Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2699

สรุปบท ตอนที่ 2699 ผู้เฝ้าด่าน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2699 ผู้เฝ้าด่าน – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2699 ผู้เฝ้าด่าน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 2699 ผู้เฝ้าด่าน

สิ่งที่มู่จุนอู๋ไม่เข้าใจคือ หลินสวินนี่เอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าใช้วิธีท้าทายเช่นนี้

เขาไม่กลัวว่าคนเช่นตนหรือตงหวงเซ่าเหวินจะลงมือทำให้เขาถูกคัดออกหรือ

หรือจะบอกว่าเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถต้านสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้

คิดถึงตรงนี้นัยน์ตามู่จุนอู๋พลันหรี่ลง

เขานิ่งเงียบครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กดข่มไอสังหารในใจเอาไว้แล้วหมุนตัวจากไป

ไกลออกไปในงานประมูล หัวคิ้วหลินสวินขมวดมุ่นอย่างยากสังเกต อยากฆ่าคนพวกตัวใหญ่ๆ สองสามคนยากเย็นเช่นนี้เชียวหรือ

เป็นอย่างที่ตงหวงเซ่าเหวินและมู่จุนอู๋คาดเดา ที่หลินสวินจัดงานประมูลใหญ่โตเอิกเกริกในครั้งนี้ จุดประสงค์หลักก็เพื่อล่อให้ศัตรูมุ่งหน้ามา

เนื่องจากเวลาในการทดสอบรอบแรกเหลือไม่มากแล้ว ทว่าจนบัดนี้หลินสวินก็ยังไม่เจอคู่ต่อสู้ที่ถูกเขามองว่าเป็น ‘พวกตัวใหญ่ๆ’ เหล่านั้น

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินทำได้เพียงหาวิธีอื่น

ดังนั้นจึงจัดงานประมูลครั้งนี้ขึ้น

ก่อนหน้านี้ยามเงาร่างของตงหวงเซ่าเหวินและมู่จุนอู๋ปรากฏขึ้น ในใจหลินสวินก็ไหวหวั่นน้อยๆ เตรียมพร้อมรออีกฝ่ายเข้ามาสู้แล้ว

แต่ที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ อีกฝ่ายกลับทยอยจากไป

เห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะตัดสินแพ้ชนะกับเขาในเวลานี้

หลินสวินรู้สึกรางๆ ว่านี่ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายหวาดกลัว หากแต่เป็นการกระทำหลังจากวิเคราะห์ผลดีผลเสียอย่างใจเย็นแล้ว

ทว่าหลินสวินไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้นัก

ว่ากันถึงที่สุด สุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นเพียงการทดสอบรอบแรกเท่านั้น

ต่อให้ท้ายที่สุดศัตรูเหล่านั้นจะเข้าสู่หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดอย่างราบรื่นก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียถึงตอนนั้นทุกคนล้วนอยู่ในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ยังมีเวลาวัดฝีมืออีกมาก

โลกภายนอก

ผู้คนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของตงหวงเซ่าเหวินและมู่จุนอู๋ได้อย่างฉับไว เมื่อเห็นพวกเขาทยอยจากไป ไม่ได้ลงมือจัดการหลินสวิน คนไม่น้อยล้วนเผยแววผิดหวังออกมา

หรือพวกเขาก็เกรงกลัวหลินสวิน ไม่กล้าสู้กับอีกฝ่ายเหมือนกัน

หากเป็นเช่นนี้ ในการทดสอบครั้งนี้ใครยังจะกล้ากดหัวหลินสวินอีก

และมีคนรุ่นอาวุโสบางส่วนมองนัยแฝงในนั้นออก อดพยักหน้าเงียบๆ ไม่ได้ นี่สิจึงจะเป็นทางเลือกอันชาญฉลาดที่พวกตงหวงเซ่าเหวินควรทำ

โดยเฉพาะตงหวงชิง เมื่อเห็นตงหวงเซ่าเหวินจากไปก็อดลูบเครายิ้มๆ ไม่ได้ “เซ่าเหวิน เจ้าหนุ่มนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

เซียวเหวินหยวนกล่าวอมยิ้ม “เป็นคนหลักแหลมจริงๆ”

มุมปากหลีเจินกระตุกคล้ายอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เลือกนิ่งเงียบต่อไป

เพียงแต่การเคลื่อนไหวเล็กน้อยนี้กลับทำให้ในใจตงหวงชิงไม่ค่อยชอบใจนัก หลีเจินเจ้าหมายความว่าอย่างไร มีอะไรจะพูดก็พูด ยังต้องยึกๆ ยักๆ อีก

