ตอนที่ 2684 การคุ้มครองจากตระกูล – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2684 การคุ้มครองจากตระกูล จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 2684 การคุ้มครองจากตระกูล
บรรยากาศในหอหนักอึ้ง
ตู๋กูโยวหรันนั่งหันหน้าไปทางทะเลสาบ นิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ
อวิ๋นมู่เจอมองเงาร่างงามของนางแล้วในใจรู้สึกเดือดดาลอย่างบอกไม่ถูก อารมณ์ไหวหวั่นอย่างยากจะได้เห็น
ไม่มีใครรู้ว่าในใจเขาเห็นตู๋กูโยวหรันเป็นของหวงแหน แต่ตอนนี้ตู๋กูโยวหรันกลับโกรธเขาเพราะผู้ชายคนอื่น
นี่ทำให้อวิ๋นมู่เจอที่ใจหนักแน่นดุจก้อนหินเสมอ ราวกับถูกแตะเส้นความอดทน
เขาอยากถามนักว่าเพราะอะไร
หลายปีแล้วที่พวกเขาเติบโตมาดั่งคู่สร้างคู่สมแต่เยาว์วัย ฝึกปราณและร่วมเหตุการณ์มาด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกลึกซึ้งเพียงใด
ตอนนี้กลับเทียบเศษเดนคีรีดวงกมลคนหนึ่งไม่ได้?
แต่สุดท้ายอวิ๋นมู่เจอก็ยังอดกลั้น
เขารู้นิสัยของตู๋กูโยวหรันดี ดื้อดึงจนเข้ากระดูก เวลานี้ต่อให้พูดอะไรไปคงได้แต่ทำให้นางไม่พอใจ
ในที่สุดอวิ๋นมู่เจอก็ลุกขึ้น ส่ายหัวพลางกล่าวอย่างขมขื่น “โยวหรัน เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ”
พูดจบเขาก็มุ่งตรงจากไป
กระทั่งเงาร่างเขาหายไป ตู๋กูโยวหรันอดทอดถอนใจไม่ได้
นางมีหรือจะไม่รู้ความคิดของญาติผู้พี่คนนี้
แต่ในใจนาง… ก็ได้แต่มองเขาเป็นญาติผู้พี่เท่านั้น
‘เจ้ามีความปรารถนาของเจ้า ข้ามีความคิดของข้า เรื่องอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ มีหรือจะบังคับกันได้’
ตู๋กูโยวหรันพึมพำในใจ
นางเคลื่อนสายตามองม้วนหยกในมือ นึกถึงรายละเอียดทั้งหมดยามรู้จักกับหลินสวินตอนอยู่แดนใหญ่พันศึกแล้วอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
เจ้าหมอนี่ดวงแข็งจริงๆ
…
นอกหอ
เมื่ออยู่เพียงลำพัง อวิ๋นมู่เจอไม่ปิดบังคลื่นสะเทือนในใจอีก กระทั่งใบหน้าหล่อเหลาไร้ใดเปรียบนั้นวูบไหวไม่หยุดไปพักหนึ่ง
หลินสวิน!
เนิ่นนานกว่าอวิ๋นมู่เจอจะสูดหายใจเข้าลึกๆ นัยน์ตาฉายแววมุ่งมั่น
ปีนั้นไป๋เจี้ยนเฉินไม่ได้ฆ่าหลินสวิน
เช่นนั้นครั้งนี้เขาจะลงมือด้วยตัวเอง!
