ตอนที่ 2701 ลี่จงหย่วน
ตู๋กูโยวหรันผ่านด่านได้อย่างราบรื่นยิ่ง
ไม่ทันไรก็ถึงคราวหลินสวินลงสนาม
เมื่อเห็นเงาร่างสูงโปร่งของเขาปรากฏขึ้นกลางลานมรรค บรรยากาศในที่นี้ก็เปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมา
ขุมอำนาจอมตะที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาเหล่านั้น แต่ละคนล้วนไม่ปกปิดไอสังหารและความเคียดแค้นสักนิด นี่หากไม่เพราะอยู่ในอาณาเขตของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ป่านนี้พวกเขาคงไปถลกหนังหลินสวินกินทั้งเป็นแต่แรกแล้ว
“แค่ไม่รู้ว่าครั้งนี้เจ้าหมอนี่จะมาไม้ไหนอีก”
มีคนพึมพำ เพียงประโยคเดียวทำเอาคนไม่น้อยสีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล นึกถึงวีรกรรมทั้งหมดที่หลินสวินทำในการทดสอบรอบแรก
เมื่อเห็นหลินสวิน นัยน์ตาเย่ฉุนจวินก็เผยแววแปลกไปเช่นกัน
กลับเห็นหลินสวินยิ้มกล่าวอย่างกระตือรือร้น “พี่เย่ พวกเราพบกันอีกแล้ว”
ทุกคนล้วนอึ้งไป หลินสวินไปรู้จักมักจี่กับผู้เฝ้าด่านตั้งแต่เมื่อไร
ก็เห็นเย่ฉุนจวินสีหน้าแข็งทื่อน้อยๆ กล่าวว่า “นั่นสิ เจ้ามาดังคาด คราวก่อนผู้อาวุโสโม่ยังบอกว่าจะแนะนำเจ้าเข้าหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดด้วยตัวเอง”
หลินสวินยิ้มกล่าว “คราวก่อนพวกเราประลองกัน ไม่ได้ต่อสู้อย่างเอาจริงเอาจัง ครั้งนี้หากมีโอกาสข้าก็หวังว่าจะได้สู้กับพี่เย่อีกครั้ง”
มุมปากเย่ฉุนจวินกระตุกคราหนึ่ง กล่าวกำกวมว่า “ฮ่าๆ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
“หลินสวิน นี่เห็นการทดสอบรอบที่สองเป็นอะไร ใช่เวลาคุยเล่นหรือ ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคนยังใช้ความสัมพันธ์ไต่เต้าอีก หรือว่าตั้งใจจะโกง”
ไกลออกไปเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งตะโกนตำหนิ
รอยยิ้มของหลินสวินหุบลง จำได้ว่าเฒ่าดึกดำบรรพ์คนนั้นมาจากตระกูลหนาน เอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสทุกท่านของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดในที่นี้เป็นหัวหลักหัวตอหรือไร ใครจะโง่ถึงขั้นโกงใต้จมูกพวกเขา”
เขากล่าวยิ้มแสยะ “ยิ่งกว่านั้นต่อให้โกงแล้วเกี่ยวอะไรกับตระกูลหนานของเจ้าด้วย ตระกูลหนานของเจ้าสามารถแทรกแซงเรื่องของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดได้ตั้งแต่เมื่อไร”
หลังจากเอ่ยถามก็โยนข้อกล่าวหาไปตรงๆ ทำเอาผู้อาวุโสตระกูลหนานคนนั้นสีหน้าเขียวคล้ำ
“เดรัจฉานอย่างเจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”
ผู้อาวุโสตระกูลหนานกล่าวฉุนเฉียว
หลินสวินหันหน้ามองหลีเจิน ประสานหมัดคารวะแล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ผู้น้อยกำลังเข้าร่วมการทดสอบ แต่นอกลานกลับมีคนตะโกนสาปแช่ง พยายามก่อกวนและโจมตีสภาวะจิตของข้า บอกตามตรงสภาวะจิตของข้าถูกก่อกวนแล้ว ไม่ทราบว่าเรื่องนี้หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดจะเข้ามาดูแลหรือไม่”
ทุกคนในที่นี้ล้วนปากอ้าตาค้าง หลินสวินนี่ก่อเรื่องเก่งเกินไปแล้วกระมัง
ผู้อาวุโสตระกูลหนานก็โกรธจนแทบกระอักเลือด เจ้าคนหน้าไม่อาย เจตนาชั่วร้ายเกินไปแล้วชัดๆ!
คำพูดใส่ความทำให้เสื่อมเสียนี้ ทำเอาเขาไม่อาจโต้แย้งได้
ระดับอมตะบางส่วนที่ก่อนหน้านี้ยังคิดจะติติงหลินสวินเช่นเดียวกับผู้อาวุโสตระกูลหนาน เวลานี้ล้วนอดรู้สึกโชคดีไม่ได้ หาไม่เกรงว่าต้องถูกเจ้าหมอนี่กัดเข้าให้เป็นแน่!
