Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2621

สรุปบท ตอนที่ 2621 นิ่งดูดาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2621 นิ่งดูดาย – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2621 นิ่งดูดาย ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2621 นิ่งดูดาย

ตรงข้ามกับการกระทำของคนตระกูลเหิงเหล่านั้น ในช่วงหลายวันมานี้ทำให้หวั่นโหรวหงุดหงิดนัก

บางคนปล่อยตัวปล่อยใจ ดื่มเหล้าร้องเพลง หวั่นโหรวก็ทน

บางคนมัวเมาในโลกีย์ สำมะเลเทเมาทุกค่ำคืน หวั่นโหรวก็ทน

บางคนถึงที่ไหนก็ต้องโวยวายอยากให้ยานสมบัติหยุดชั่วคราว เพราะอยากไปเยี่ยมเพื่อนในเมือง หวั่นโหรว… ก็ยังทน

แต่ดันมีคนฝึกมรรคกระบี่อย่างเหิมเกริมบนยานสมบัติ เสียงดังชิ้งๆ นั่นแหลมสูงนัก ยามปราณกระบี่ม้วนตลบ พลังผนึกที่อยู่ในยานสมบัติยังถูกสะเทือน ปั่นป่วนไปทั้งยานสมบัติ

นี่ก็คือสิ่งที่หวั่นโหรวไม่อาจทนได้

คนที่ฝึกกระบี่ก็คือเหิงซิงไห่ ผู้นำของคนตระกูลเหิงพวกนี้ ว่ากันว่าคนผู้นี้คลั่งไคล้มรรคกระบี่ ขอเพียงว่างก็จะใช้เวลาไปกับการฝึกกระบี่

ถ้าอยู่ที่อื่นหวั่นโหรวอาจจะชื่นชม แต่บนยานสมบัตินี้กลับทำให้คนหงุดหงิดและต่อต้าน

หวั่นโหรวยังเคยไปเตือนด้วยตัวเอง หวังว่าเหิงซิงไห่จะยับยั้งชั่งใจ เก็บกลั้นลงหน่อย อย่างน้อยก็อย่าให้กระทบกับความสงบของทั้งยานสมบัติ

ใครจะคิดว่าเหิงซิงไห่ไม่สนใจสักนิด ยังคงทำตามอำเภอใจ ไม่เห็นคำพูดของหวั่นโหรวในสายตา

นี่จะให้หวั่นโหรวไม่หงุดหงิดได้อย่างไร

และเมื่อเทียบกันเช่นนี้ หลินสวินที่เก็บตัวไม่ออกมาตั้งแต่ขึ้นยานสมบัติ ยิ่งทำให้นางรู้สึกดีด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

“คุณหนู แย่แล้ว”

จู่ๆ นอกห้องก็มีเสียงกระวนกระวายสายหนึ่งดังมา

หวั่นโหรวหวาดหวั่นใจ เอ่ยว่า “เข้ามาได้”

สาวใช้คนหนึ่งผลักประตูเข้ามา เอ่ยร้อนรนว่า “คุณหนู ท่านรีบไปดูห้องที่คุณชายสืออวี่อยู่เถอะ คุณชายเหิงซิงเหวินอยากให้รุ่นเยวี่ยเป็นเพื่อนดื่มสุรา รุ่นเยวี่ยไม่ยอม แต่เหิงซิงเหวินกลับไม่เลิกรา บันดาลโทสะ ตอนนี้จะลงมือแล้ว!”

หวั่นโหรวผุดลุกขึ้น ใบหน้างามเย็นชายิ่งนัก “เจ้าหมอนี่จะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!”

เหิงซิงเหวินก็คือลูกหลานตระกูลเหิงที่ตั้งแต่เหยียบยานสมบัติมาก็มัวเมาในโลกีย์ สำมะเลเทเมาทุกค่ำคืน ผู้ติดตามหญิงสามคนที่ปรนนิบัติข้างกายเขาทำเรื่องที่ไม่อาจบรรยายได้บางอย่างกับเขาทั้งวันทั้งคืน ก่อเรื่องบนยานสมบัติจนไก่สุนัขล้วนไม่เป็นสุข

หากเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรภาพและเสียงที่ทนดูไม่ได้พวกนั้นก็เกิดขึ้นในห้องของเหิงซิงเหวิน มีพลังผนึกปกคลุม ไม่อาจกระทบคนอื่นได้

แต่ตอนนี้เจ้าหมอนี่ดันยื่นกรงเล็บมารไปหารุ่นเยวี่ย นี่ก็เป็นการล้ำเส้นหวั่นโหรว!

