามีความคิดที่จะทำลาย จะมีเผ่าจักรพรรดิอมตะสักกี่ตระกูลที่สามารถรับการเคี่ยวกรำเช่นนี้ได้”
คำพูดนี้ทำให้เนี่ยชิงหรงอดประหลาดใจไม่ได้ เอ่ยว่า “ชิงเสวี่ย ตอนนี้เจ้าพิจารณาเรื่องราวรอบคอบกว่าเมื่อก่อนแล้ว”
“การฝึกมรรคเกี่ยวข้องกับจิตใจและเรื่องราวที่ประสบ ข้าในสมัยก่อนคิดแต่จะฝึกปราณ ไม่สนใจเรื่องราวบนโลก นั่นเพราะว่าข้ารู้ตัวว่าความหวังที่จะไปจากน่านฟ้าที่หนึ่งริบหรี่มาก”
บนใบหน้างามของเหลิ่งชิงเสวี่ยเผยรอยยิ้มบางๆ “แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน พวกเรามาถึงน่านฟ้าที่ห้าแล้ว ทุกอย่างล้วนแตกต่างกับก่อนหน้านี้ ข้าย่อมไม่สามารถเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว”
เนี่ยชิงหรงชื่นชม “นี่เรียกว่าเรื่องราวบนโลกล้วนเป็นความรู้ การได้พบเจอเรื่องราวบนโลก การเปลี่ยนแปลงของจิตใจ มักหมายความว่ามรรคาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนขึ้นด้วย”
“นี่ต้องขอบคุณพี่หลิน หากไม่ใช่เพราะเขาพาพวกเราออกจากน่านฟ้าที่หนึ่ง ชาตินี้พวกเราคงไม่มีโอกาสมาถึงน่านฟ้าที่ห้านี้”
พูดถึงตรงนี้เหลิ่งชิงเสวี่ยอดกังวลขึ้นมาไม่ได้ “เพียงแต่สถานการณ์ของน่านฟ้าที่ห้าคงอันตรายกว่าที่เราคิด พี่หลินเขา…”
“วางใจเถอะ พี่หลินจะต้องไม่เป็นอะไร”
เนี่ยชิงหรงพูดด้วยสายตาแน่วแน่
เสี่ยวซีที่เงียบฟังมาโดยตลอดก็พยักหน้าแรงๆ พูดด้วยเสียงใสกังวาน “พี่เต้ายวนร้ายกาจขนาดนั้น แน่นอนว่าต้องไม่เป็นอะไร!”
……
ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล หิมะโปรยปราย
หลินสวินเอามือไพล่หลังพลางก้าวเดินไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวล้วนเหมือนย่อระยะพื้นดิน หายไปในชั่วพริบตา
เหมือนกับเนี่ยชิงหรงและเหลิ่งชิงเสวี่ย หลินสวินเองก็รู้ดีว่าน่านฟ้าที่ห้านี้แตกต่างกับก่อนหน้า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ศัตรูจะลอบเคลื่อนไหวในที่มืดนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์