Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2685

สรุปบท ตอนที่ 2685 ละทิ้งและได้มาในหนึ่งห้วงคิด: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 2685 ละทิ้งและได้มาในหนึ่งห้วงคิด จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2685 ละทิ้งและได้มาในหนึ่งห้วงคิด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2685 ละทิ้งและได้มาในหนึ่งห้วงคิด

วันนี้เมื่อแสงอรุณสาดส่อง หลินสวินเปิดประตูทางเข้าเรือนเมฆปรกเหมือนเคย นำเก้าอี้โยกที่ทำจากไม้วิญญาณมังกรขดมาวางหน้าประตูใหญ่ จากนั้นก็เอนตัวบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน

เขาเหยียดกาย หรี่ตาเล็กน้อย ทั้งตัวเหมือนหลับสนิททันที กลิ่นอายคล้ายมีคล้ายไม่มี

แสงแดดอบอุ่นนุ่มนวลสาดพรม ปรากฏเป็นแสงอ่อนโยนชั้นหนึ่งบนใบหน้างามสง่านั้นของเขา

“เจ้าขี้เกียจสันหลังยาวนี่เปิดร้านตรงเวลาทุกวัน แต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง หน้าตาดีเสียเปล่า”

“หึๆ ใช้ชีวิตโดยไร้วิตกกังวลเช่นนี้ได้ก็เรียกว่าเป็นอิสระแล้ว”

“เดิมข้ายังคิดแนะนำหลานสาวให้เขา แต่เจ้าหมอนี่ขี้เกียจเกินไป ชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยเจอชายหนุ่มที่เกียจคร้านเช่นเขามาก่อน แบบนี้จะประสบความสำเร็จบนมรรคาได้อย่างไร”

ในตรอกถนนเพื่อนบ้านมากมายสังเกตเห็นหลินสวิน วิพากษ์วิจารณ์สองสามประโยคก่อนแยกไปทำธุระของตนเหมือนปกติ

เงาร่างหลินสวินไม่ไหวติง

แต่ในร่างเขามีนัยเร้นลับมหามรรคนานัปการหมุนวนไม่หยุดราวกับโลกกว้างใหญ่ไพศาลโคจร สำแดงภาพที่สะเทือนใต้หล้ามากมาย

ทุกอย่างนี้ล้วนดำเนินไปโดยไร้สุ้มเสียง

ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ ต้นแรกกำเนิดพลิ้วไหว ปรากฏร่องรอยแรกกำเนิดเก่าแก่ดั้งเดิมออกมา สอดประสานอยู่ในมรรควิถีของหลินสวิน ทำให้พลังมหามรรคที่เขาครอบครองมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์เหมือนหวนคืนสู่แก่นแท้ดั้งเดิมอย่างหนึ่ง

ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ถูกเรียกอีกอย่างว่าย้อนบรรพ์

ที่เรียกว่าบรรพจารย์ ด้วยหมายถึงแรกเริ่มและดั้งเดิม

มรรควิถีทั้งตัวของหลินสวินบรรลุถึงระดับบรรพจารย์ขั้นสมบูรณ์สูงสุดนานแล้ว

คนอื่นคือ ‘บรรพจารย์มรรค’ แต่เขาเรียกได้ว่าเป็น ‘บรรพจารย์หมื่นมรรค’

มหามรรคทุกอย่างล้วนวิวัฒน์เป็นกฎเกณฑ์ระดับบรรพจารย์ที่คาดไม่ถึงได้!

ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากมรรคาอมตะเพียงเสี้ยว ต้องการแค่จุดเปลี่ยน ‘ตื่นรู้’ ก็รุดหน้าขึ้นไปได้

แต่เขาเฝ้ารอจุดเปลี่ยนนี้มาหลายปีแล้ว แม้รู้สึกว่าใจเกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาเป็นครั้งคราว ทั้งจับสัญญาณเสี้ยวนั้นได้รางๆ

แต่สุดท้ายก็เลือนรางและคลุมเครือเกินไป

ตอนแรกหลินสวินก็อัดอั้นยิ่งนัก แต่ตอนนี้ละซึ่งทุกสิ่งแล้ว ไม่ยึดมั่นกับสิ่งนี้ ทั้งไม่มัวแต่ตรวจสอบและอนุมานอีก

โชคชะตามหามรรค ฝืนกันไม่ได้

ตั้งแต่มาอยู่เรือนเมฆปรกนี้ เขาปล่อยวางความคิดทั้งหมด เริ่มไปสัมผัสสิ่งอื่นนอกจากมหามรรค

ใต้หล้านี้ร่างขึ้นจากสรรพสิ่งและสิ่งมีชีวิตมากมาย

ตรอกเล็กนี้ก็คือมุมหนึ่งในใต้หล้า มีเรื่องทางโลกวุ่นวาย มีลักษณ์แห่งสรรพชีวิต มีแค้นโศกโกรธสุข มีความอ่อนล้าและดิ้นรนของแต่ละคน