รุ่นเยวี่ยเป็นสาวใช้ข้างกายนาง ตั้งแต่ก่อนขึ้นยานสมบัติก็ถูกนางจัดให้ไปปรนนิบัติหลินสวิน แต่ตอนนี้กลับถูกมารตัณหากลับมั่วโลกีย์อย่างเหิงซิงเหวินจับจ้อง จะไม่ทำให้หวั่นโหรวโมโหได้อย่างไร

“ลุงเจียว พวกเราไปดูหน่อย”

หวั่นโหรวเดินออกนอกห้องทันที

……

หลินสวินถูกเสียงที่เผยความขุ่นเคือง หมดหนทาง และสับสนปลุกขึ้นจากการนั่งสมาธิ

แม้ในห้องมีพลังผนึกปกคลุมอยู่ แต่อยู่ในนี้กลับเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก ระหว่างที่ยานสมบัติทะยานท่องอยู่ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันจะไม่อาจรับรู้ได้ในทันที

เช่นนั้นเป็นไปได้สูงยิ่งที่จะทำให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

ดังนั้นทันทีที่หลินสวินเหยียบลงบนยานสมบัติ ก็เปิดพลังผนึกในห้องไว้มุมหนึ่ง เช่นนี้ต่อให้เกิดเรื่องคาดไม่ถึงใดๆ ก็จะตอบสนองได้ทันที

แล้วก็เพราะเหตุนี้ เมื่อเสียงขุ่นเคืองสับสนนั้นดังขึ้นจึงถูกหลินสวินสังเกตได้ทันที

เป็นรุ่นเยวี่ย!

หลินสวินอึ้งไปอย่างอดไม่ได้

นี่เป็นถึงยานสมบัติของหอการค้าเก้าใบ ใครใจกล้าทำไม่ดีกับรุ่นเยวี่ยบนยานนี้เช่นนี้

จิตรับรู้ของหลินสวินแผ่ขยาย ชั่วพริบตาก็จับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นนอกห้องได้

เผียะ!

เสียงตบหน้าก้องกังวานดังขึ้น

ใบหน้าพริ้มเพราขาวสะอาดของรุ่นเยวี่ยบวมแดง ร่างเซล้มไปกับพื้น นางไม่กล้าต่อต้าน น้ำตานองหน้า เต็มไปด้วยความโกรธเคืองและหวั่นกลัว

“นี่เป็นยานสมบัติของหอการค้าเก้าใบ คุณชายไม่กลัวว่าจะล่วงเกินคุณหนูตระกูลข้าหรือ” นางเอ่ยเสียงสั่น

ตรงข้ามกันเหิงซิงเหวินสีหน้าเฉยเมย บนใบหน้าหล่อเหลามีแต่ความอึมครึม “หอการค้าเก้าใบแล้วอย่างไร ยังจะมาล่วงเกินข้าเพราะขี้ข้าอย่างเจ้าหรือ”

ขณะพูดเขาก็คว้ารุ่นเยวี่ยขึ้นมา สายตากวาดมองร่างอรชรนั้นของรุ่นเยวี่ยอย่างเหิมเกริมไม่หวั่นกลัว เผยแววตามากตัณหา เอ่ยว่า

“ที่ข้าฝึกก็คือมรรคร่วมหรรษา ล้ำเลิศเหลือจะกล่าว ผู้หญิงที่ถูกข้าเลือกมีคนไหนไม่ได้รับประโยชน์ยิ่งใหญ่จากมรรคร่วมหรรษาบ้าง”

“ข้าไม่ต้องการ ไม่ต้องการ…”

รุ่นเยวี่ยร้องเสียงแหลม ใบหน้างามหวาดผวา เอ่ยคร่ำครวญว่า “ขอร้องท่านล่ะ ปล่อยข้าไปเถอะ…”

“ผู้หญิงที่ถูกข้าหมายปองทุกคน คนไหนกล้าปฏิเสธข้าแบบนี้บ้าง”

เหิงซิงเหวินหัวเราะหยัน คว้าแขนรุ่นเยวี่ยจะพากลับห้อง

ในห้องหลินสวินนิ่วหน้า คนตระกูลเหิงถึงกับกล้าเหิมเกริบขนาดนี้เชียวหรือ

“หยุดนะ!”

