ตอนที่ 2700 พานพบคนรู้จัก
ผู้สืบทอดแกนหลักเก้าคนที่มาจากเก้ายอดเขาใหญ่แต่ละลูกยืนตระหง่านอยู่บนลานมรรค
ทุกคนล้วนมองไปเป็นจุดเดียว
ไม่นานมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิยี่สิบเจ็ดคนที่เข้าร่วมการทดสอบรอบที่สองก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าประตูวังกระบี่หมื่นยอด
ยามเมื่อเห็น ‘ผู้เฝ้าด่าน’ เก้าคนนั้น ในสมองล้วนปรากฏกฎในการทดสอบรอบที่สองขึ้นมา
เมื่อการทดสอบเริ่มขึ้น จะใช้ป้ายยืนยันของตัวเองเป็นเครื่องยืนยันการเลือกต่อสู้กับ ‘ผู้เฝ้าด่าน’ คนหนึ่ง
ขอเพียงผู้เข้าร่วมการทดสอบสามารถยืนหยัดในการต่อสู้ได้เป็นเวลาครึ่งเค่อ ก็สามารถผ่านด่านได้อย่างราบรื่น
หากไม่สามารถทำได้ก็จะถูกคัดออก
ในการทดสอบรอบที่สองไม่อนุญาตให้ใช้พลังระเบียบ และไม่อนุญาตให้ใช้พลังภายนอกและวิชาลับที่สูงกว่าระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเหมือนการทดสอบรอบแรก
ได้แต่อาศัยมรรควิถีในตัวไปต่อสู้!
“ต่อให้สู้ผู้เฝ้าด่านไม่ไหว ขอเพียงสามารถยืนหยัดได้ถึงครึ่งเค่อก็สามารถผ่านด่านได้”
มีคนสังเกตเห็นจุดสำคัญในการทดสอบครั้งนี้อย่างว่องไว
หากเพียงแค่ยืนหยัดครึ่งเค่อก็สามารถผ่านด่านได้ เช่นนั้นในการต่อสู้ก็ไม่จำเป็นต้องเฉิดฉาย แค่ไม่พลั้งพลาดก็พอแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ คนมากมายล้วนรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย
ผู้เฝ้าด่านเก้าคนล้วนเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของเก้ายอดเขาใหญ่ แม้ว่ามีมรรควิถีระดับมกุฎบรรพจารย์เช่นกัน แต่ใครๆ ก็รู้ดีว่าการที่สามารถกลายเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดได้ แต่ละคนย่อมร้ายกาจและวิปริตอย่างแน่นอน
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบทั้งยี่สิบเจ็ดคนล้วนไม่อาจมั่นใจ ก็อยู่ที่พวกเขาไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ในการทดสอบของตนจะเป็นคนไหนในเก้าผู้เฝ้าด่าน
เพราะการเลือกคู่ต่อสู้ต้องอิงตามป้ายยืนยันของตัวเอง
นี่ช่างเร้นลับอย่างยิ่ง
อิงตามกฎ บนตัวผู้เฝ้าด่านเก้าคนต่างพกยันต์หยกแผ่นหนึ่ง สามารถตอบสนองต่อป้ายยืนยันบนตัวผู้เข้าร่วมการทดสอบได้
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโกงขึ้น ยันต์หยกบนตัวผู้เฝ้าด่านเก้าคนก็ถูกจัดสรรโดยการสุ่มจับสลากเช่นกัน
ว่ากันถึงที่สุด ภายใต้การจัดการของลัทธิแรกกำเนิด มีเพียงทำเช่นนี้เท่านั้นจึงจะยุติธรรมที่สุด!
“เอ๋!”
ทันใดนั้นหลินสวินก็เผยแววแปลกใจออกมา มองเห็นคนคุ้นหน้าคนหนึ่งในบรรดาผู้เฝ้าด่านเก้าคน
คนผู้นั้นสวมชุดเรียบๆ ผมยาวม้วนเป็นมวย หน้าตาบอกได้เพียงว่าพอใช้ได้ แต่บุคลิกกลับโดดเด่นถึงขีดสุด บารมีสูงล้น หลุดพ้นเหนือโลกีย์
เป็นผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้าเย่ฉุนจวิน!
ปีนั้นในเขตผนึกเร้น หลินสวินเคยปะทะกับ ‘สามดาบชะตา’ ของอีกฝ่ายตรงๆ ความประทับใจฝังลึก
เห็นชัดว่าครั้งนี้เย่ฉุนจวินเป็นตัวแทนยอดเขาที่เก้า ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้เฝ้าด่านครั้งนี้
และเวลาเดียวกันนั้นเย่ฉุนจวินก็มองเห็นหลินสวินแล้วเช่นกัน นัยน์ตาผุดแววแปลกไป ลอบกล่าวในใจว่า ‘ขออย่าให้เจ้าหมอนี่ต้องสู้กับข้าเด็ดขาด…’
อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากสู้กับหลินสวินที่นี่
ไม่ใช่ว่าแพ้ไม่เป็น หากแต่หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งที่แล้ว เย่ฉุนจวินยังไม่ได้เตรียมพร้อมจะไปสู้กับหลินสวินอีก…
หากไร้การเตรียมตัวแล้วเกิดแพ้ขึ้นมา เช่นนั้นก็แย่แล้ว
เย่ฉุนจวินถึงขั้นจำเป็นต้องพิจารณาว่าหากปะทะกับหลินสวินจริงๆ ตนควรทุ่มสุดกำลังอย่างไรจึงจะสามารถยืนหยัดได้ถึงครึ่งเค่อ…
นี่หากให้คนอื่นรู้เข้าต้องอึ้งค้างเป็นแน่
เรื่องยืนหยัดครึ่งเค่อ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้เข้าร่วมการทดสอบควรคำนึงถึงหรือ!?
