สรุปตอน ตอนที่ 2622 กระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุน – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 2622 กระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 2622 กระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุน
ในห้อง
หลินสวินนั่งขัดสมาธิ นิ่วหน้าเล็กน้อย
แม้คลื่นลมที่เกิดขึ้นนอกประตูจะปิดฉากลงแล้ว แต่เขากลับรู้สึกชอบกลอยู่บ้าง
เดิมทีตอนเห็นภาพเหิงซิงเหวินตบรุ่นเยวี่ย เขาก็คิดจะลงมือช่วยแล้ว ถึงอย่างไรรุ่นเยวี่ยก็เป็นสาวใช้ที่ถูกจัดมาอยู่ข้างกายเขา
มิหนำซ้ำคราวนี้ได้หวั่นโหรวนำทาง เขาย่อมต้องรู้สึกขอบคุณ
แต่ก็ในตอนที่เตรียมลงมือ หลินสวินกลับตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
อย่างแรก เหิงซิงไห่มีพลังปราณระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด ส่วนรุ่นเยวี่ยมีพลังปราณแค่ระดับจักรพรรดิขั้นหกทั่วๆ ไป
ถ้าอยากจับรุ่นเยวี่ยแล้วพาตัวไปจริงๆ ด้วยความสามารถของเหิงซิงไห่ต้องสามารถจับรุ่นเยวี่ยได้ในพริบตา ถึงขั้นไม่มีเสียงดังออกมาด้วย
แต่เหิงซิงไห่กลับไม่ทำเช่นนี้ ไม่สนใจว่าจะก่อให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต ทำให้คนอื่นล่วงรู้
เรื่องนี้ดูชอบกลอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ที่เกิดเหตุของเรื่องนี้ก็แปลกมากด้วย
ตั้งแต่ตอนที่ขึ้นยานสมบัติ หลินสวินก็กำชับกับรุ่นเยวี่ยไปแล้วว่ายามเขาฝึกปราณอยู่ในห้อง เขาไม่ต้องการการปรนนิบัติแต่อย่างใด
ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นอย่ามารบกวนเขาจะดีที่สุด
และตอนนี้ยานสมบัติทะยานอยู่บนเส้นทางมาสิบกว่าวันแล้ว รุ่นเยวี่ยก็เชื่อฟังนัก ไม่เคยมารบกวนหลินสวินเลย
แต่ก็ในวันนี้เอง รุ่นเยวี่ยกลับปรากฏตัวนอกห้องเขา และถูกเหิงซิงไห่จับจ้องเสียอย่างนั้น
แม้หลังจากรุ่นเยวี่ยได้รับอันตราย เป็นฝ่ายออกตัวขอความช่วยเหลือเอง แต่นางมีฐานะเป็นสาวใช้ของหวั่นโหรว ไม่ใช่ควรต้องไปขอความช่วยเหลือจากหวั่นโหรวทันทีหรือ
แต่นางกลับปรากฏตัวหน้าห้องตน…
เรื่องทั้งหมดทำให้หลินสวินรู้สึกเหมือนมีคนจงใจให้ตนเห็นเหตุการณ์นี้
นี่ก็ผิดปกตินัก
ด้วยเหตุนี้หลินสวินที่เดิมคิดจะลงมือ จึงตัดสินใจจะอยู่เฉยๆ เลือกนิ่งมองอยู่ด้านข้าง
ตอนนี้สิ่งที่หลินสวินคิดอยู่ก็คือ เหิงซิงเหวินมีปัญหา หรือรุ่นเยวี่ยมีปัญหากันแน่
หรือสองคนนี้มีปัญหาทั้งหมด
เห็นชัดว่าพวกเขาก่อเรื่องนี้เพื่อกระตุ้นให้ตนออกมา แต่พวกเขาทำแบบนี้เพื่อเป้าหมายอะไร
หยั่งเชิงความสามารถของตนหรือ
สืบตื้นลึกหนาบางของตนหรือ
หลินสวินขบคิดครู่ใหญ่ จากนั้นก็ส่ายหัว
ช่างหัวกับดักแผนการประไร ถ้ามายุ่งกับเขาจริงๆ ฆ่าซะก็พอ!
ในสายตาหลินสวิน ทั้งยานสมบัตินี้ยอดฝีมือที่สามารถอยู่ในสายตาเขาได้ ก็มีแต่ ‘ลุงเจียว’ ที่อยู่ข้างกายหวั่นโหรวคนนั้น
ส่วนคนอื่น ยากจะเข้าตาหลินสวินจริงๆ
หลายปีมานี้ระดับอมตะเขายังเคยฆ่า จะไปสนใจระดับจักรพรรดิเหล่านี้ได้อย่างไร
คนอื่นอาจจะกลัวอิทธิพลของตระกูลเหิง แต่ขอโทษด้วย ตั้งแต่เขาหลินสวินเข้าสู่โลกยอดนิรันดร์ก็ไม่เคยกลัวเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลใด!