สีหน้าเขาปรากฏความจนใจเช่นกัน ส่ายหัวไม่หยุด

หวั่นโหรวรู้ว่าลุงเจียวพูดไม่ผิด แต่ความแค้นในใจก็ยากลบเลือนได้อยู่ดี กัดฟันเอ่ยว่า

“ยังมีสืออวี่นั่นอีก เรื่องเกิดนอกห้องเขา เขาดันไม่สนใจตั้งแต่เริ่มยันจบ เสียแรงที่ข้าจัดให้รุ่นเยวี่ยไปปรนนิบัติข้างกายเขา ใครจะคิดว่าเขาจะถึงกับเป็นคนขี้ขลาดกลัวเกิดเรื่องคนหนึ่ง!”

ลุงเจียวถอนใจเบาๆ “มีฐานะเป็นคนนอก ไม่กล้าล่วงเกินตระกูลเหิงก็เข้าใจได้ขอรับ”

ใบหน้างามของหวั่นโหรวเผยความผิดหวังและดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง “ท่านพ่อข้ายังบอกว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา ให้ข้าปฏิบัติต่อเขาดีๆ อย่าละเลย ถึงกับพูดอีกว่าเมื่อเจอวิกฤตที่ไม่สามารถคลี่คลายให้ไปขอความช่วยเหลือจากคนผู้นี้ได้ ใครจะคิด… เขาดันเป็นคนขี้คลาดไร้ความสามารถแบบนี้!”

ลุงเจียวครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ตลอดชีวิตนี้นายท่านผ่านอันตรายและคลื่นลมแรงกล้ามาไม่รู้เท่าไร ด้วยสายตาที่มองทะลุเรื่องราวบนโลกของเขา น้อยนักที่จะมองคนผิด ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ จะต้องเป็นเพราะสังเกตเห็นความพิเศษจากตัวคุณชายสืออวี่ผู้นี้ได้แน่ๆ”

เขาหยุดไปแล้วเอ่ยต่อเสียงอ่อนโยนว่า “จากที่ข้าดู คุณหนูจะกระทำการโดยใช้อารมณ์ไม่ได้ ว่ากันถึงแก่นแล้วเรื่องนี้คนตระกูลเหิงเป็นคนก่อ ไม่เกี่ยวกับคุณชายสืออวี่ เขาจะช่วยหรือไม่ พวกเราก็พูดอะไรไม่ได้”

“จริงด้วย ไม่เกี่ยวกับเขา…”

หวั่นโหรวเสียงเศร้าซึม “ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าไม่น่าให้รุ่นเยวี่ยไปปรนนิบัติเขาเลย ข้าเองก็ไม่ควรปฏิบัติกับเขาต่างจากคนอื่น!”

เสียงเผยความผิดหวังอย่างแรงกล้า

เดิมทีในช่วงหลายวันนี้นางยังมีความประทับใจที่ดีกับหลินสวินอยู่ เกิดความรู้สึกดีด้วยระดับหนึ่ง

แต่ตอนนี้ความรู้สึกดีที่มีจำกัดนี้ก็มลายหายไปแล้ว

“คุณหนู เช่นนั้นข้ายังต้องไปปรนนิบัติคุณชายสืออวี่ไหม” รุ่นเยวี่ยถามอย่างขลาดกลัว

“ไม่ต้องแล้ว!”

หวั่นโหรวไม่เสแสร้ง เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ภายหน้าก็ถือเสียว่าบนยานสมบัตินี้ไม่มีคนอย่างเขาก็พอแล้ว”

ลุงเจียวถอนใจเบาๆ เอ่ยเสียงอ่อนว่า “คุณหนู…”

เพิ่งเอ่ยปากก็ถูกหวั่นโหรวตัดบท “ลุงเจียว ถ้าจะเกลี้ยกล่อมให้ข้าเข้าใจและยอมรับเจ้าคนเห็นแก่ตัวขี้ขลาดตาขาวนั่นก็อย่าพูดเลย”

ลุงเจียวได้แต่ยิ้มเจื่อน ความจริงแล้วเขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างเช่นกัน

เดิมทีการตกลงรับปากให้สืออวี่ผู้นี้ร่วมทางไปด้วยกันคราวนี้ก็เป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว

และหลังจากขึ้นยานสมบัติ หวั่นโหรวยังส่งสาวใช้ข้างกายอย่างรุ่นเยวี่ยไปปรนนิบัติ ตั้งแต่เริ่มจนจบก็ปฏิบัติต่อเขาโดยไม่ได้ละเลยแต่อย่างใด

ต่อให้ไม่รับน้ำใจ แต่เรื่องเมื่อครู่เกิดขึ้นนอกห้องเขา เขากลับไม่แยแส เลือกนิ่งเฉยมองดูอยู่ข้างๆ ได้อย่างไร

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่า… จะรู้สึกผิดหวังกับเรื่องนี้เหมือนกันกระมัง

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์