ใบหน้าดุดันหยาบกร้านของหลีเจินก็เผยแววจนใจเช่นกัน ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดในการทดสอบรอบแรกเซียวเหวินหยวนจึงยิ้มขื่น
เจ้าหลินสวินนี่ยียวนเก่งเกินไปแล้วจริงๆ
หลีเจินไอแห้งๆ คราหนึ่งก่อนเอ่ยเสียงเข้ม “นับแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามไม่ให้คนภายนอกส่งเสียงดังอีก หากรบกวนการทดสอบก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
นี่เป็นการตักเตือนผู้อาวุโสตระกูลหนานคนนั้น ใบหน้าชราของฝ่ายหลังปั้นไม่ติด อัดอั้นจนอยากแทรกแผ่นดินหนีใจจะขาด
ส่วนหลินสวินกลับยิ้มประสานหมัดคารวะ “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนักที่ทวงความเป็นธรรมให้”
หลีเจินกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “รีบเอาป้ายยืนยันของเจ้าออกมา ทำการต่อสู้ได้แล้ว!”
เขากังวลจริงๆ ว่าหลินสวินอาจจะใช้ลูกไม้ ก่อเรื่องวุ่นวายอะไรในการทดสอบรอบที่สองนี้อีก
หลินสวินตอบรับขันแข็ง หยิบป้ายยืนยันออกมา
เมื่อระลอกคลื่นแปลกประหลาดระลอกหนึ่งปรากฏขึ้น ทันใดนั้นก็มีหยกประดับบนตัวผู้เฝ้าด่านคนหนึ่งตอบรับ
ลี่จงหย่วน!
ในที่นั้นแตกตื่น คนมากมายสูดหายใจสะท้าน ยังมีคนเกือบส่งเสียงร้องออกมา
แต่เพราะก่อนหน้านี้หลีเจินเคยเตือนว่าห้ามส่งเสียงดัง ทำให้แม้ว่าบรรยากาศในที่นี้จะแตกตื่นแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ
แต่จากสีหน้าของพวกเขาก็ดูออกไม่ยาก พวกเขาตกตะลึงมาก
เพราะก่อนหน้านี้ลี่จงหย่วนก็ประลองมาสามครั้ง การต่อสู้สามครั้งล้วนทำให้คู่ต่อสู้ถูกคัดออก ไม่มีใครโชคดีรอดไปได้!
ในสายตาของทุกคน ลี่จงหย่วนจึงหลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้เฝ้าด่านทั้งเก้าคน
เขามาจากยอดเขาที่สอง ลือกันว่ามีรากฐานพลังในการทะลวงระดับก้าวสู่อมตะตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน พลังต่อสู้น่าสะพรึงไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อไม่ต้องสู้กับหลินสวิน ทำให้เย่ฉุนจวินถอนหายใจโล่งอก และยามเห็นว่าคู่ต่อสู้ของหลินสวินคือลี่จงหย่วน เย่ฉุนจวินก็อดตกใจไม่ได้
ในฐานะผู้สืบทอดหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด เย่ฉุนจวินมีหรือจะไม่รู้ในบรรดาผู้สืบทอดแกนหลักของเก้ายอดเขาใหญ่ รากฐานพลังของลี่จงหย่วน รวมถึงพลังต่อสู้ล้วนสามารถไต่ขึ้นสู่สิบอันดับแรก!
ขณะเดียวกันลี่จงหย่วนก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เฝ้าด่านอย่างพวกเขา
แม้แต่เย่ฉุนจวินยังคาดไม่ถึงว่าครั้งนี้หลินสวินจะโชคร้ายเช่นนี้ ถึงกับเจอพวกของแข็งเช่นนี้เสียได้
ในที่นั้นฮือฮา ใบหน้าของขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นล้วนเผยแววมีความสุขบนคราวเคราะห์ผู้อื่นอย่างอดไม่ได้ การคัดเลือกรอบที่สองนี้ เจ้าหลินสวินยังจะผ่านไปได้อย่างไร
เวลานี้ตงหวงชิงก็ส่ายหน้าทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้เช่นกัน “ดูท่าเจ้าหลินสวินนี่คงต้องหยุดเท้าไว้เพียงเท่านี้แล้ว”
หัวคิ้วหลีเจินขมวดน้อยๆ คล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง กวาดมองบนตัวผู้เฝ้าด่านเก้าคนอย่างพวกลี่จงหย่วน เย่ฉุนจวิน ฮั่วชิงเหอ กู้เจิงทีละคน
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
และพร้อมกันนั้นเสียงสื่อจิตของฟางเต้าผิงดังขึ้นข้างหูเซียวเหวินหยวน ‘ยันต์หยกบนตัวผู้เฝ้าด่านเก้าคนนี้ ใครเป็นคนจับคู่ให้หรือ’
เซียวเหวินหยวนนัยน์ตาหดรัด ในใจสั่นไหว ตระหนักได้ว่าคำพูดนี้ของฟางเต้าผิงมีนัยแฝงยิ่งยวด เป็นไปได้สูงว่ากำลังสงสัยอะไรอยู่
‘รองหัวหน้าหอทังชิวคงเป็นคนจัดการ’
เซียวเหวินหยวนสื่อจิตตอบกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์