ตอนที่ 2734 ตำรายุคสมัย
ประตูสำริดปิดสนิท บนนั้นมีลายเมฆลึกลับสลักอยู่ มีคลื่นพลังระเบียบล้อมพื้นผิวประตูอยู่รางๆ น่าพิศวงนัก
“มรดกอมตะที่เก็บอยู่ในตำหนักที่เก้านี้มีนามว่าตำรายุคสมัย เป็นสิ่งที่บรรพจารย์สำนักเราทิ้งไว้ให้เมื่อนานมาแล้ว”
เจี่ยงเยี่ยพูดเบาๆ อยู่ข้างๆ
ตำรายุคสมัย!
หลินสวินตาเปล่งประกาย ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
“คิดว่าเจ้าคงรู้อยู่แล้วว่ามรดกของมรรคาอมตะแทบไม่อาจสืบทอดได้ เพราะมรรคาที่เกี่ยวข้องไม่เหมือนกัน ต่อให้เอาสิ่งที่ตนได้จากการหยั่งรู้มาเขียนเป็นตำราทิ้งไว้ ผู้ฝึกปราณคนอื่นก็ไม่อาจหยั่งรู้นัยเร้นลับอะไรจากในนั้นได้”
เจี่ยงเยี่ยเอ่ย “แต่ตำรายุคสมัยต่างออกไป สิ่งที่มันบันทึกคือการอนุมานและความเปลี่ยนแปลงของมรรคาอมตะ ไม่ว่าใครได้อ่านก็จะเกิดความรู้สึกและการรับรู้ที่แตกต่างกันไป”
“ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ คนที่มาอ่านตำรายุคสมัยในสำนักเรามีไม่น้อย แต่นัยเร้นลับที่ได้จากการหยั่งรู้กลับต่างกันไปตามแต่ละคน”
“มีคนหยั่งรู้นัยเร้นลับอมตะบางอย่าง พลันรู้แจ้งทันที”
“มีคนหยั่งรู้อยู่นานก็ไม่ได้อะไรเลย”
“ว่ากันถึงที่สุด แทนที่จะบอกว่าตำรายุคสมัยเป็นมรดกอมตะ กลับเหมือนเป็นการพรรณนาถึงมรรคาอมตะเสียมากกว่า ไม่ได้มีมรดกวิชาที่สามารถหยิบยืมเป็นตัวอย่างหรืออ้างอิงได้อย่างชัดเจน”
ฟังถึงตรงนี้หลินสวินค่อยๆ เข้าใจขึ้นแล้ว
จู่ๆ เขาก็นึกถึงมรดก ‘ตำราเทพไร้ขอบเขต’
เมื่อมรดกลายเทพเก้าลายหลอมรวมเป็นหนึ่งก็จะกลายเป็นลายเทพไร้ขอบเขต
และจากลายเทพไร้ขอบเขต ก็สามารถอนุมานและเปลี่ยนแปลงนัยเร้นลับของศาสตร์สลักวิญญาณได้เช่นกัน
นี่เหมือนจะประโยชน์ทำนองเดียวกับตำรายุคสมัย
‘หรือลายเทพไร้ขอบเขตก็เป็นมรดกอมตะอย่างหนึ่ง’ หลินสวินจิตใจปั่นป่วน
เจี่ยงเยี่ยไม่ได้รู้ว่าหลินสวินคิดอะไรอยู่ เอ่ยว่า “ถ้าเจ้าเตรียมตัวพร้อมข้าก็จะเปิดประตูสำริดบานนี้ให้เจ้า หยั่งรู้อะไรได้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้ว”
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “รบกวนผู้อาวุโสแล้ว”
เจี่ยงเยี่ยไม่พูดอะไรอีก เอายันต์มรรคคร่ำคร่าชิ้นหนึ่งออกมาโบกเบาๆ
ทันใดนั้นบนประตูสำริดที่ปิดสนิทบานนั้น พลังระเบียบไหวเคลื่อนปั่นป่วน แปลงเป็นเส้นทางวกวนอันลึกลับเส้นหนึ่ง
“ถือยันต์มรรคชิ้นนี้ไว้ให้ดี ตอนหยั่งรู้ในนั้นจะไม่มีใครรบกวนเจ้า ถ้าต้องการออกมาขอเพียงขยี้ยันต์มรรคนี้ให้แหลกก็พอ”
เจี่ยงเยี่ยส่งยันต์มรรคชิ้นหนึ่งให้หลินสวิน
“ขอบคุณผู้อาวุโส” หลินสวินกุมมือคารวะ จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในเส้นทางวังวนนั้น
ฮูม!
