เฒ่าคุนเดินออกมาข้างหน้า ตบไหล่ลูกสาวเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไป”
หวั่นโหรวเอ่ยเสียงเบา “ท่านพ่อ ข้าแค่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของท่านอยู่บ้าง…”
เฒ่าคุนหัวเราะเบิกบานเอ่ยว่า “ถึงแม้จะเจ็บหนัก แต่ก็ยังเอาชีวิตข้าไปไม่ได้”
“ใต้เท้า มีแขกมาหาขอรับ”
จู่ๆ นอกเรือนก็มีเสียงเคารพนบนอบของข้ารับใช้ดังขึ้น
ดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้แล้ว ใครมาเยี่ยมกัน
ไม่รอให้เฒ่าคุนไตร่ตรอง ประตูใหญ่ที่ปิดสนิทของเรือนก็ถูกผลักออก จากนั้นเงาร่างสูงผอมร่างหนึ่งก็สาวเท้าเข้ามา
คนผู้นี้เป็นชายน่าเกรงขามที่พลานุภาพแกร่งกล้าผู้หนึ่ง เพิ่งเข้ามาก็ยิ้มเอ่ยว่า “เฒ่าคุน มาเยี่ยมดึกๆ ดื่นๆ เจ้าไม่ว่าอะไรข้ากระมัง”
เฒ่าคุนเผยรอยยิ้มกระตือรือร้น “สหายยุทธ์มาเยือน ข้าดีใจยิ่งนัก จะกล้ามีความคิดตำหนิได้อย่างไร เชิญเข้ามาได้เลย”
หวั่นโหรวที่อยู่ข้างๆ มุ่นคิ้วอย่างยากสังเกต จำฐานะของผู้มาเยือนได้
เหิงเทียนเซี่ยว!
ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิรุ่นอาวุโสผู้หนึ่งในเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหิง
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเกรงใจ ข้ามาคราวนี้มีธุระเพียงอย่างเดียว”
ขณะที่เหิงเทียนเซี่ยวพูดก็หันหน้าไปนอกเรือนแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าก็เข้ามาให้หมดเถอะ”
ทันใดนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา มีชายหญิงรุ่นเยาว์สี่ห้าคนนำหน้า แต่ละคนแต่งกายงามหรู สง่างามผิดธรรมดา แววตาเจือแววเย่อหยิ่งอวดดีอยู่จางๆ
และมีผู้คุ้มกันสิบกว่าคนล้อมอยู่ข้างกายพวกเขาเหมือนดาวล้อมเดือน
เฒ่าคุนอึ้งไป “คนพวกนี้คือ”
“พวกนี้ล้วนเป็นลูกหลานตระกูลข้า”
เหิงเทียนเซี่ยวยกมือขึ้นชี้ชายหญิงสี่ห้าคนนั้น เอ่ยว่า “ข้าคิดจะให้พวกเขาไปเปิดหูเปิดตาที่ทะเลประหัตมารสักครั้ง ได้ฝึกฝนสักหน่อยจะดีที่สุด ต้องมีประโยชน์ต่อการฝึกปราณของพวกเขามากแน่ๆ”
เฒ่าคุนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เอ่ยว่า “สหายยุทธ์ ทะเลประหัตมารอันตรายปานไหน…”
ยังไม่ทันรอให้พูดจบเหิงเทียนเซี่ยวก็โบกมือตัดบท กล่าวว่า “เฒ่าคุน ไม่ใช่ยังมีเจ้าอยู่หรอกหรือ ดังคำกล่าวที่ว่าหยกไม่ได้รับการเจียระไนก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้ แม้มรรควิถีของคนหนุ่มสาวพวกนี้จะล้ำเลิศ พรสวรรค์ไม่ธรรมดา แต่กลับขาดการขัดเกลาด้วยอันตรายที่แท้จริง เจ้าแค่พาพวกเขาไปสักรอบ ให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตาถึงอันตรายในทะเลประหัตมารแห่งนั้นก็พอ”
เฒ่าคุนยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “สหายยุทธ์ ท่านคงไม่รู้ คราวนี้ผู้ที่นำขบวนไปทะเลประหัตมารก็คือลูกสาวของข้า ด้วยความสามารถของนาง หากเกิดความวุ่นวายอะไรขึ้น เช่นนั้นผลลัพธ์ข้าเองก็รับไว้ไม่ไหว”
ชายหนุ่มชุดทองหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่งเอ่ยเย็นชาว่า “ผู้อาวุโสผู้นี้ เจ้าดูถูกพวกเราหรือ”
คนตระกูลเหิงคนอื่นๆ ก็เผยสีหน้าไม่พอใจกันหมด
เฒ่าคุนด่าทออยู่ในใจ แต่ปากกลับรีบยิ้มประจบ “ข้าน้อยไม่กล้า เพียงแต่…”
“พอแล้ว เรื่องนี้ก็เอาตามนี้ล่ะ” เหิงเทียนเซี่ยวโบกมือช่วยเฒ่าคุนตัดสินใจ
เฒ่าคุนสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ อยู่ครู่หนึ่ง สักพักจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าน้อยก็ขอพูดจาไม่น่าฟังไว้ก่อนว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นระหว่างทางนี้ ถึงตอนนั้นสหายยุทธ์ก็อย่าโทษข้าแล้วกัน”
เหิงเทียนเซี่ยวหัวเราะร่า สายตากวาดมองคนหนุ่มสาวเหล่านั้นแล้วพูดว่า “เห็นหรือยัง ในสายตาของเฒ่าคุน พวกเจ้าก็เป็นภาระน่ากังวลใจกลุ่มหนึ่ง! พวกเจ้าจำไว้ ถ้าอยากให้คนอื่นให้ความสำคัญ ตลอดทางนี้จะต้องแสดงความสามารถดีๆ อย่าให้ตระกูลเหิงขายหน้า!”
