เข้าสู่ระบบผ่าน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2686

ต้นแรกกำเนิดล้ำค่ายิ่ง มีค่าถึงขั้นทำให้ระดับจักรพรรดิในใต้หล้าบ้าคลั่งตาลุกวาว

แต่ตอนนี้สำหรับหลินสวินที่หลอมต้นแรกกำเนิดไป ไม่มีความเจ็บปวดและเสียดายใดแม้แต่น้อย กลับมีความรู้สึกว่ากายใจล้วนผ่อนคลายอย่างหนึ่ง

มรรคเสาะหาด้วยใจ วิชามาจากกาย

ฝึกปราณมาถึงวันนี้ แม้กายใจจะแบกรับผลสำเร็จมหามรรคที่เหนือธรรมดาไว้ แต่ประสบการณ์และสิ่งที่ได้รับยามฝึกปราณในอดีต มีหรือจะไม่ใช่ ‘ภาระ’ ในอีกนัยหนึ่งเช่นกัน

ปรารถนาทะลวงระดับ จำเป็นต้องละทิ้งประสบการณ์ฝึกปราณในอดีต เมื่อไปทำความเข้าใจและหยั่งรู้ใหม่อีกครั้ง บางทีอาจก้าวสู่ระดับใหม่ทั้งหมดได้อย่างแท้จริง!

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึก ตัดสินใจหลอมต้นหงเหมิงหมื่นมรรคเช่นกัน

ต้นไม้นี้เป็นถึงสมบัติล้ำค่าชั้นสูงของยุคก่อน ใช้คู่กับตำรามรรคต้นกำเนิด สามารถหยั่งถึงมรดกชั้นสูงและนัยเร้นลับมหามรรคนานัปการของยุคก่อนได้

สิ่งนี้ทำให้การฝึกปราณของหลินสวินได้รับประโยชน์ที่ไม่อาจประเมิน ทำให้มรรควิถีทั้งตัวเขารวมจุดแข็งของสองยุคไว้ด้วยกัน โอหังเหนือคนระดับเดียวกันตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ไม่มีใครเทียบได้!

สมบัติเช่นนี้สามารถทำให้ระดับอมตะแย่งกันหัวแทบแตกได้

นึกถึงตอนอยู่แดนลับทวยเทพ มีระดับอมตะมากมายทยอยมาเยือน ต้องการชิงศุภโชคยิ่งใหญ่ของยุคก่อนนี้ไป!

สำหรับหลินสวิน ต้นหงเหมิงหมื่นมรรคนั้นเลิศล้ำเกินบรรยายจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอันดับต้นๆในตัวเขา

ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าหลังจากก้าวสู่ระดับอมตะ เขาจะนำต้นหงเหมิงหมื่นมรรคมาหยั่งรู้ต่อ สัมผัสมหามรรคอมตะของยุคก่อน

แต่ตอนนี้…

หลินสวินตื่นรู้ฉับพลันแล้ว

มรรคแห่งอมตะ การอ้างอิงและเรียนรู้มีแต่โทษไร้ประโยชน์ สุดท้ายมหามรรคนี้ต้องไปเสาะหาด้วยตัวเอง!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ละทิ้งไปเสียยังดีกว่า

ตัดความคิดเตรียมพร้อมล่วงหน้านั้นไปโดยสิ้นเชิง ทำให้กายใจของตนไร้กังวล!

ตูม!

ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์แสงเขียวล้นฟ้า กิ่งก้านเขียวมรกตนับหมื่นพันพลิ้วไหว ต้นหงเหมิงหมื่นมรรคสั่นระรัว กำลังถูกหลินสวินหลอมไปทีละน้อย

ต้นไม้เทพที่เรียกว่าเป็นสมบัติแห่งยุคนี้แตกออกทีละชุ่น กิ่งก้านร่วงหลุด ใบต้นโรยรา…

ต่างจากการหลอมต้นแรกกำเนิด หลินสวินใช้เวลาหนึ่งปีเต็มกว่าจะสลายต้นหงเหมิงหมื่นมรรคไปทั้งหมด กลายเป็นพลังหงเหมิงที่พลุ่งพล่านหาใดเปรียบ ซึมซาบเข้าไปในมรรควิถีทั้งตัวของหลินสวิน

ในหนึ่งปีนี้เขาเฝ้าเรือนเมฆปรกเหมือนปกติ เวลาส่วนใหญ่ล้วนนอนบนเก้าอี้โยกตัวนั้น เหล่าเพื่อนบ้านเคยชินกับเรื่องพวกนี้นานแล้ว เห็นจนชาชิน

ไม่มีใครรู้ว่าหนึ่งปีนี้มรรควิถีของหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร้สุ้มเสียงนานแล้ว

หลินสวินสัมผัสได้ว่าหลังจากดูดซับพลังของต้นแรกกำเนิดและต้นหงเหมิงหมื่นมรรคแล้ว โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของตนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดินเงียบๆ

กลิ่นอายแรกกำเนิดดั้งเดิมพลุ่งพล่านอบอวล ราวกับยามหงเหมิงแรกกำเนิด ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่กว้างใหญ่ สุริยันจันทราดารา ภูผาธาราไพศาล สรรพสิ่งหมื่นลักษณ์เหมือนหวนคืนสู่แรกกำเนิด ได้รับการยกระดับและหล่อเลี้ยงถึงขีดสุดท่ามกลางกลิ่นอายหงเหมิงแรกเริ่ม

มรรควิถียังคงไม่เปลี่ยนแปลง

แต่หลินสวินรู้ว่าพลังปราณของตนเกิดการยกระดับและแปรสภาพอย่างคาดไม่ถึงแล้ว

มรรคดุจแรกกำเนิดเปลี่ยนเป็นหงเหมิง!

หากกล่าวว่าระดับย้อนบรรพ์คือนัยเร้นลับแรกของการเสาะหามหามรรคดั้งเดิม

เช่นนั้นมรรควิถีของหลินสวินในตอนนี้ก็เหมือนยุคแรกกำเนิดดั้งเดิม ครองหงเหมิงหมื่นลักษณ์!

เวลานี้หลินสวินหยั่งรู้โดยสมบูรณ์แล้ว

ตัวเบาดุจโผผิน คล้ายตัดโซ่ตรวนในอดีตที่ผู้บำเพ็ญธรรมกล่าวถึง มหามรรคเสมือนข้า ข้าเป็นดั่งมหามรรค ไม่อาจพรรณนา เรียกว่าแรกกำเนิด สำแดงลักษณ์แห่งหงเหมิง

บนเก้าอี้โยกเขาลืมตาขึ้นเงียบๆ

ฟ้าดินแถบนี้พลันมืดลงในพริบตา กฎระเบียบและกลิ่นอายมหามรรคที่กระจายอยู่กลางฟ้าดินหยุดชะงักไปชั่วขณะ คล้ายถูกทำให้ตกใจ

แต่เพียงพริบตาก็กลับสู่สภาพเดิม

บนตรอกถนนเงาร่างที่เบียดเสียดแน่นขนัด สรรพชีวิตมากมายหลายหลากนั้นไม่สังเกตเห็นสักนิด

ข้าเป็นดั่งมหามรรค ไม่อาจสังเกตเห็น

บนหน้าหลินสวินเผยรอยยิ้ม ยืดเอวอย่างผ่อนคลายแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้โยก

บุปผาข้าเบ่งบาน เมื่อไหร่ผีเสื้อจะมาเวียนวน

หลินสวินไม่สนใจ

สำหรับเขาภายหน้ามรรคาอมตะนั้นย่อมมา ‘ติดกับเอง’!

ตั้งแต่มาถึงเรือนเมฆปรกจนถึงตอนนี้ผ่านไปหนึ่งปีกว่าแล้ว

เหลือเวลาแค่หนึ่งปีกว่าก็จะถึงช่วงรับผู้สืบทอดของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด

“เจ้าหนอนขี้เกียจ”

ขณะที่หลินสวินกำลังหันหลังกลับเข้าไปในเรือนเมฆปรก เสียงกระจ่างใสหนึ่งดังขึ้น นั่วนั่วที่ถักผมเปียสองข้างวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

“มีอะไรหรือ” หลินสวินยิ้มถาม

ในหนึ่งปีนี้นั่วนั่วก็โตขึ้นไม่น้อย ทิ้งความเยาว์วัยเหมือนเด็กไป มีความร่าเริงของเด็กสาวเพิ่มขึ้นมา

นั่วนั่วแย้มยิ้ม กล่าวอย่างลำพอง “ท่านแม่ข้าบอกว่ารวบรวมเงินได้พอแล้ว อีกไม่นานก็จะส่งข้าไปฝึกปราณที่ ‘จวนกระบี่แรกวิญญาณ’ ”

หลินสวินอึ้งไป

จวนกระบี่แรกวิญญาณตั้งอยู่กลางหุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างเมืองจันทร์เหมันต์สามหมื่นกว่าลี้ มีระดับบรรพจารย์จักรพรรดิหลายคนควบคุมดูแลด้วยกัน

หากกล่าวถึงรากฐานพลัง ล้วนเทียบไม่ได้แม้แต่ขุมอำนาจอมตะขั้นปลายสุด ไม่อยู่ในสายตาหลินสวินโดยสิ้นเชิง

“อย่าปฏิเสธเลย นี่คือสิ่งจำเป็นในการฝึกปราณของนั่วนั่ว เทียบกับทรัพย์สมบัติพวกนี้แล้ว สิ่งที่นั่วนั่วช่วยข้านั้นมีมูลค่าเหลือประมาณ” เสียงของหลินสวินดังออกมาจากเรือนเมฆปรก