‘ช่างเถอะ อย่างไรเรื่องนี้ก็เกิดบนยานสมบัติ ไปเตือนหวั่นโหรวไว้สักหน่อยดีกว่า…’
หลินสวินลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ตรงไปยังที่พักของหวั่นโหรว
ทว่าหลังจากหลินสวินเคาะประตู เสียงที่เจือความเย็นชาของรุ่นเยวี่ยกลับแว่วมาจากในห้อง
“คุณหนูข้าพักผ่อนแล้ว คุณชายมาหาวันอื่นเถอะเจ้าค่ะ”
หลินสวินอึ้งไป เอ่ยว่า “รบกวนบอกคุณหนูเจ้าที ว่าข้ามาคราวนี้มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งจะคุยกับนาง”
หลังจากเงียบไปครู่สั้นๆ เสียงรุ่นเยวี่ยก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คุณชาย คุณหนูข้าบอกแล้วว่ามีเรื่องอะไรค่อยคุยวันหลัง”
หลินสวินเลิกคิ้ว พอจะจับความรู้สึกบางอย่างได้กลายๆ จึงยิ้มเอ่ยอย่างอดไม่ได้ว่า “ช่างเถอะ”
เขาหันหลังจากไป
ในใจรู้ชัดว่าสาเหตุที่หวั่นโหรวไม่ให้เขาเข้าไป เกรงว่าคงกล่าวโทษตนที่ก่อนหน้าไม่ไปยับยั้งคลื่นลมครั้งนั้น
หรือนางคิดว่าตนขี้ขลาดตาขาว
หรือคิดว่าตนเห็นแก่ตัวเลือดเย็น
หลินสวินยิ้ม ไม่ได้ถือสาการปฏิเสธเล็กน้อยเช่นนี้ อย่างไรก็เป็นเรื่องเล็ก เขาเห็นแก่หน้าเฒ่าคุนจึงไม่ไปคิดหยุมหยิมกับหวั่นโหรว
ระหว่างทางกลับห้องคนผู้หนึ่งยืนรออยู่ตรงนั้น แต่งกายชุดทองทั้งตัว ร่างกายกำยำองอาจน่ากริ่งเกรง เป็นเหิงซิงไห่ที่คลั่งไคล้การฝึกมรรคกระบี่คนนั้น
พอเห็นหลินสวินปรากฏตัว เหิงซิงไห่ก็เอ่ยว่า “สหาย คุยด้วยได้ไหม”
“คุยอะไร” หลินสวินหยุดเดิน
เหิงซิงไห่ยิ้มเอ่ย “ไม่ต้องตระหนกไป ข้าแค่ได้ยินว่าสหายอาศัยความสัมพันธ์กับตระกูลเผิงขึ้นยานสมบัติมา ข้าก็ถือเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของเผิงเทียนเสียง จึงอยากรู้จักสหายเสียหน่อย”
“เช่นนั้นหรือ แต่ข้าไม่สนใจทำความรู้จักกับคนที่ไม่รู้จัก”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ เช่นกันพลางเดินตรงดิ่งไปข้างหน้า
เหิงซิงไห่อึ้งไป คล้ายคิดไม่ถึงว่าจะโดนปฏิเสธเช่นนี้ ตามองตามเงาร่างหลินสวินที่จากไป แววอึมครึมเย็นชาผุดขึ้นกลางหว่างคิ้วเขาอย่างห้ามไม่ได้
ครู่ต่อมาเขาก็หันหลังจากไป
สายตาเขามองไปไกล
ยานสมบัติในตอนนี้แล่นอยู่ในทะเลเมฆดำทะมึน สายฟ้าใหญ่หนาเหมือนมังกรจะพุ่งออกมาจากทะเลเมฆเป็นพักๆ ปลดปล่อยแสงบาดตาพร่างพราวออกมา เสียงดังสนั่นน่าหวาดหวั่น
พายุที่ดุจวังน้ำวนลูกแล้วลูกเล่าเหมือนหมู่มารร่ายรำ ทะยานซัดกระหน่ำในชั้นเมฆ ฉีกกระชากฟ้ากว้าง ปั่นป่วนจักรวาล ส่งเสียงกึกก้องครั่นครืน
เมื่อเทียบกันแล้วยานสมบัติที่ทุกคนโดยสารก็เล็กจ้อยเป็นที่สุด อย่างกับเมล็ดข้าวหนึ่งในมหาสมุทร
