ตอนที่ 2685 ละทิ้งและได้มาในหนึ่งห้วงคิด
วันนี้เมื่อแสงอรุณสาดส่อง หลินสวินเปิดประตูทางเข้าเรือนเมฆปรกเหมือนเคย นำเก้าอี้โยกที่ทำจากไม้วิญญาณมังกรขดมาวางหน้าประตูใหญ่ จากนั้นก็เอนตัวบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
เขาเหยียดกาย หรี่ตาเล็กน้อย ทั้งตัวเหมือนหลับสนิททันที กลิ่นอายคล้ายมีคล้ายไม่มี
แสงแดดอบอุ่นนุ่มนวลสาดพรม ปรากฏเป็นแสงอ่อนโยนชั้นหนึ่งบนใบหน้างามสง่านั้นของเขา
“เจ้าขี้เกียจสันหลังยาวนี่เปิดร้านตรงเวลาทุกวัน แต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง หน้าตาดีเสียเปล่า”
“หึๆ ใช้ชีวิตโดยไร้วิตกกังวลเช่นนี้ได้ก็เรียกว่าเป็นอิสระแล้ว”
“เดิมข้ายังคิดแนะนำหลานสาวให้เขา แต่เจ้าหมอนี่ขี้เกียจเกินไป ชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยเจอชายหนุ่มที่เกียจคร้านเช่นเขามาก่อน แบบนี้จะประสบความสำเร็จบนมรรคาได้อย่างไร”
ในตรอกถนนเพื่อนบ้านมากมายสังเกตเห็นหลินสวิน วิพากษ์วิจารณ์สองสามประโยคก่อนแยกไปทำธุระของตนเหมือนปกติ
เงาร่างหลินสวินไม่ไหวติง
แต่ในร่างเขามีนัยเร้นลับมหามรรคนานัปการหมุนวนไม่หยุดราวกับโลกกว้างใหญ่ไพศาลโคจร สำแดงภาพที่สะเทือนใต้หล้ามากมาย
ทุกอย่างนี้ล้วนดำเนินไปโดยไร้สุ้มเสียง
ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ ต้นแรกกำเนิดพลิ้วไหว ปรากฏร่องรอยแรกกำเนิดเก่าแก่ดั้งเดิมออกมา สอดประสานอยู่ในมรรควิถีของหลินสวิน ทำให้พลังมหามรรคที่เขาครอบครองมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์เหมือนหวนคืนสู่แก่นแท้ดั้งเดิมอย่างหนึ่ง
ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ถูกเรียกอีกอย่างว่าย้อนบรรพ์
ที่เรียกว่าบรรพจารย์ ด้วยหมายถึงแรกเริ่มและดั้งเดิม
มรรควิถีทั้งตัวของหลินสวินบรรลุถึงระดับบรรพจารย์ขั้นสมบูรณ์สูงสุดนานแล้ว
คนอื่นคือ ‘บรรพจารย์มรรค’ แต่เขาเรียกได้ว่าเป็น ‘บรรพจารย์หมื่นมรรค’
มหามรรคทุกอย่างล้วนวิวัฒน์เป็นกฎเกณฑ์ระดับบรรพจารย์ที่คาดไม่ถึงได้!
ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากมรรคาอมตะเพียงเสี้ยว ต้องการแค่จุดเปลี่ยน ‘ตื่นรู้’ ก็รุดหน้าขึ้นไปได้
แต่เขาเฝ้ารอจุดเปลี่ยนนี้มาหลายปีแล้ว แม้รู้สึกว่าใจเกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาเป็นครั้งคราว ทั้งจับสัญญาณเสี้ยวนั้นได้รางๆ
แต่สุดท้ายก็เลือนรางและคลุมเครือเกินไป
ตอนแรกหลินสวินก็อัดอั้นยิ่งนัก แต่ตอนนี้ละซึ่งทุกสิ่งแล้ว ไม่ยึดมั่นกับสิ่งนี้ ทั้งไม่มัวแต่ตรวจสอบและอนุมานอีก
โชคชะตามหามรรค ฝืนกันไม่ได้
ตั้งแต่มาอยู่เรือนเมฆปรกนี้ เขาปล่อยวางความคิดทั้งหมด เริ่มไปสัมผัสสิ่งอื่นนอกจากมหามรรค
ใต้หล้านี้ร่างขึ้นจากสรรพสิ่งและสิ่งมีชีวิตมากมาย
ตรอกเล็กนี้ก็คือมุมหนึ่งในใต้หล้า มีเรื่องทางโลกวุ่นวาย มีลักษณ์แห่งสรรพชีวิต มีแค้นโศกโกรธสุข มีความอ่อนล้าและดิ้นรนของแต่ละคน
เรื่องทางโลกดุจกระแสน้ำหลาก สรรพสิ่งล้วนฟันฝ่าอยู่ในนั้น
เวลานี้หลินสวินเพิ่งตระหนักถึงคำพูดที่จอมมุนีซิงเจียกล่าวยามแจ้งมรรค
