Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2701

สรุปบท ตอนที่ 2701 ลี่จงหย่วน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 2701 ลี่จงหย่วน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2701 ลี่จงหย่วน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2701 ลี่จงหย่วน

ตู๋กูโยวหรันผ่านด่านได้อย่างราบรื่นยิ่ง

ไม่ทันไรก็ถึงคราวหลินสวินลงสนาม

เมื่อเห็นเงาร่างสูงโปร่งของเขาปรากฏขึ้นกลางลานมรรค บรรยากาศในที่นี้ก็เปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมา

ขุมอำนาจอมตะที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาเหล่านั้น แต่ละคนล้วนไม่ปกปิดไอสังหารและความเคียดแค้นสักนิด นี่หากไม่เพราะอยู่ในอาณาเขตของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ป่านนี้พวกเขาคงไปถลกหนังหลินสวินกินทั้งเป็นแต่แรกแล้ว

“แค่ไม่รู้ว่าครั้งนี้เจ้าหมอนี่จะมาไม้ไหนอีก”

มีคนพึมพำ เพียงประโยคเดียวทำเอาคนไม่น้อยสีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล นึกถึงวีรกรรมทั้งหมดที่หลินสวินทำในการทดสอบรอบแรก

เมื่อเห็นหลินสวิน นัยน์ตาเย่ฉุนจวินก็เผยแววแปลกไปเช่นกัน

กลับเห็นหลินสวินยิ้มกล่าวอย่างกระตือรือร้น “พี่เย่ พวกเราพบกันอีกแล้ว”

ทุกคนล้วนอึ้งไป หลินสวินไปรู้จักมักจี่กับผู้เฝ้าด่านตั้งแต่เมื่อไร

ก็เห็นเย่ฉุนจวินสีหน้าแข็งทื่อน้อยๆ กล่าวว่า “นั่นสิ เจ้ามาดังคาด คราวก่อนผู้อาวุโสโม่ยังบอกว่าจะแนะนำเจ้าเข้าหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดด้วยตัวเอง”

หลินสวินยิ้มกล่าว “คราวก่อนพวกเราประลองกัน ไม่ได้ต่อสู้อย่างเอาจริงเอาจัง ครั้งนี้หากมีโอกาสข้าก็หวังว่าจะได้สู้กับพี่เย่อีกครั้ง”

มุมปากเย่ฉุนจวินกระตุกคราหนึ่ง กล่าวกำกวมว่า “ฮ่าๆ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

“หลินสวิน นี่เห็นการทดสอบรอบที่สองเป็นอะไร ใช่เวลาคุยเล่นหรือ ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคนยังใช้ความสัมพันธ์ไต่เต้าอีก หรือว่าตั้งใจจะโกง”

ไกลออกไปเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งตะโกนตำหนิ

รอยยิ้มของหลินสวินหุบลง จำได้ว่าเฒ่าดึกดำบรรพ์คนนั้นมาจากตระกูลหนาน เอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสทุกท่านของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดในที่นี้เป็นหัวหลักหัวตอหรือไร ใครจะโง่ถึงขั้นโกงใต้จมูกพวกเขา”

เขากล่าวยิ้มแสยะ “ยิ่งกว่านั้นต่อให้โกงแล้วเกี่ยวอะไรกับตระกูลหนานของเจ้าด้วย ตระกูลหนานของเจ้าสามารถแทรกแซงเรื่องของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดได้ตั้งแต่เมื่อไร”

หลังจากเอ่ยถามก็โยนข้อกล่าวหาไปตรงๆ ทำเอาผู้อาวุโสตระกูลหนานคนนั้นสีหน้าเขียวคล้ำ

“เดรัจฉานอย่างเจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”

ผู้อาวุโสตระกูลหนานกล่าวฉุนเฉียว

หลินสวินหันหน้ามองหลีเจิน ประสานหมัดคารวะแล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ผู้น้อยกำลังเข้าร่วมการทดสอบ แต่นอกลานกลับมีคนตะโกนสาปแช่ง พยายามก่อกวนและโจมตีสภาวะจิตของข้า บอกตามตรงสภาวะจิตของข้าถูกก่อกวนแล้ว ไม่ทราบว่าเรื่องนี้หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดจะเข้ามาดูแลหรือไม่”

ทุกคนในที่นี้ล้วนปากอ้าตาค้าง หลินสวินนี่ก่อเรื่องเก่งเกินไปแล้วกระมัง

ผู้อาวุโสตระกูลหนานก็โกรธจนแทบกระอักเลือด เจ้าคนหน้าไม่อาย เจตนาชั่วร้ายเกินไปแล้วชัดๆ!

คำพูดใส่ความทำให้เสื่อมเสียนี้ ทำเอาเขาไม่อาจโต้แย้งได้

ระดับอมตะบางส่วนที่ก่อนหน้านี้ยังคิดจะติติงหลินสวินเช่นเดียวกับผู้อาวุโสตระกูลหนาน เวลานี้ล้วนอดรู้สึกโชคดีไม่ได้ หาไม่เกรงว่าต้องถูกเจ้าหมอนี่กัดเข้าให้เป็นแน่!