“คุณชาย เงินก้อนนี้ข้าจะคืนให้ หากข้าคืนไม่หมดก็ให้นั่วนั่วใช้คืน!” กู่อวิ๋นซานสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงหนักแน่น

ผ่านไปครึ่งเดือน

กู่อวิ๋นซานปิดร้าน พานั่วนั่วออกจากเมืองจันทร์เหมันต์ไปด้วยกัน เดินทางอย่างยากลำบากอยู่นานกว่าจะถึงสถานที่ซึ่งจวนกระบี่แรกวิญญาณตั้งอยู่

จวนกระบี่แรกวิญญาณสร้างอยู่บนยอดเขา สภาพบรรยากาศโอ่อ่าสง่างาม

นี่ทำให้กู่อวิ๋นซานกระวนกระวายใจอย่างอดไม่ได้ ทั้งหวั่นใจอยู่บ้าง นางเพิ่งเคยมาเยือนขุมอำนาจใหญ่เช่นนี้เป็นครั้งแรก

“ขอเรียนถามว่าใช่สหายยุทธ์กู่อวิ๋นซานหรือไม่”

หน้าปากทางภูเขา ชายชราชุดขาวหน้าตาใจดีคนหนึ่งยืนเหมือนรอคน เมื่อเห็นกู่อวิ๋นซานกับนั่วนั่ว เขาเผยรอยยิ้มอบอุ่น เดินเข้ามาต้อนรับด้วยตัวเองทันที

“ฮ่าๆ คิดว่าเด็กสาวคนนี้คงเป็นนั่วนั่ว งามเด่นเหนือธรรมดาดังคาด วันหน้าต้องฉายแววอัศจรรย์บนมรรคาแน่”

สายตาของชายชราชุดขาวมองไปทางนั่วนั่ว ไม่อำพรางความชื่นชมของตนแม้แต่น้อย

กู่อวิ๋นซานกับนั่วนั่วต่างอึ้งงัน ชายชราชุดขาวคนนี้รู้ชื่อของพวกนางได้อย่างไร ทั้งเหมือนมารอที่นี่เป็นการเฉพาะ

ไม่รอให้พวกนางซักถาม ชายชราชุดขาวก็ยิ้มพลางเชิญพวกนางมุ่งหน้าไปจวนกระบี่แรกวิญญาณ อธิบายทุกเรื่องราวของจวนกระบี่แรกวิญญาณให้พวกนางฟังตลอดทาง

นี่ทำให้ในใจพวกนางงุนงงยิ่งกว่าเดิม รู้สึกเหมือนฝันไปจริงๆ

ที่นี่เป็นถึงจวนกระบี่แรกวิญญาณ เป็นแดนฝึกปราณศักดิ์สิทธิ์ในใจผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนแห่งเมืองจันทร์เหมันต์ แต่ตอนนี้พวกนางกลับถูกเชิญเข้ามาเช่นนี้?

กระทั่งมาถึงเรือนใหญ่ที่โอ่อ่าเก่าแก่หลังหนึ่ง เมื่อชายชราชุดขาวแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะรับนั่วนั่วไว้เป็นศิษย์ กู่อวิ๋นซานอดกล่าวไม่ได้ “ผู้อาวุโส ขอเสียมารยาทถามสักประโยค ท่าน… มีนามว่ากระไร”

ชายชราชุดขาวอมยิ้มกล่าว “ข้าก็คือเจ้าจวนกระบี่แรกวิญญาณนี้”

ประโยคเดียวทำให้กู่อวิ๋นซานอึ้งงันอยู่ตรงนั้นราวกับถูกฟ้าผ่า ต่อให้ผ่าสมองออกมาก็คาดไม่ถึง นางกับนั่วนั่วบุตรสาวถึงกับได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเช่นนี้!

กระทั่งก้าวออกมาจากจวนกระบี่แรกวิญญาณ ระหว่างทางกลับสู่เมืองจันทร์เหมันต์ กู่อวิ๋นซานที่เหม่อลอยพลันนึกถึงคนผู้หนึ่ง

หรือว่าเป็นเขา

เมื่อนึกถึงตรงนี้ พริบตาแรกที่กู่อวิ๋นซานกลับสู่เมืองจันทร์เหมันต์ก็มายังเรือนเมฆปรก

แต่สิ่งที่ทำให้นางผิดคาดคือเรือนเมฆปรกปิดร้านแล้ว เคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีใครตอบ

แต่ก่อนก็เคยมีสถานการณ์เช่นนี้

ทว่าครั้งนี้กลับทำให้ในใจกู่อวิ๋นซานเต็มไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

ในหัวนึกถึงชายหนุ่มที่นอนบนเก้าอี้โยกอย่างเกียจคร้านช่วงหลายวันก่อนนั้นอย่างอดไม่ได้

……………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์