เรื่องทางโลกดุจกระแสน้ำหลาก สรรพสิ่งล้วนฟันฝ่าอยู่ในนั้น

เวลานี้หลินสวินเพิ่งตระหนักถึงคำพูดที่จอมมุนีซิงเจียกล่าวยามแจ้งมรรค

ยามมรรคข้าแจ้งประจักษ์ ถึงรู้ชัดในทุกข์แห่งสรรพชีวิต

ทุกข์นี้คือความอ่อนล้า สิ่งยึดติด มารผจญที่ไม่มีใครหลุดพ้นยามก้าวเดินบนมหามรรค

เมื่อใดที่แสวงหา ต้องมีอุปาทาน

ผู้มีอุปาทานจะติดอยู่ในกรงขัง

แต่หากไร้อุปาทาน สภาวะจิตก็สั่นคลอนและบิดเบือนได้โดยง่าย…

ดังนั้นสามด่านแรกของเส้นทางจักรพรรดิจึงเป็น ‘ปราการใจจักรพรรดิ’

ภายนอกไร้อุปาทาน ภายในกายไร้รูป สภาวะจิตไร้ขอบเขต

เมื่อมองทะลุปราการใจจักรพรรดิ จึงจะเข้าถึงขั้นแจ้งปริศนา จิตบรรลุในขั้นแจ้งอณู และไม่เกรงกลัวฟ้าดินยามอยู่ขั้นแจ้งมายา

ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน

ก็เท่ากับหลุดจากพันธนาการระเบียบมหามรรคของโลกแห่งหนึ่ง ต่อให้อยู่ในโลกที่ระเบียบมหามรรคต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ฝึกปราณแจ้งมรรคได้

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงจะสามารถหลอมสุญ ผสานมรรค ย้อนบรรพ์!

นี่ก็คือมรรคจักรพรรดิเก้าด่าน

บนหนทางนี้หลินสวินบรรลุถึงระดับสูงสุดแล้ว มีรากฐานพลังไร้คู่ต่อกร มีอานุภาพเหนืออดีตปัจจุบัน

ทว่าอยากทะลวงระดับนี้ กลับเห็นชัดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

หลินสวินไม่รู้ว่าระดับอมตะคนอื่นแจ้งมรรคภายใต้จุดเปลี่ยนอย่างไรกันแน่ ความจริงแล้วประสบการณ์ของคนอื่นก็ไม่อาจช่วยเขาได้

ด้วยสิ่งที่ทุกคนเสาะหาบนมหามรรคต่างกัน จุดเปลี่ยนยามแจ้งมรรคอมตะก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง

เหมือนโลกนี้ที่มรดกมรรคจักรพรรดิพบเห็นได้ทั่วไป แต่มรดกที่เกี่ยวกับอมตะกลับแทบไม่มี

ด้วยนัยเร้นลับที่ระดับอมตะเชื่อมโยง เกี่ยวข้องกับพลังระเบียบมหามรรคนานัปการ ส่วนจำนวนของระเบียบมหามรรคก็ซับซ้อน มีระดับขั้นมากมาย

เช่นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าเหมือนกัน แต่ด้วยพลังระเบียบที่หยั่งถึงต่างกัน กฎเกณฑ์อมตะที่ควบรวมออกมาก็ไม่เหมือนกัน ถึงขั้นว่าอานุภาพที่สำแดงออกมายังแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วย

การฆ่าระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ครอบครองกฎเกณฑ์อมตะระดับปฐพีคนหนึ่ง ย่อมง่ายกว่าสังหารขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ครอบครองกฎเกณฑ์อมตะระดับสวรรค์นัก

ทุกอย่างนี้ทำให้ระดับอมตะยากจะส่งต่อมรดกอะไรไว้ได้

ต่อให้ส่งต่อมรดกไว้ ก็สอดคล้องแค่การฝึกปราณของตน สำหรับคนอื่นแล้วไม่อาจอ้างอิงและหยั่งถึงได้อย่างสิ้นเชิง

จุดนี้หลินสวินเคยขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่จวินหวนมาโดยเฉพาะ

คำตอบของจวินหวนนั้นง่ายมาก ‘เส้นทางนี้ได้แต่ไปเสาะหาด้วยตัวเอง ประสบการณ์และความเข้าใจของคนอื่นกลับเป็นภาระ การอ้างอิงและเรียนรู้มีแต่โทษไร้ประโยชน์’

นี่ก็หมายความว่าอยากก้าวสู่มรรคาอมตะ ย่อมได้แต่พึ่งพาตนเอง

หลายปีนี้หลินสวินคิดเยอะมาก ทั้งกลั่นกรองตรวจสอบ ทั้งใคร่ครวญอย่างหนัก ทั้งสืบข่าวหาทาง

สุดท้ายก็ไม่ช่วยสักนิด

กลับเป็นว่าตกอยู่ในบ่วงแห่งการยึดติดอย่างหนึ่ง

นั่วนั่วกลอกตาใส่อีกรอบกล่าวว่า “เป็นหนอนขี้เกียจจริงดังคาด คิดกินผลวิญญาณยังไม่คิดขยับ รักษาไม่ได้แล้ว!”