เมื่อเงาร่างเขาหายลับไป เส้นทางวังวนที่อยู่บนประตูสำริดนั้นก็หายไปพร้อมคลื่นปั่นป่วนระลอกหนึ่ง
เจี่ยงเยี่ยยืนเงียบอยู่ที่เดิมพักหนึ่งถึงหมุนตัวจากมา
ในเรือนน้อยเขาแรกมายา
ที่นี่เป็นที่ฝึกปราณของรองหัวหน้าหอตู๋กูยง
‘เจ้าหมอนี่เพิ่งเข้าหอแรกนภาไปเมื่อวาน วันนี้ก็มายืมอ่านตำรายุคสมัยแล้ว เช่นนี้ดูท่าเขาคงสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ของตนไม่สู้ดีเหมือนกัน’
พอได้ยินรายงานของเจี่ยงเยี่ย ตู๋กูยงก็ครุ่นคิด
“คนพวกนั้นทำเกินไปจริงๆ พยายามจัดการหลินสวินก่อนกลายเป็นระดับอมตะ ถ้าหลินสวินอยากหลบเลี่ยงอันตรายอะไรที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าอีก เรื่องเร่งด่วนย่อมเป็นการยกระดับปราณของตน”
เจี่ยงเยี่ยเอ่ยเรียบๆ
“เจ้าแห่งมรรคสวรรค์ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเจ้าหนุ่มนี่ คิดว่าเขาจะเหยียบย่างบนมหามรรคอมตะที่ไม่เหมือนผู้ใดในโลก แตกต่างจากอดีต เพราะเหตุนี้จึงยั่วให้ศัตรูคู่แค้นพวกนั้นหวั่นกลัว พวกเขาก็ย่อมไม่มีทางยอมให้เจ้าหนุ่มนี่เหยียบย่างลงบนระดับนี้ได้อย่างราบรื่น”
ตู๋กูยงแววตาลุ่มลึก “แต่ถ้าเจ้าหนุ่มนี่บรรลุระดับนี้ได้จริงๆ สำหรับคนอย่างพวกเราแล้วกลับเป็นเรื่องดี”
“ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ลัทธิพ่อมดมีผู้มากความสามารถปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อำนาจยิ่งเกรียงไกร มีท่าทีว่าจะอยู่เหนือลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราอยู่กลายๆ”
“ลัทธิฌานสั่งสมกำลัง เก็บตัวประกอบกิจ แม้ไม่เผยร่องรอยมานานแล้ว แต่รากฐานพลังของลัทธิยากหยั่งถึงยิ่งกว่าลัทธิพ่อมดเสียอีก”
“ลัทธิวิญญาณสอนสั่งทุกคนมิแบ่งแยก ว่างเปล่านิ่งเฉย แม้ภายในสำนักก็มีปัญหาเรื้อรังและภัยร้ายซ่อนอยู่ แต่เทียบกันแล้วยังสภาพดีกว่าลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราอยู่บ้าง”
พูดถึงตรงนี้ตู๋กูยงถอนใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ในสี่หอบรรพจารย์ กลับเป็นพวกเราลัทธิแรกกำเนิดที่ตอนนี้อ่อนแอที่สุด”
เจี่ยงเยี่ยฟังอยู่เงียบๆ จนจบก็ถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ตามความเห็นของท่าน เหตุใดลัทธิแรกกำเนิดของเราจึงมีสภาพเช่นนี้”
“พูดไปก็ซับซ้อน”
ตู๋กูยงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “พูดแบบง่ายๆ สาเหตุมีสองอย่าง”
“หนึ่ง ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ กำลังพลของขุมอำนาจยักษ์ใหญ่น่านฟ้าที่แปดเหล่านั้นแทรกซึมมาทั่วทั้งลัทธิแรกกำเนิดแล้ว ถึงตอนนี้พวกเขาครอบครองอำนาจมากมายในลัทธิแรกกำเนิดไปแล้ว”
“ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดก็จะตกลายเป็นสวนดอกไม้หลังบ้านขุมอำนาจยักษ์ใหญ่น่านฟ้าที่แปดพวกนั้น”
เจี่ยงเยี่ยดวงตานิ่งขึง “แฝงตัวยึดครองหรือ”
ตู๋กูยงเอ่ย “พูดแบบนี้ก็ได้
เจี่ยงเยี่ยถอนใจอย่างห้ามไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์