แน่นอนว่าตงหวงชิงก็รู้ดี ว่าหากหลีเจินปริปากย่อมไม่มีทางพูดจาดีๆ อะไร

ในงานประมูล

ยามที่เหลือเชลยเพียงสามคน หลินสวินก็ปิดการประมูล

นี่ทำให้มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิแถวนั้นที่ยังรอเสนอราคารู้สึกยังไม่จุใจ แต่ไม่นานก็ทยอยแยกย้ายจากไป

หลินสวินยืนนิ่งอยู่บนลานมรรค กวาดสายตามองรอบๆ หลังจากเห็นว่ายังไม่มีศัตรูคนใดปรากฏตัว ในใจก็อดถอนใจเบาๆ คราหนึ่งไม่ได้

เขารู้ว่าหากอยู่ในสมรภูมิหมื่นยอดแห่งนี้ต่ออีก เกรงว่าคงไม่มีโอกาสสักเท่าไรแล้ว

หลินสวินลงมือพิชิตเชลยทั้งสามโดยไม่ลังเลอีก และผ่านด่านอย่างราบรื่น ทั้งตัวอันตรธานหายไปจากสมรภูมิหมื่นยอด

“ในที่สุดเจ้าหมอนี่ก็ไปเสียที!”

โลกภายนอกปั่นป่วน มองดูหลินสวินที่หายไปจากด่านทดสอบรอบแรกประหนึ่งมองส่งเทพแห่งโรคระบาดจากไป

ขุมอำนาจอมตะเหล่านั้นแต่ละคนราวยกภูเขาออกจากอก ยิ้มดีใจชื่นมื่น

ฟางเต้าผิง เซียวเหวินหยวน หลีเจิน ตงหวงชิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็โล่งอกไม่มากก็น้อยเช่นเดียวกัน

ช่วยไม่ได้ หลินสวินก่อเรื่องเก่งเกินไปจริงๆ ตั้งแต่เข้าร่วมการทดสอบรอบแรกนี้ ก็ไม่เล่นตามกฎกติกา ก่อเรื่องที่เรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อขึ้นไม่รู้เท่าไร

อย่างเช่นปล้นคู่ต่อสู้ กำราบศัตรู

หรืออย่างเอาเชลยมาซื้อขาย ถึงขั้นดำเนินการประมูล

เสมือนว่าในการทดสอบรอบแรกนี้ไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าทำ!

นี่ทำให้ผู้คนอดสงสัยไม่ได้ ว่าหากหลินสวินเลือกอยู่ต่อในการทดสอบรอบแรก ต่อจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก

“ศิษย์น้องเล็กคนนี้ของข้าผ่านด่านแล้ว ก่อนหน้านี้ใครบอกว่าเขาต้องถูกคัดออกแน่นอนกันนะ”

จวินหวนเอ่ยขึ้น

สายตาไม่น้อยล้วนมองไปทางสัตว์ประหลาดเฒ่าจากยักษ์ใหญ่อมตะในน่านฟ้าที่แปดเหล่านั้น

“ก็แค่การทดสอบรอบแรกเท่านั้น อย่าเพิ่งได้ใจเร็วเกินไป”

ตงหวงฉยงแค่นเสียงเย็น

จวินหวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เช่นนั้นข้าจะรอหลังจากการทดสอบรอบที่สามสิ้นสุดแล้วค่อยถามพวกเจ้าอีกที”

วังกระบี่หมื่นยอด

ในโถงชั้นบนสุด หลังจากหลินสวินผ่านการทดสอบรอบแรกและออกจากสมรภูมิหมื่นยอดก็ปรากฏตัวอยู่ในโถงใหญ่

ฟุ่บ!

เมื่อเงาร่างของเขาปรากฏ สายตาของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิทั้งกลุ่มที่ผ่านการทดสอบก่อนหน้านี้ในโถงใหญ่ล้วนมองมายังหลินสวินเป็นจุดเดียว

สีหน้าของทุกคนล้วนเร้นลับยิ่ง

ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ความสามารถในการทดสอบรอบแรกของหลินสวินถูกพวกเขารู้นานแล้ว เวลานี้ยามเห็นเขาปรากฏตัว ในใจย่อมผุดความรู้สึกหลากหลาย

การทดสอบรอบแรกเหลือเพียงไม่กี่วัน

และเมื่อหลินสวินไปจากสมรภูมิหมื่นยอด จำนวนมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่ผ่านด่านอย่างราบรื่นก็มีทั้งสิ้นสิบเก้าคน

อิงจากการคาดคะเนของทุกคน มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่สามารถเข้าสู่การทดสอบรอบที่สองได้ในท้ายที่สุด เกรงว่าคงมีไม่ถึงสามสิบคนด้วยซ้ำ

เพราะในสมรภูมิหมื่นยอดตอนนี้เหลือไม่ถึงสามสิบคนแล้ว

ดังคาด ยามเมื่อการทดสอบรอบแรกสิ้นสุด ในบรรดามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิหนึ่งร้อยกว่าคน สุดท้ายมีเพียงยี่สิบเจ็ดคนที่เข้าสู่การทดสอบรอบที่สองได้อย่างราบรื่น!