…
เขตแดนดาราเร้นฟ้า
‘ถ้ำสวรรค์มหาวิญญาณ’ หนึ่งในสิบสองถ้ำสวรรค์ตั้งอยู่ที่นี่
ถ้ำสวรรค์มหาวิญญาณเป็นอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลโจว
เสวียนจิ่วอิ้นนอนเอกเขนกบนตั่งยาวตัวหนึ่งโดยไม่สนใจอะไร ยกน้ำเต้าสุราหยกเขียวดื่ม สบายใจเรื่อยเฉื่อย
ผู้อาวุโสโจวป๋อเวินแห่งตระกูลโจวนั่งอยู่ข้างๆ ทำหน้ายิ้มเจื่อน
ต่อให้เป็นถึงบุคคลขั้นดับเทพระดับสมบูรณ์ เป็นผู้อาวุโสที่มีบารมีล้นฟ้าในตระกูลโจวคนหนึ่ง
แต่ยามนี้เมื่อเผชิญหน้ากับเสวียนจิ่วอิ้น โจวป๋อเวินกลับดูจนปัญญายิ่งนัก
ผ่านไปครู่ใหญ่โจวป๋อเวินจึงกล่าว “สหายน้อย ไม่อย่างนั้นเจ้าตามข้าไปหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดก่อนไหม ให้เจ้าขอคำแนะนำจากรองหัวหน้าหอเสวียนด้วยตัวเองเป็นอย่างไร”
เสวียนจิ่วอิ้นส่ายหัว “ไม่ได้ หากข้าไปแล้วถูกขังคนเดียวขึ้นมาไม่จบเห่หรือ ผู้อาวุโส ท่านก็ช่วยกันหน่อย พาเสวียนเยวี่ยไปด้วยกันเป็นอย่างไร”
“นี่…”
โจวป๋อเวินลังเลแล้ว
เสวียนจิ่วอิ้นถอนใจยาว หยัดตัวนั่งบนตั่งยาว กล่าวด้วยสีหน้าเซื่องซึม “เฮ้อ ข้าข้ามฟ้าดารา ผ่านความยากลำบากที่เดิมพันด้วยชีวิตกว่าจะมาถึงถ้ำสวรรค์มหาวิญญาณนี้ ปัจจุบันแค่คำขอเล็กน้อยเพียงข้อหนึ่งเท่านั้น ผู้อาวุโสยังไม่ยอมรับปาก นี่จะไม่รักษาน้ำใจกันเกินไปแล้วกระมัง”
โจวป๋อเวินแทบอยากกลอกตาใส่ ผ่านยากลำบากเดิมพันด้วยชีวิตอะไร มีกำลังพลของตระกูลเสวียนออกโรง มีหรือจะให้เจ้าตัวแสบอย่างเจ้าเจออุปสรรคอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากมาถึงโลกยอดนิรันดร์ ตนยังส่งกำลังพลของตระกูลโจวไปนำทางด้วยตัวเอง ตลอดทางกินดีอยู่ดี เคยให้เจ้าทุกข์ระทมเสียที่ไหน
ทว่าโจวป๋อเวินก็ได้แต่ค่อนขอดในใจ
ช่วยไม่ได้ แม้ว่าเจ้าหนูเสวียนจิ่วอิ้นนี่จะระยำไปบ้าง แต่กลับมีเทียดดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าหอแรกนภาในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด…
เสวียนเฟยหลิง!
เสวียนเฟยหลิงเทียดของเสวียนจิ่วอิ้น เป็นสหายรักที่สาบานเป็นพี่น้องกับโจวฉงเต้า ท่านบรรพชนหกของพวกเขาตระกูลโจว
ทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดี เคยท่องใต้หล้าร่วมกัน ผ่านความยากลำบากของความเป็นตาย
ในสายตาของโจวฉงเต้า ลื่อของเสวียนเฟยหลิง ก็คือลื่อของเขาโจวฉงเต้า!
เมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฉงเต้า โจวป๋อเวินก็มีลำดับอาวุโสต่ำกว่าสองขั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มีหรือจะกล้าละเลยเจ้าตัวแสบเสวียนจิ่วอิ้นนี่
นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าการคุ้มครองจากตระกูล!
“ผู้อาวุโสเอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าพาเสวียนเยวี่ยไปหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดพร้อมท่านก่อน หากเทียดของข้าตำหนิลงมา ข้าจะแบกรับคนเดียวเอง”
เสวียนจิ่วอิ้นหน้าด้านวิงวอน
“แม่นางเสวียนเยวี่ยคนนั้นสำคัญเพียงนี้จริงหรือ เจ้าเคยบอกว่านางไม่ใช่คู่บำเพ็ญของเจ้านี่” โจวป๋อเวินกล่าวอย่างสงสัย
เสวียนจิ่วอิ้นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ผู้อาวุโส นี่ท่านคิดไปถึงไหน ข้ากับแม่นางเสวียนเยวี่ยเป็นสหายรักที่ฟ้าดินเป็นพยาน ตะวันจันทราสำแดงได้ มีมิตรภาพร่วมเป็นตาย ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ข้าพานางมาโลกยอดนิรันดร์ด้วยกัน มีหรือจะทิ้งนางไว้คนเดียวโดยไม่สนใจได้”
“ความจริงให้นางรออยู่ที่ตระกูลโจวของข้าได้ พวกเราไม่มีทางละเลยนางแน่… เอ้อ ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูด”
โจวป๋อเวินเห็นว่าสีหน้าเสวียนจิ่วอิ้นไม่เข้าที จึงยิ้มขื่นส่ายหัวทันใด