ใบหน้าดุดันหยาบกร้านของหลีเจินก็เผยแววจนใจเช่นกัน ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดในการทดสอบรอบแรกเซียวเหวินหยวนจึงยิ้มขื่น

เจ้าหลินสวินนี่ยียวนเก่งเกินไปแล้วจริงๆ

หลีเจินไอแห้งๆ คราหนึ่งก่อนเอ่ยเสียงเข้ม “นับแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามไม่ให้คนภายนอกส่งเสียงดังอีก หากรบกวนการทดสอบก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

นี่เป็นการตักเตือนผู้อาวุโสตระกูลหนานคนนั้น ใบหน้าชราของฝ่ายหลังปั้นไม่ติด อัดอั้นจนอยากแทรกแผ่นดินหนีใจจะขาด

ส่วนหลินสวินกลับยิ้มประสานหมัดคารวะ “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนักที่ทวงความเป็นธรรมให้”

หลีเจินกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “รีบเอาป้ายยืนยันของเจ้าออกมา ทำการต่อสู้ได้แล้ว!”

เขากังวลจริงๆ ว่าหลินสวินอาจจะใช้ลูกไม้ ก่อเรื่องวุ่นวายอะไรในการทดสอบรอบที่สองนี้อีก

หลินสวินตอบรับขันแข็ง หยิบป้ายยืนยันออกมา

เมื่อระลอกคลื่นแปลกประหลาดระลอกหนึ่งปรากฏขึ้น ทันใดนั้นก็มีหยกประดับบนตัวผู้เฝ้าด่านคนหนึ่งตอบรับ

ลี่จงหย่วน!

ในที่นั้นแตกตื่น คนมากมายสูดหายใจสะท้าน ยังมีคนเกือบส่งเสียงร้องออกมา

แต่เพราะก่อนหน้านี้หลีเจินเคยเตือนว่าห้ามส่งเสียงดัง ทำให้แม้ว่าบรรยากาศในที่นี้จะแตกตื่นแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ

แต่จากสีหน้าของพวกเขาก็ดูออกไม่ยาก พวกเขาตกตะลึงมาก

เพราะก่อนหน้านี้ลี่จงหย่วนก็ประลองมาสามครั้ง การต่อสู้สามครั้งล้วนทำให้คู่ต่อสู้ถูกคัดออก ไม่มีใครโชคดีรอดไปได้!

ในสายตาของทุกคน ลี่จงหย่วนจึงหลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้เฝ้าด่านทั้งเก้าคน

เขามาจากยอดเขาที่สอง ลือกันว่ามีรากฐานพลังในการทะลวงระดับก้าวสู่อมตะตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน พลังต่อสู้น่าสะพรึงไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อไม่ต้องสู้กับหลินสวิน ทำให้เย่ฉุนจวินถอนหายใจโล่งอก และยามเห็นว่าคู่ต่อสู้ของหลินสวินคือลี่จงหย่วน เย่ฉุนจวินก็อดตกใจไม่ได้

ในฐานะผู้สืบทอดหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด เย่ฉุนจวินมีหรือจะไม่รู้ในบรรดาผู้สืบทอดแกนหลักของเก้ายอดเขาใหญ่ รากฐานพลังของลี่จงหย่วน รวมถึงพลังต่อสู้ล้วนสามารถไต่ขึ้นสู่สิบอันดับแรก!

ขณะเดียวกันลี่จงหย่วนก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เฝ้าด่านอย่างพวกเขา

แม้แต่เย่ฉุนจวินยังคาดไม่ถึงว่าครั้งนี้หลินสวินจะโชคร้ายเช่นนี้ ถึงกับเจอพวกของแข็งเช่นนี้เสียได้

ในที่นั้นฮือฮา ใบหน้าของขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นล้วนเผยแววมีความสุขบนคราวเคราะห์ผู้อื่นอย่างอดไม่ได้ การคัดเลือกรอบที่สองนี้ เจ้าหลินสวินยังจะผ่านไปได้อย่างไร

เวลานี้ตงหวงชิงก็ส่ายหน้าทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้เช่นกัน “ดูท่าเจ้าหลินสวินนี่คงต้องหยุดเท้าไว้เพียงเท่านี้แล้ว”

หัวคิ้วหลีเจินขมวดน้อยๆ คล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง กวาดมองบนตัวผู้เฝ้าด่านเก้าคนอย่างพวกลี่จงหย่วน เย่ฉุนจวิน ฮั่วชิงเหอ กู้เจิงทีละคน

แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร

และพร้อมกันนั้นเสียงสื่อจิตของฟางเต้าผิงดังขึ้นข้างหูเซียวเหวินหยวน ‘ยันต์หยกบนตัวผู้เฝ้าด่านเก้าคนนี้ ใครเป็นคนจับคู่ให้หรือ’

เซียวเหวินหยวนนัยน์ตาหดรัด ในใจสั่นไหว ตระหนักได้ว่าคำพูดนี้ของฟางเต้าผิงมีนัยแฝงยิ่งยวด เป็นไปได้สูงว่ากำลังสงสัยอะไรอยู่

‘รองหัวหน้าหอทังชิวคงเป็นคนจัดการ’

เซียวเหวินหยวนสื่อจิตตอบกลับ

“แข็งแกร่งนัก!”