ยามมรรคข้าแจ้งประจักษ์ ถึงรู้ชัดในทุกข์แห่งสรรพชีวิต
ทุกข์นี้คือความอ่อนล้า สิ่งยึดติด มารผจญที่ไม่มีใครหลุดพ้นยามก้าวเดินบนมหามรรค
เมื่อใดที่แสวงหา ต้องมีอุปาทาน
ผู้มีอุปาทานจะติดอยู่ในกรงขัง
แต่หากไร้อุปาทาน สภาวะจิตก็สั่นคลอนและบิดเบือนได้โดยง่าย…
ดังนั้นสามด่านแรกของเส้นทางจักรพรรดิจึงเป็น ‘ปราการใจจักรพรรดิ’
ภายนอกไร้อุปาทาน ภายในกายไร้รูป สภาวะจิตไร้ขอบเขต
เมื่อมองทะลุปราการใจจักรพรรดิ จึงจะเข้าถึงขั้นแจ้งปริศนา จิตบรรลุในขั้นแจ้งอณู และไม่เกรงกลัวฟ้าดินยามอยู่ขั้นแจ้งมายา
ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน
ก็เท่ากับหลุดจากพันธนาการระเบียบมหามรรคของโลกแห่งหนึ่ง ต่อให้อยู่ในโลกที่ระเบียบมหามรรคต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ฝึกปราณแจ้งมรรคได้
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงจะสามารถหลอมสุญ ผสานมรรค ย้อนบรรพ์!
นี่ก็คือมรรคจักรพรรดิเก้าด่าน
บนหนทางนี้หลินสวินบรรลุถึงระดับสูงสุดแล้ว มีรากฐานพลังไร้คู่ต่อกร มีอานุภาพเหนืออดีตปัจจุบัน
ทว่าอยากทะลวงระดับนี้ กลับเห็นชัดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
หลินสวินไม่รู้ว่าระดับอมตะคนอื่นแจ้งมรรคภายใต้จุดเปลี่ยนอย่างไรกันแน่ ความจริงแล้วประสบการณ์ของคนอื่นก็ไม่อาจช่วยเขาได้
ด้วยสิ่งที่ทุกคนเสาะหาบนมหามรรคต่างกัน จุดเปลี่ยนยามแจ้งมรรคอมตะก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง
เหมือนโลกนี้ที่มรดกมรรคจักรพรรดิพบเห็นได้ทั่วไป แต่มรดกที่เกี่ยวกับอมตะกลับแทบไม่มี
ด้วยนัยเร้นลับที่ระดับอมตะเชื่อมโยง เกี่ยวข้องกับพลังระเบียบมหามรรคนานัปการ ส่วนจำนวนของระเบียบมหามรรคก็ซับซ้อน มีระดับขั้นมากมาย
เช่นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าเหมือนกัน แต่ด้วยพลังระเบียบที่หยั่งถึงต่างกัน กฎเกณฑ์อมตะที่ควบรวมออกมาก็ไม่เหมือนกัน ถึงขั้นว่าอานุภาพที่สำแดงออกมายังแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วย
การฆ่าระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ครอบครองกฎเกณฑ์อมตะระดับปฐพีคนหนึ่ง ย่อมง่ายกว่าสังหารขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ครอบครองกฎเกณฑ์อมตะระดับสวรรค์นัก
ทุกอย่างนี้ทำให้ระดับอมตะยากจะส่งต่อมรดกอะไรไว้ได้
ต่อให้ส่งต่อมรดกไว้ ก็สอดคล้องแค่การฝึกปราณของตน สำหรับคนอื่นแล้วไม่อาจอ้างอิงและหยั่งถึงได้อย่างสิ้นเชิง
จุดนี้หลินสวินเคยขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่จวินหวนมาโดยเฉพาะ
คำตอบของจวินหวนนั้นง่ายมาก ‘เส้นทางนี้ได้แต่ไปเสาะหาด้วยตัวเอง ประสบการณ์และความเข้าใจของคนอื่นกลับเป็นภาระ การอ้างอิงและเรียนรู้มีแต่โทษไร้ประโยชน์’
นี่ก็หมายความว่าอยากก้าวสู่มรรคาอมตะ ย่อมได้แต่พึ่งพาตนเอง
หลายปีนี้หลินสวินคิดเยอะมาก ทั้งกลั่นกรองตรวจสอบ ทั้งใคร่ครวญอย่างหนัก ทั้งสืบข่าวหาทาง
สุดท้ายก็ไม่ช่วยสักนิด
กลับเป็นว่าตกอยู่ในบ่วงแห่งการยึดติดอย่างหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์