แต่เห็นชัดว่าเจ้าหนุ่มนี่ไม่ได้ใส่ใจ
ทุกวันเขายังเปิดร้านและปิดร้านตรงเวลา เมื่อไม่มีแขกเขาก็นอนบนเก้าอี้โยก ดูเกียจคร้านยิ่งนัก
นี่ทำให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงอดรังเกียจอยู่บ้างไม่ได้
ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับไม่เอาการเอางาน เกเรเกตุงไปวันๆ ขี้เกียจจนเป็นเช่นนี้ก็เรียกว่าผิดปกติแล้ว
ในโลกผู้ฝึกปราณ สิ่งที่เน้นหนักคือกล้ามองไปเบื้องหน้า สวรรค์ย่อมตอบแทนคนหมั่นเพียร
ผู้ที่เกียจคร้านเกินไป นอกเสียจากว่าเป็นลูกหลานเผ่าจักรพรรดิอมตะ ไม่อย่างนั้นย่อมไม่มีความก้าวหน้าอะไรแน่
โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่บริเวณตรอกนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกปราณชั้นล่างในเมืองจันทร์เหมันต์ ระดับปราณขั้นใดๆ ล้วนปรากฏ แต่มีเพียงระดับจักรพรรดิที่เห็นได้น้อยนัก
นี่ก็คือสภาพการณ์ของโลกผู้ฝึกปราณชั้นล่าง
ต่อให้เป็นน่านฟ้าที่เจ็ด ต่อให้ไอวิญญาณกลางฟ้าดินเข้มข้นยิ่งยวด แต่ในหมู่สรรพชีวิตนับหมื่นแสนทั่วหล้านี้ สุดท้ายพวกผู้ที่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิได้ก็เป็นแค่คนส่วนน้อย มีเพียงหนึ่งในหมู่คนมากมาย
และเก้าขั้นบนเส้นทางระดับจักรพรรดิ ยิ่งสูงขึ้นก็ยิ่งยากลำบาก
และบนเส้นทางนี้ จะสามารถก้าวสู่ขอบเขตมกุฎได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเส้นแบ่ง
นี่ก็หมายความว่าเมื่อระดับขั้นยิ่งสูง คนที่ไปถึงขั้นนั้นได้ก็ยิ่งน้อย
แน่นอนว่าน่านฟ้าที่เจ็ดไม่ขาดมกุฎมหาจักรพรรดิ ทั้งไม่ขาดระดับจักรพรรดิ ถึงอย่างไรน่านฟ้านี้ก็กว้างใหญ่ไพศาลเกินไป
ก็เหมือนเมืองจันทร์เหมันต์นี้ ย่อมสุ่มเลือกระดับจักรพรรดิออกมาได้มากมาย
แต่เปรียบเทียบกันแล้ว เหล่าผู้ฝึกปราณที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิมีเยอะกว่ามาก
เฉกเช่นตรอกที่เรือนเมฆปรกตั้งอยู่นี้ อยู่ในสถานที่ลับตาคนของเมืองจันทร์เหมันต์ พวกที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกปราณที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ
และร้านค้าที่เปิดกิจการในพื้นที่ใกล้เคียงนี้ แขกที่มาเยือนส่วนใหญ่ก็เป็นผู้อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ
ดังนั้นทุกคนจึงไม่รู้เลยว่าคนขี้เกียจที่เฝ้าเรือนเมฆปรก ทั้งถูกพวกเขามองเป็นพวกขี้เกียจไม่เอาการเอางานนั้น ความจริงแล้วเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาได้แต่แหงนมอง
หลินสวินก็ไม่เคยอธิบาย
เขาไม่ได้ใช้ชีวิตและฝึกปราณในสภาพแวดล้อมเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
ไม่ว่าในแดนใหญ่พันศึกหรือระหว่างทางจากน่านฟ้าที่หนึ่งจนถึงน่านฟ้าที่เจ็ดนี้ พวกที่เขาเจอเกือบทั้งหมดล้วนอยู่ระดับเดียวกับเขา หรือไม่ก็เป็นระดับอมตะ
ถึงขั้นว่าหลายปีนี้เขาได้ติดตามและสัมผัสวิถีการฝึกปราณของผู้อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิน้อยนัก
ปัจจุบันยามอยู่ในเรือนเมฆปรกนี้ เขามองผู้คนที่ขวักไขว่คับคั่งเดินผ่านหน้าไปอย่างไม่ขาดสาย เจอเรื่องสารพัดในตรอกถนน มองดูผู้ฝึกปราณพวกนั้นวิ่งวุ่นเพื่อเสาะหามหามรรค…
ความรู้สึกนี้ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกใหม่
คล้ายละจากโลกมานานแล้วหวนคืนสู่โลกโลกีย์ สิ่งที่มองเห็นคือช่วงชีวิตหลากรูปแบบบนหนทางการฝึกปราณทั้งสิ้น
ห้าระดับล่าง ระดับราชันอมตะเคราะห์ ระดับอริยะ ระดับกึ่งจักรพรรดิ… ผู้ฝึกปราณทุกระดับล้วนมีการแสวงหาและความลำบากยากแค้นในแต่ละขอบเขต
สรรพชีวิตหลากรูปแบบ ผสานกันเป็นลักษณ์แห่งสรรพชีวิตมากมายหลายหลาก
………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์