ตอนที่ 2660 เหยียบที่นี่ให้ราบ ถอนรากถอนโคน
ระดับอมตะสี่คน บรรพจารย์จักรพรรดิมากกว่าร้อยคน! กำลังพลเช่นนี้ ในน่านฟ้าที่หกนี้ย่อมสามารถกวาดล้างได้ทุกสิ่ง
และตอนนี้พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยกัน ปรากฏตัวเหนือเมืองพายุ
หากมีผู้ฝึกปราณของแคว้นเทพวารีนภาอยู่ที่นี่ จะต้องจำได้ว่ากำลังพลเหล่านี้มาจากตระกูลเหยาและตระกูลหลิงอย่างแน่นอน!
เหยา หลิง ลั่ว
นี่คือเผ่าจักรพรรดิอมตะสามตระกูลใหญ่ของแคว้นเทพวารีนภา
ในสามตระกูลนี้ ตระกูลเหยาและตระกูลหลิงกำลังพลใกล้เคียง ศักยภาพสูสี มีเพียงตระกูลลั่วที่อ่อนแอกว่า
“เมืองที่กว้างใหญ่กลับว่างเปล่าไร้ผู้คน สถานการณ์ของตระกูลลั่วน่าอนาถเพียงใด”
ในนั้นชายที่สะพายกระบี่ยักษ์ สวมชุดศึกแดงสดพูดเรียบๆ
ระดับอมตะขั้นดับเทพ เหยาเทียนหาน!
ลือกันว่าเขามีชีวิตอยู่มาสามหมื่นปี ยกทัพจับศึกเข่นฆ่ามานับไม่ถ้วน มรรคกระบี่ทั้งร่างหลอมมาจากภูเขาศพทะเลเลือด พลังต่อสู้ในระดับเดียวกันก็เรียกได้ว่าแข็งแกร่ง
ความจริงทั้งน่านฟ้าที่หก ระดับอมตะขั้นดับเทพยังเรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่หายากดั่งจนหงส์เขากิเลน แม้แต่ในขุมอำนาจอมตะชั้นยอดที่สุดของน่านฟ้านี้ อย่างมากก็มีขั้นดับเทพเพียงสามคนควบคุมดูแล
“นี่พิสูจน์ให้ทุกคนบนโลกเห็น ว่าตระกูลลั่วยากจะหนีเคราะห์ครั้งนี้พ้นแล้วจึงทิ้งเมืองจากไป ซึ่งก็หมายความว่าแม้แต่คนทั่วไปก็ไม่เชื่อมั่นในตระกูลลั่ว”
เฒ่าชราที่สวมชุดคลุมยาวสีเขียวอีกคนเอ่ยพูดเนิบช้า รอบตัวเขามีโซ่เทพกฎเกณฑ์สีดำรัดพัน แปลงเป็นภาพประหลาดที่เหล่ามารร่ายรำ น่าสยดสยองยิ่งนัก
ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า หลิงฉิงอู๋!
ภายในแคว้นเทพวารีนภา หากพูดถึงพลังต่อสู้ เขาสามารถจัดอยู่ในสามสิบอันดับแรกของขั้นอายุขัยเทียมฟ้า
อันดับนี้ดูเหมือนไม่สูง แต่ต้องรู้ว่าน่านฟ้าที่หกมีเผ่าจักรพรรดิอมตะยี่สิบสี่ตระกูล แต่ละตระกูลล้วนมีระดับอมตะจำนวนหนึ่งควบคุมดูแล
พลังต่อสู้สามารถอยู่ในสามสิบอันดับแรกของขั้นอายุขัยเทียมฟ้าในน่าฟ้านี้ได้ ก็เรียกได้ว่าน่าตกใจแล้ว
“แม้ตระกูลลั่วอ่อนแอมานาน แต่ก็นับว่ามีรากฐานระดับหนึ่ง ครั้งนี้ไม่หวังว่าจะสามารถกวาดล้างทั้งตระกูล แต่อย่างน้อย… ก็ต้องขับไล่ตระกูลลั่วออกจากแคว้นเทพวารีนภา!”
ผู้หญิงที่ถือโคมแก้ว สวมชุดเรียบง่าย ผมขาวราวหิมะคนหนึ่งพูดอย่างเย็นชา
ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า เหยาชิงลู่
“อย่าประมาท ระวังตระกูลลั่วตอบโต้สุดชีวิต”
อีกด้านชายที่ถือทวนศึกสีเลือด ร่างอยู่ภายใต้เกราะสีดำ ท่าทางเย็นเยียบเหี้ยมโหดเอ่ยพูดเสียงครึม
ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าอีกคน หลิงเสวี่ยเฮิ่น
ขณะสนทนา พวกเขาก็นำบรรพจารย์จักรพรรดิมนับร้อยคนเหล่านั้นพุ่งไปในห้วงอากาศพันลี้ และมาถึงหน้าเขาเทพหลังมังกรแล้ว
ตูม โครม!