“ที่นี่คือทะเลอสนีมารทมิฬ ให้กำเนิดอสนีเทพหมื่นมารอันชั่วร้ายและอันตรายถึงตาย ถ้าถูกฟาดโดน ระดับจักรพรรดิทั่วไปก็รับไม่ไหว และยังมี ‘พายุประหัตหยิน’ ร้ายกาจถึงที่สุดเช่นกัน สามารถเป่าวิญญาณคนให้กระจุย พิสดารถึงขีดสุด”
ลุงเจียวชี้ออกไปไกล อธิบายให้หลินสวินฟัง
หลินสวินพยักหน้าเอ่ย “ดูท่าจะอันตรายจริงๆ”
เขาสังเกตได้ว่าบนยานสมบัตินี้มีประกายแสงวงคลื่นเหมือนรุ้งเจ็ดสีเป็นชั้นๆ ปรากฏขึ้น แปลงเป็นกระบังแสงปกคลุมรอบทิศ จึงหลบการโจมตีของ ‘อสนีเทพหมื่นมาร’ กับ ‘พายุประหัตหยิน’ ได้อย่างหวุดหวิดตลอดทางสายนี้
“สำหรับคนที่เข้าออกทะเลประหัตมารเป็นประจำอย่างพวกเรา ภาพตรงหน้าเหล่านี้ก็เป็นแค่ละครฉากเล็ก บนเส้นทางต่อๆ ไป ยิ่งเข้าใกล้ทะเลประหัตมารก็ยิ่งอันตราย”
“อย่างภูเขาพิฆาตโลหิต มีกลิ่นอายคาวเลือดที่สั่งสมมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน เขาลูกนี้สูงเก้าพันจั้ง วางตัวพาดอยู่กลางฟ้าดิน ไม่ต่างอะไรกับนรกสีเลือด”
“หรืออย่างแดนมรณะกระแสเชี่ยว มีรอยแยกเสี้ยวมิติเรียวยาวนับไม่ถ้วนกระจายอยู่ หากเดินอยู่ในนั้น จะถูกกระแสมิติม้วนตลบไปเมื่อไรก็ได้…”
“และยังมีแม่น้ำขุมวิญญาณ ยอดเขาเขาแพะ เกาะแปดปีศาจ…”
ลุงเจียวพูดจาฉะฉาน รู้จักพื้นที่อันตรายรายทางสายนี้ดีเหมือนนับสมบัติในบ้าน
หลินสวินฟังอย่างสนอกสนใจ เอ่ยว่า “มิน่าทะเลประหัตมารแห่งนี้ถึงถูกมองว่าเป็นพื้นที่โกลาหลอันดับหนึ่งของน่านฟ้าที่หก แค่อันตรายที่อยู่ตลอดทางนี้ก็ขัดขวางผู้ฝึกปราณส่วนมากที่จะมุ่งหน้าไปได้แล้ว”
ลุงเจียวยิ้มเอ่ย “ดังนั้นทะเลประหัตมารจึงกลายเป็นที่หลบเคราะห์ของพวกยอดคนชั่วร้ายเหล่านั้น คนทั่วไปถ้าไม่ใช่ว่าไม่มีที่ไปแล้ว จะไม่มาที่บ้าๆ แบบนี้เด็ดขาด”
“ลุงเจียว”
ไม่ไกลหวั่นโหรวเอ่ยปาก “อีกครึ่งชั่วยามก็จะถึงภูเขาพิฆาตโลหิต ท่านล่วงหน้าไปเตรียมสินค้าก่อน”
ลุงเจียวพยักหน้าทันที หันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
และในตอนนี้เหิงซิงไห่ก็เดินมาหาหวั่นโหรวจากไกลๆ สีหน้าเบิกบาน ยิ้มเอ่ยว่า “แม่นางหวั่นโหรว ขอให้เจ้าชี้แนะสักหน่อยได้ไหม”
“มิบังอาจชี้แนะ ไม่ทราบว่าคุณชายอยากถามเรื่องใด” หวั่นโหรวเอ่ย
ไม่ไกลนักเหิงซิงเหวินกับผู้คุ้มกันจำนวนหนึ่งก็เดินมาทางหลินสวิน พวกเขาดูเหมือนมาชมทิวทัศน์นอกยานสมบัติตามสบาย
แต่หลินสวินกลับนิ่วหน้า เพราะถ้าสังเกตดีๆ เงาร่างพวกเหิงซิงเหวินก่อตัวเป็นกำแพงแถวหนึ่งมาขวางเขากับหวั่นโหรวพอดี
เหิงซิงไห่มองดูหวั่นโหรวที่อยู่ใกล้กัน รอยยิ้มของเขายังเหมือนเดิม แต่แววตากลับเปลี่ยนเป็นคมกริบน่ากลัวทันที เอ่ยเสียงเบาว่า
“ข้าอยากถามว่ากระดูกบริสุทธิ์ที่บรรพจารย์คุนทิ้งไว้ท่อนนั้นอยู่กับตัวคุณหรูหรือไม่”
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์