ขณะพูดเขาก็ทอดสายตามามองเฒ่าคุนอีก เอ่ยว่า “เจ้าวางใจก็พอ เด็กๆ ตระกูลเหิงของข้าแต่ละคนความสามารถไม่ธรรมดาทั้งนั้น ถ้าพบเหตุไม่คาดฝันอะไรเข้า ข้าก็ไม่อาจกล่าวโทษเจ้าได้”
เฒ่าคุนหัวเราะหยันอยู่ในใจ พูดเสียน่าฟัง แต่พอเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เกรงว่าเจ้าเฒ่าอย่างเจ้าต้องผลักความรับผิดชอบมาให้ข้าแน่!
สายตาเหิงเทียนเซี่ยวมองผู้คุ้มกันเหล่านั้นแล้วพูดว่า “ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าดูผู้คุ้มกันพวกนี้สิ เป็นผู้ติดตามอาวุโสที่ภักดีกับตระกูลเหิงของข้าทั้งนั้น คนไหนไม่มีมรรควิถีระดับบรรพจารย์จักรพรรดิบ้าง มีพวกเขาอยู่ ขอเพียงไม่พบกับผู้มากความสามารถระดับอมตะเข้า สามารถสลายอันตรายทั้งปวงได้”
เฒ่าคุนเองก็สังเกตเห็นว่าผู้คุ้มกันสิบกว่าคนนั้นไม่ธรรมดา แต่ละคนต่างมีพลังปราณระดับบรรพจารย์ กลิ่นอายบนตัวบางคนถึงกับแข็งแกร่งกว่าเหิงเทียนเซี่ยวเสียด้วยซ้ำ!
ทำไมผู้ที่แข็งแกร่งปานนี้ถึงตกเป็นผู้คุ้มกันข้างกายคนหนุ่มสาวพวกนี้ได้
เรื่องนี้ดูเหมือนน่าขัน แต่ความจริงแล้วในเผ่าจักรพรรดิอมตะใหญ่ของน่านฟ้าที่หกต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดายิ่ง
เพราะบนโลกนี้ คนที่หมายใจเข้าสวามิภักดิ์กับเผ่าจักรพรรดิอมตะนั้นมีมาก!
อย่างเนี่ยชิงหรงกับหลิ่งชิงเสวี่ยต่างเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่สมัยอยู่ที่น่านฟ้าที่หนึ่งก็ไม่ได้ต้องการให้ตระกูลเฮ่อกับตระกูลหงนำทางมาฝึกปราณที่น่านฟ้าที่หกแห่งนี้หรอกหรือ
ดังนั้น ต่อให้ดูเหมือนพลังปราณเท่าๆ กัน แต่คนตระกูลเหิงอย่างเหิงเทียนเซี่ยวกลับมีสถานะสูงกว่าผู้ติดตามอาวุโสที่สวามิภักดิ์กับตระกูลเหิงเหล่านั้นอย่างเทียบไม่ติด
ในที่สุดเฒ่าคุนก็ได้แต่ประนีประนอม ยอมรับปากไป
พวกเหิงเทียนเซี่ยวก็ไม่ได้อยู่ต่ออีก ไม่นานนักก็จากไป
เมื่อในเรือนเหลือเพียงเฒ่าคุนกับหวั่นโหรว หวั่นโหรวทนไม่ได้อีกต่อไป พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ การเคลื่อนไหวคราวนี้ให้สืออวี่นั่นเพิ่มเข้ามาก็เต็มขีดจำกัดที่ข้าทนได้แล้ว ตอนนี้จู่ๆ ตระกูลเหิงก็ยัดคนเข้ามาเยอะขนาดนี้ ข้า…ข้าจะไปดูแลได้อย่างไร”
เฒ่าคุนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ประกายเย็นชาไหวเคลื่อนในดวงตา เอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องดูแลพวกเขา แค่พาพวกเขาไปเคลื่อนไหวด้วยกันก็พอ ถ้าเกิดเรื่องจริงๆ ก็ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นพ่อย่อมมีวิธีจัดการกับการกล่าวโทษของตระกูลเหิง”
ทันใดนั้น เขาก็นิ่วหน้าเอ่ย “แต่เจ้ายังต้องระวังไว้ก่อนเสียหน่อย ดึกดื่นมืดค่ำแบบนี้ เขาเหิงเทียนเซี่ยวกลับพาคนกลุ่มหนึ่งมาขอไปทะเลประหัตมารเอาตอนนี้ เรื่องนี้ออกจะผิดปกติ”
ด้วยคำเตือนนี้ หวั่นโหรวก็รับรู้ได้ว่าออกจะไม่ชอบมาพากล พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านว่าตระกูลเหิงมาคราวนี้จะมีเป้าหมายอื่นไหม”
เฒ่าคุนส่ายหัว “ไม่ พวกเขาไม่มีทางพุ่งเป้าพวกเรา แต่เป็นไปได้สูงยิ่งที่พวกเขาไปทะเลประหัตมารคราวนี้ จะไม่ได้ไปเพื่อขัดเกลาคนหนุ่มสาวพวกนั้นแน่ๆ แต่มีเป้าหมายอื่น!”
“เป้าหมายอื่น…” เนตรกระจ่างของหวั่นโหรวฉายวาบ
“แต่เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ ให้คิดเสียว่าเป็นคนนำทางคนหนึ่งก็พอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์