ทันทีที่มาถึง อานุภาพของระดับอมตะสี่คนอย่างเหยาเทียนหาน เหยาชิงลู่ หลิงฉิงอู๋ และหลิงเสวี่ยเฮิ่นเหมือนดั่งลมพายุ ปกคลุมฟ้าดินแถบนี้ ห้วงอากาศรอบๆ ล้วนสะเทือนไหวพังทลาย เศษฝุ่นกระจัดกระจาย
กลิ่นอายเข่นฆ่าน่าหวาดหวั่นทำเอาพยับเมฆทั่วทิศแหลกสลาย!
“คนตระกูลลั่วจงฟัง มอบพลังระเบียบออกมาและไปจากเขาเทพหลังมังกรซะ ไม่เช่นนั้นวันนี้จะเหยียบนี่ที่ให้ราบ ถอนรากถอนโคน!”
ระดับอมตะขั้นดับเทพเหยาเทียนหานซึ่งเป็นผู้นำเอ่ยพูดเรียบๆ
“เหยียบนี่ที่ให้ราบ ถอนรากถอนโคน!”
“เหยียบนี่ที่ให้ราบ ถอนรากถอนโคน!”
…คำพูดนี้สะเทือนฟ้าดิน ราวกับสายฟ้าสะท้านสวรรค์ แผ่ขยายกระจายออก สะเทือนจนฟ้าดินสั่นไหว ห้วงอากาศปั่นป่วน
…..
“ในที่สุดตระกูลเหยาและตระกูลหลิงก็มาแล้ว!”
เขาเทพหลังมังกร
ในตระกูลลั่ว ทุกคนในตระกูลต่างหยุดการกระทำในมือ เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากภายนอก แต่ละคนสีหน้าล้วนเปลี่ยนไป
บรรยากาศตึงเครียดที่แตกตื่นและไม่สงบแผ่ออกมา
แม้คาดเอาไว้นานแล้วว่าจะมีเคราะห์สังหารเช่นนี้มาเยือน แต่ยามเมื่อเกิดขึ้นจริงก็ยังคงทำให้รู้สึกกดดันและประหม่าอย่างอดไม่ได้
เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ หากตระกูลลั่วพ่ายแพ้ก็มีเพียงสองผลลัพธ์
หากไม่ถูกทำลายทั้งตระกูล
ก็ถูกขับไล่ออกจากน่านฟ้าที่หก!
เมื่อนานมาแล้วตระกูลลั่วที่ถูกไล่ออกจากน่านฟ้าที่เจ็ดก็เคยผ่านเรื่องเช่นนี้ จะไม่รู้ความรุนแรงของผลลัพธ์ได้อย่างไร
ต่อให้ชนะ
สถานการณ์ของตระกูลลั่วก็ยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก เพราะยังมีศัตรูมากมายทยอยเข้ามาหา…
สถานการณ์เช่นนี้ไม่อาจไม่พูดว่าทำให้คนทุกข์ใจนัก และง่ายต่อการทำให้ผู้คนโศกเศร้าและสิ้นหวัง
เรือนหลักตระกูลลั่ว
เหล่าบุคคลสำคัญรวมตัว
ลั่วเซียวที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักก็สัมผัสได้อย่างฉับไวว่าอย่าว่าแต่คนในตระกูลทั่วๆ ไป กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสตระกูลลั่วที่นั่งอยู่ที่นี่ หว่างคิ้วของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความอึมครึมกังวลใจ
ลั่วเซียวไม่ได้ปลอบ และไม่ได้ให้กำลังใจ
เขารู้ว่าหากคิดกำจัดเงามืดและความสั่นไหวที่ปกคลุมในใจคนตระกูลลั่ว แค่คำพูดเพียงไม่กี่คำไม่สามารถทำได้
มีเพียงชัยชนะครั้งใหญ่เท่านั้น จึงจะสามารถทำให้คนตระกูลสบายใจได้!
“ท่านลู่ สามารถโคจรกระบวนค่ายกลพิฆาตฟ้าได้หรือไม่” ลั่วเซียวถาม
ลู่ป๋อหยาพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ “อาจจะฆ่าขั้นอายุขัยเทียมฟ้าไม่ตาย แต่การทำลายระดับบรรพจารย์กลับง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ”
จากนั้นเขาพลันพูดว่า “แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการเผชิญเคราะห์สังหารครั้งแรกของตระกูลลั่วของพวกเรา ย่อมไม่อาจถูกกระทำเช่นนี้ได้ ศึกนี้ต้องชนะ และต้องชนะอย่างงดงาม!”