หรือกล่าวได้ว่า เพียงแค่การทดสอบรอบแรกก็มีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิถูกคัดออกไปเกินกว่าครึ่ง

สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงคือ เมื่อการทดสอบรอบแรกสิ้นสุด ถึงแม้มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิจำนวนหนึ่งจะไม่เคยถูกคัดออก แต่เพราะเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ถึงสามคน สุดท้ายก็ไม่สามารถเข้าสู่การทดสอบรอบที่สองเช่นเดียวกัน

วันถัดมาหลังจากการทดสอบรอบแรกสิ้นสุดลง การทดสอบรอบที่สองก็เปิดฉากขึ้น

การทดสอบครั้งนี้จะดำเนินการอยู่ในลานมรรคมหึมาที่อยู่เบื้องหน้าวังกระบี่หมื่นยอด

“หลีเจิน การทดสอบด่านที่สองให้เจ้าดูแล”

ฟางเต้าผิงกล่าวกำชับ

หลีเจินที่เงาร่างสูงใหญ่กำยำ ผมเคราดุจง้าว ผิวหนังทั่วร่างเรื่อประกายแสงสำริดพยักหน้าน้อยๆ ตรงดิ่งไปยังใจกลางลานมรรคมหึมาแห่งนั้น

เมื่อเขาปรากฏตัว เสียงพูดคุยจอแจแถวนั้นพลันเงียบกริบ ไร้สรรพเสียง

“ผู้สืบทอดแกนหลักที่เก้ายอดเขาใหญ่แต่ละแห่งส่งมาอยู่ที่ใด” หลีเจินเอ่ยพูดเสียงขรึม

สวบๆๆ!

เพิ่งสิ้นเสียง รุ้งเทพพร่างพราวบาดตาเป็นสายๆ ก็ลงมาเยือนจากฟากฟ้า ยามที่ร่วงลงบนลานมรรคพลันแปลงเป็นชายหญิงเก้าคน แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายน่าตกใจ มาดสง่าสะท้านยุค

ในที่นั้นเกิดความปั่นป่วนโกลาหลระลอกหนึ่ง

เก้าคนนี้ก็คือผู้สืบทอดแกนหลักที่ยอดเขาที่หนึ่งถึงยอดเขาที่เก้าของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดส่งตัวมา!

แม้ว่าปราณแต่ละคนจะอยู่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเก้าคนนี้เหนือชั้นเกินกว่ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิทั่วๆ ไปจะเทียบชั้นได้!

เมื่อเทียบกับพวกเขา มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ทั้งหมด ส่วนใหญ่ล้วนด้อยกว่าอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด

ความแตกต่างเช่นนี้ละเอียดอ่อนยิ่งยวด ราวกับว่าเก้าคนนี้ไร้ศัตรูในระดับนี้นานแล้ว สามารถฝ่าทะลวงระดับก้าวสู่ระดับอมตะได้ทุกเมื่อ

และมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่เข้าร่วมการทดสอบเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนขาดบารมีไร้ศัตรูที่ตกตะกอนมานานเช่นนี้

มีเพียงคนอย่างหลินสวิน ตงหวงเซ่าเหวิน ฉีชิงซือ และมู่จุนอู๋เท่านั้นจึงจะมีบารมีพอจะเทียบเคียงได้

แน่นอนว่าคนทั่วไปยากจะแยกแยะความแตกต่างเช่นนี้

ถึงอย่างไรในฐานะระดับมกุฎบรรพจารย์เหมือนกัน หากคิดอยากแยกความแตกต่างระหว่างกลิ่นอายกับบารมีก็ค่อนข้างยากจริงๆ

และตอนนี้ ผู้สืบทอดแกนหลักจากเก้ายอดเขาใหญ่ทั้งเก้าคนนี้ก็จะกลายเป็น ‘ผู้เฝ้าด่าน’ ในการทดสอบรอบที่สอง!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์