บรรยากาศในที่นี้ล้วนปั่นป่วน ทั้งตึงเครียดและตื่นเต้น

การโจมตีระดับนี้ทำให้พวกเขายังรู้สึกตื่นตะลึงสะเทือนไหว

เงาร่างของหลินสวินโคลงเคลงน้อยๆ จิตต่อสู้ซึ่งหลับใหลในใจมาเนิ่นนานในที่สุดก็ถูกกระตุ้นแล้ว

ลี่จงหย่วนแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย แข็งแกร่งกว่าเย่ฉุนจวินช่วงหนึ่ง ความสำเร็จในระดับมกุฎบรรพจารย์บรรลุถึงขีดสุดแล้ว

หากเป็นเมื่อก่อนหลินสวินยังต้องให้ความสำคัญ ไม่กล้าชะล่าใจ

แต่หลังจากเขาทำลายต้นแรกกำเนิดและต้นหงเหมิงหมื่นมรรคเป็นผุยผงในเรือนเมฆปรกเมืองจันทร์เหมันต์ ตัดใจยอมทิ้งพันธนาการในอดีต มรรควิถีในตัวก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร้รูปนานแล้ว

ละทิ้งถึงจะได้มา

ก็เหมือนการปล่อยลง จึงจะเก็บขึ้นมาได้

ไม่มีใครรู้ว่าพลังต่อสู้ในตอนนี้ของหลินสวินแข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้ว แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อาจตัดสินได้ เพราะในระดับนี้ เขายังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่สามารถคุกคามเขาได้!

ยามที่แข็งแกร่งจนไม่มีคู่ต่อสู้ ก็ไม่มีข้อเปรียบเทียบ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตนแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่

หรือกล่าวได้ว่า เว้นแต่ภายหน้ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิในโลกนี้จะปราฏคนที่สามารถคุกคามเขาได้ หาไม่ในระดับนี้ หลินสวินก็ถือเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงหนึ่งเดียวนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน!

ลี่จงหย่วนแข็งแกร่งมาก แต่ตามความเห็นหลินสวินก็แค่พอสู้ด้วยได้ ภัยคุกคามไม่มากนัก

ตูม!

การต่อสู้ดำเนินไป บนลานมรรคฟ้าพลิกดินคว่ำ สุริยันจันทราอับแสง ภาพประหลาดมหามรรคที่น่าหวาดผวาสะท้านยุคมากมายล้วนปรากฏ เรียกเสียงอุทานจากนอกลานไม่รู้เท่าไร

ลี่จงหย่วนอานุภาพดุจเทพ โจมตีอหังการ พลังที่สำแดงออกมาทำให้ระดับอมตะไม่น้อยล้วนลอบตกใจ สะเทือนไหวไม่หยุด

เขาก็เหมือนราชันคนหนึ่งในระดับมกุฎบรรพจารย์ มีมาดดุจประมุขเยือนใต้หล้า!

กระนั้นทุกคนกลับค่อยๆ พบว่า ต่อให้พลังโจมตีของลี่จงหย่วนจะดุกร้าวอหังการปานใด ล้วนถูกหลินสวินสลายไปได้ทั้งหมด

เทียบกับอานุภาพเกรียงไกรไร้ขอบเขตของลี่จงหย่วน หลินสวินราบเรียบมากอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ต้นจนจบราวกับหินใต้สมุทร หมื่นกระแสรุกรานยังนิ่งเฉยไม่ขยับ

นั่นเป็นท่าทางสงบเรียบง่ายสบายๆ แม้จะไม่มีอานุภาพตื่นตาโลกตะลึง แต่เมื่อเขาสลายการโจมตีของลี่จงหย่วนได้ไม่ขาดสาย ท่าทางราบเรียบเหนือโลกีย์เช่นนี้กลับสะท้านสะเทือนใจผู้คนอย่างเห็นได้ชัด!

ระดับอมตะไม่น้อยเริ่มให้ความสนใจทุกการเคลื่อนไหวของหลินสวินอย่างอดไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจคือ ถึงกับไม่สามารถมองตื้นลึกหนาบางในมรรควิถีของหลินสวินได้

ตัวเขาดุจหุบเหว คลุมเครือยากคาดเดา!

นี่ทำให้ระดับอมตะเหล่านั้นล้วนไม่อาจสงบได้ ความสำเร็จในระดับมกุฎบรรพจารย์ของเจ้านี่บรรลุถึงขั้นไหนแล้วกันแน่

ไม่มีใครรู้!

แม้แต่พวกฟางเต้าผิง เซียวเหวินหยวน หลีเจิน ภายในใจล้วนผุดคลื่นไหวกระเพื่อมระลอกหนึ่ง

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์