ทุกคนต่างอึ้งไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อยากชนะคงไม่ง่าย ยังจะบอกว่าชนะอย่างงดงามได้อย่างไร
มีเพียงลั่วเซียวที่รู้ชัด กล่าวว่า “ท่านลู่พูดถูกยิ่ง”
ตอนนี้เองเงาร่างผ่าเผยละโลกีย์ของหลินสวินปรากฏนอกเรือนหลัก กล่าวว่า “ท่านลู่ ควรไปฆ่าศัตรูแล้วหรือยัง”
หลิงฉิงอู๋กล่าวอย่างถ่อมตัว “สหายยุทธ์ชมเกินไปแล้ว เมื่อเทียบกันแล้วระเบียบเพลิงทองของตระกูลเหยาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน”
“ทุกท่านอย่ามองข้ามหลินสวินเศษเดนคีรีดวงกมลนั่น”
เหยาชิงลู่พลันเอ่ยออกมา “ก็เพราะเจ้าหมอนี่เข้าสู่ตระกูลลั่ว ถึงทำให้กำลังพลตระกูลลั่วสายรองถูกทำลายรุนแรง ทำให้ตระกูลลั่วสายหลักกลับมาครองอำนาจได้อีกครั้งในคราเดียว นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลลั่วสายหลักไม่ธรรมดา และในโลกยอดนิรันดร์ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่ถูกเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายประกาศจับ”
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลลั่วยังกล้าให้เจ้าหมอนี่อยู่ในตระกูล นี่จะต้องมีความลับบางอย่างแน่”
คนอื่นๆ นัยน์ตาหดรัด ล้วนพยักหน้าน้อยๆ
หลินสวิน
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่ทำให้ระดับอมตะทุกคนไม่อาจมองข้ามได้
“แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ เมื่อก่อนยามอยู่ในห้าน่านฟ้าล่าง ที่เขาสามารถรอดชีวิตมาได้ไม่ใช่เพราะพลังต่อสู้แข็งแกร่ง แต่เพราะหลบซ่อนเหมือนหนู”
หลิงเสวี่ยเฮิ่นเอ่ยเสียงขรึม “ครั้งนี้หากเขากล้าเผยร่องรอย สำหรับพวกเราก็เหมือนการเชือดไก่!”
ก็เป็นตอนนี้เอง…
เสียงที่เรียบเฉยสายหนึ่งดังขึ้น
“ช่างปากดีนัก ท่านลู่ คนผู้นี้ให้ข้าเป็นคนจัดการแล้วกัน”
“ได้”
ที่มาพร้อมกับเสียง คือเงาร่างของหลินสวิน ลู่ป๋อหยา ลั่วซิว และลั่วยง ที่ปรากฏตัวกลางอากาศหน้าเขาเทพหลังมังกร
ขวับ!
พริบตานั้นสายตาของระดับอมตะสี่คนอย่างพวกเหยาเทียนหาน รวมถึงระดับบรรพจารย์มากกว่าร้อยคนล้วนหันมามองพวกหลินสวิน
เมื่อแน่ใจว่าคนที่ปรากฏตัวมีเพียงพวกหลินสวิน ล้วนอดประหลาดใจมากไม่ได้
“ระดับอมตะสามคน มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิหนึ่งคน… นี่ตระกูลลั่วส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดมาสู้ตัดสินเป็นตายแล้วหรือ”
แววตาเหยาเทียนหานยั่วเย้า
นี่เห็นชัดว่าผิดปกติมาก การต่อสู้ยังไม่ทันเริ่ม อีกฝ่ายก็ส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาแล้ว
ให้ความรู้สึกเหมือนรู้อยู่แก่ใจว่าต้านการโจมตีของพวกเขาไม่ไหว จึงจำต้องเผยไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาในทันที
“ไม่ต่างจากสถานการณ์ที่พวกเรารู้นัก ระดับอมตะสามคน สองคนในนั้นถูกกำราบมาไม่รู้นานเท่าไหร่ พลังชีวิตเสียหายรุนแรง ไม่อาจสร้างภัยคุกคามได้มากนัก”
หลิงฉิงอู๋สีหน้าเฉยชา
ก่อนที่พวกเขาจะเคลื่อนไหวก็สืบข่าวมาแล้ว ในตระกูลลั่วสายหลักมีระดับอมตะสองคน แต่สูญเสียพลังชีวิตอย่างหนักในการกำราบมาไม่รู้นานเท่าไหร่ สร้างภัยคุกคามได้ไม่มาก
สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจ ก็คือลู่ป๋อหยาที่เพิ่มเข้ามา
แต่แค่มีระดับอมตะเพิ่มมาอีกคน สำหรับพวกเขาย่อมไม่สามารถส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมได้
“เจ้าก็คือลหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหรือ เมื่อครู่นี้เจ้าใช่หรือไม่ที่บอกว่าจะจัดการข้า”
ดวงตาหลิงเสวี่ยเฮิ่นจ้องมองหลินสวิน ทั้งร่างปกคลุมอยู่ใต้เกราะสีดำ มือกำทวนศึกสีเลือด ใบหน้าดุดันหยาบกระด้างเต็มไปด้วยความดูถูกและไอสังหาร
………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์