นางพูดพลางกลับเข้าไปในร้าน

หลินสวินยิ้มแล้วกลับไปหน้าร้าน เอนกายลงบนเก้าอี้โยกอย่างสบายๆ

แต่สภาวะจิตของเขากลับแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว

เมื่อวางลงจึงเก็บขึ้นมาได้

เมื่อละทิ้งจึงได้มาซึ่ง ‘มรรค’!

ไม่มีช่วงเวลาไหนที่หลินสวินผ่อนคลายและก้าวล่วงเช่นนี้มาก่อน ราวกับมองทะลุเห็นแนวทาง ทำลายพันธนาการชั้นหนึ่งจนย่อยยับ

เขาอยากไปหานั่วนั่วอีกครั้งอย่างอดไม่ได้อยู่บ้าง อยากไปถามนางว่ามีความปรารถนาอะไรให้ตนช่วยทำให้เป็นจริงหรือไม่

แต่สุดท้ายหลินสวินก็ยังข่มกลั้นไว้

‘รอเมื่อมีโอกาส ค่อยช่วยพวกนางแม่ลูกหน่อยก็ดี’

หลินสวินแอบกล่าวในใจ

นั่วนั่วกับมารดาของนางเปิดร้านค้าหนึ่ง ขายของหายากบนภูเขาโดยเฉพาะ ไม่อาจพูดได้ว่าล้ำค่า ทั้งพบเห็นได้ทั่วไป แน่นอนว่ากิจการไม่ถึงขั้นดีนัก

แม่ของนางเป็นแค่ผู้ฝึกปราณระดับราชันอมตะเคราะห์คนหนึ่ง ยุ่งอยู่กับการเอาชีวิตรอด ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลที่หามาได้พอใช้เป็นสิ่งจำเป็นในการฝึกปราณของนางกับนั่วนั่ว ชีวิตไม่ถึงขั้นขัดสน แต่ก็นับว่ายากจนพอดู

ทุกอย่างนี้ถูกหลินสวินเห็นอยู่ในสายตามาก่อนแล้ว

เขาถึงขั้นรู้ว่าบิดาของนั่วนั่วเสียชีวิตไปในการต่อสู้ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว นั่วนั่วถูกเลี้ยงมาด้วยมารดาของนางคนเดียวตั้งแต่แบเบาะจนโต กระทั่งเด็กสาวคนนี้ไม่มีความทรงจำใดเกี่ยวกับพ่อนางด้วยซ้ำ

หลินสวินส่ายหัว ไม่คิดมากอีก

เขาเริ่มฝึกปราณ พลังขับเคลื่อนทั้งตัวโคจรขึ้นมาอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง

ปัง!

ไม่นานต้นแรกกำเนิดที่หยั่งรากในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์พลันแตกระเบิด ลำต้นและกิ่งไม้กลายเป็นไอคลุมเครือเข้มข้นโหมกระหน่ำแผ่กระจาย จากนั้นก็ถูกหลอมเข้าไปในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ทีละน้อย

หลายปีนี้กฎเกณฑ์แรกกำเนิดที่ต้นแรกกำเนิดวิวัฒน์ขึ้นมาสร้างประโยชน์ให้หลินสวินอย่างไม่อาจประเมินได้ ทำให้กฎเกณฑ์มหามรรคที่เขาครอบครองเคี่ยวกรำกลิ่นอายแก่นแท้ดั้งเดิมออกมา

แต่สำหรับหลินสวินในปัจจุบัน การมีอยู่ของต้นแรกกำเนิดกลับกลายเป็นอุปสรรคไร้รูปยามเขาก้าวสู่มรรคาอมตะ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลินสวินมักหวังว่าต้นไม้นี้จะแปรสภาพไปพร้อมตน ภายหน้าไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นต้นแรกกำเนิดอมตะได้

แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว หากไม่ละทิ้งและสลัดความคิดนี้ไป กลับจะกลายเป็นภาระอย่างหนึ่ง

ไม่ทันไรในใจหลินสวินก็เกิดความรู้สึกประหลาด

หลังจากต้นแรกกำเนิดถูกหลอมไปหมด เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งโลกจักรพรรดิมีกลิ่นอายแน่นหนาเหมือนขุ่นมัวดั่งแรกกำเนิด!

กายใจไร้กังวล ละทิ้งจึงได้มา

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์