ผู้เฝ้าด่านอย่างเจ้า เหตุใดจึงไม่มีความเชื่อมั่นเช่นนี้!?
ไม่นานหลีเจินก็เอ่ยปากพูดเสียงขรึม “กฎการทดสอบพวกเจ้ารู้ดียิ่งกว่าข้า ใครกล้าโกงในการทดสอบต้องถูกขับไล่!”
สิ้นเสียงการทดสอบก็เริ่มต้น
โจวจือจือที่ผ่านด่านเป็นคนแรกในการทดสอบรอบแรก เดินเข้าสู่ลานมรรคเป็นคนแรก
การทดสอบต่อจากนี้ คนอื่นๆ อย่างพวกหลินสวินก็จะลงสนามทีละคนตามลำดับการผ่านด่านทดสอบรอบแรก
โจวจือจือรูปร่างผอมสูง หน้าตาซื่อๆ แต่นัยน์ตากลับปราดเปรื่องเหนือธรรมดา ทุกท่วงท่าอิริยาบถไม่ได้มีมาดน่าทึ่งใดๆ แต่กลับให้ความรู้สึกหนักแน่นราวสมุทร ไม่อาจสั่นคลอนแก่ผู้คน
วู้ม!
ป้ายยืนยันบนตัวเขาลอยออกมา บังเกิดระลอกคลื่นแปลกพิสดาร เมื่อกวาดผ่านเบาๆ ก็เกิดเสียงสะท้อนกับหยกประดับบนตัวผู้เฝ้าด่านคนหนึ่ง
“ผู้สืบทอดแกนหลักยอดเขาที่ห้าฮั่วชิงเหอ!”
ในลานฮือฮา ฮั่วชิงเหอไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป จัดอยู่ในห้าอันดับแรกของผู้สืบทอดแกนหลักยอดเขาที่ห้า เป็นปีศาจที่พลังต่อสู้กร้าวแกร่ง
มุมปากโจวจือจือกระตุกน้อยๆ เห็นชัดว่ารู้สึกถึงความตึงมือเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้คนปากอ้าตาค้างคือ หลังจากการต่อสู้เริ่มขึ้น เงาร่างหนักแน่นดุจภูเขาของโจวจือจือถึงกับยืดหยุ่นหาใดเปรียบ แปลงเป็นสายอสนีนับไม่ถ้วนในทันที กะพริบวับวาบกลางลานมรรคใหญ่แห่งนั้น คนทั่วไปแยกไม่ออกสักนิดว่าร่างจริงของเขาอยู่ที่ไหน
กายหมื่นอสนีไร้ขอบเขต!
กายแปลงเป็นหมื่นอสนี ไม่มีที่สิ้นสุด
“ฉลาดยิ่ง!”
คนมากมายร้องอุทาน มองทะลุกลยุทธ์ต่อสู้ของโจวจือจือแล้ว เน้นการป้องกันกระทั่งยืนหยัดไปถึงครึ่งเค่อ ไม่ขอเฉิดฉาย ขอเพียงไม่พลั้งพลาด
เพียงแต่ฮั่วชิงเหอก็ไม่ใช่พวกที่จัดการได้ง่ายๆ เด็ดขาด ควบคุมลมเพลิง ยิ่งใหญ่อลังการ ดุจดั่งเพลิงพายุกาฬวาตโหมกรรโชกกลางลานมรรค บดขยี้สายอสนีที่ส่องวับแวมนั่นประหนึ่งกวาดล้างสิ้นซาก
แม้ลานมรรคจะกว้างใหญ่ แต่อย่างไรพื้นที่ก็มีจำกัด พื้นที่ที่โจวจือจือสามารถหลบเลี่ยงได้จึงมีจำกัด
ไม่ทันไรโจวจือจือก็ถูกบีบจนต้องเผยร่างจริงออกมา ทำได้เพียงใช้พลังทั้งหมดเข้าต่อสู้กับฮั่วชิงเหอ
การต่อสู้ระหว่างคนทั้งคู่ย่อมเรียกได้ว่าดุเดือดสะท้านโลก
แต่ใครๆ ล้วนมองออกว่าโจวจือจือตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายก็บาดเจ็บหนัก เกือบถูกกำราบหลายต่อหลายครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์