Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2742

ตอนที่ 2742 เจตจำนงสายหนึ่ง

ตูม โครม!

บริเวณใกล้เคียงยอดเขาที่เก้าปรากฏพลังระเบียบคลุมเครือ กำลังต้านพลังน่าสะพรึงของอสนีเคราะห์นั่น

หาไม่ภูผาธาราแถบนี้ต้องถูกบดขยี้อย่างแน่นอน

แท่นมรรคที่แปลงมาจากอสนีสีม่วงดุจภูเขาเทพที่ไม่อาจสั่นคลอน เปล่งแสงกลางห้วงอากาศ กลิ่นอายพิบัติเคราะห์น่าสะพรึงแผ่กระจายครึกโครม

นี่เป็นภาพที่สามารถทำให้มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนใดก็ตามสิ้นหวัง

มหาเคราะห์เช่นนี้ใครจะไปต้านไหวกัน

แต่ไม่นานผู้คนต่างพบว่าใกล้ๆ แท่นมรรคสีม่วงนั่นมีรอยเลือดเป็นสายๆ ร้อยรัดควบรวม ไม่ทันไรก็ก่อเค้าโครงร่างของหลินสวินออกมา

“นี่ยังไม่ตายอีก!?”

ฉีหลิงเจิ้นโพล่งออกมาอย่างแทบควบคุมไม่อยู่

ครั้งมองไปทางคนอื่นๆ ต่างก็เบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้นเงาร่างของหลินสวินก็ถูกทำลายอีกครั้ง เหมือนกับการต่อสู้กับทวนพิพากษานั่นก่อนหน้านี้ เข้าสู่วังวนแห่งการดับสิ้นและเกิดใหม่อย่างหนึ่ง

ทุกครั้งล้วนทำให้ผู้อื่นนึกว่าเขาสิ้นชีพไปแล้ว แต่ทุกครั้งล้วนฟื้นคืนกลับมาอีกดุจดั่งปาฏิหาริย์

นี่ทำให้คนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลีมองจนสีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง

เพียงแต่พวกเขาที่เป็นคนนอก ถึงแม้จะเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่กลับไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกยามหลินสวินข้ามด่านเคราะห์ได้สักนิด

ถูกโจมตีสังหารครั้งหนึ่ง ก็เหมือนพบเจอการลงทัณฑ์ทารุณอย่างหนึ่ง ร่างสังขารถูกผลาญดับ ประหนึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ท่ามกลางความตาย

หากเปลี่ยนเป็นคนที่สภาวะจิตอ่อนแอหน่อย เกรงว่าคงถูกการโจมตีสังหารครั้งแล้วครั้งเล่านั่นทรมานจนสภาวะจิตทลายไปนานแล้ว!

หลินสวินเองก็รับมือยากลำบากเช่นเดียวกัน

แต่สภาวะจิตและเจตจำนงของเขาไม่เคยถูกสั่นคลอน!

เขาเฝ้ารอมานานแล้ว ขาดเพียงโอกาสแจ้งมรรคครั้งนี้ ต่อให้ด่านเคราะห์นี้จะน่าสะพรึงและวิปริตปานใด ก็ไม่มีทางทำให้เขาถอยร่นแม้เพียงเสี้ยว!

อันที่จริงทุกครั้งที่ถูกดับทำลาย ล้วนเหมือนผ่านการทรมานที่โหดร้ายทารุณที่สุดในโลก แต่ทุกครั้งหลังจากนิพพาน ก็ทำให้อุปสรรคพลังปราณของหลินสวินถูกทุบทำลายลงส่วนหนึ่ง ทำให้เขาได้รับการแปรสภาพอันไร้รูปอย่างหนึ่ง!

หากบอกว่าระดับมกุฎบรรพจารย์ก็เหมือนสระที่เติมน้ำจนเต็ม เช่นนั้นพิบัติเคราะห์ในเวลานี้ ก็เหมือนค้อนยักษ์ที่ทุบทำลายและสั่นคลอนขอบกั้นของสระน้ำ

นี่ก็คือการทะลวงระดับ

กำจัดอุปสรรคที่ขวางกั้นพลังปราณแห่งตน จึงจะสามารถเหยียบย่างบนมรรคาที่สูงยิ่งขึ้น!

พร้อมกับเวลาเคลื่อนคล้อย

ก็ไม่รู้ว่าหลินสวินถูกแท่นมรรคสีม่วงนั่นทำลายกี่แล้วครั้ง ร่างของเขาพริบไหวหายไปทันใด ก่อนจะปรากฏตัวนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นมรรคสีม่วงนั่น!

เขาเหมือนนั่งสมาธิ ทั่วร่างทั้งบนล่างแผ่กลิ่นอายกลืนกินอันน่าสะพรึงออกมา กลายเป็นเหวใหญ่ที่ลึกสุดหยั่ง กำลังหลอมแท่นมรรคสีม่วงนั่น

ตูม!

พลังของทั้งสองเริ่มประชันและฟาดฟันอย่างดุเดือดยิ่งยวด ทำให้ฟ้าดินแถบนั้นล้วนปั่นป่วน พลังที่บ้าคลั่งหอบม้วนอาละวาด แผ่กระจายไปทั่วสิบทิศ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าแท่นมรรคสีม่วงจะดิ้นรนอย่างไร เงาร่างของหลินสวินราวกับหินแกร่ง ไม่ไหวติงแม้แต่เสี้ยว

และพร้อมๆ กับการต่อต้านไม่หยุด แท่นมรรคสีม่วงถึงกับถูกหลอมพังถล่มทีละน้อย กลิ่นอายพิบัติเคราะห์ที่เปี่ยมล้นบนนั้นล้วนถูกดับมอดทีละนิด

ทั่วบริเวณล้วนสะท้านสะเทือน ไร้ซึ่งสรรพเสียง

ความสามารถของหลินสวินในยามนี้ ในสายตาพวกเขาก็เหมือนเทพศักดิ์สิทธิ์ เหยียดหยัน แข็งกร้าว ไม่อาจสั่นคลอน ไม่ตายไม่แตกดับ!

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ หรือสภาวะจิตของเขาไม่ได้รับผลกระทบใด”

พวกฉีหลิงเจิ้นสีหน้าเปลี่ยนสี เผยแววขุ่นเคืองอย่างบอกไม่ถูก อึดอัดยิ่ง

ความสามารถของหลินสวินตระการตาเกินไปแล้ว ถูกโจมตีร่างสลายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็เกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าอีก จนตอนนี้ยิ่งคิดจะหลอมมหาเคราะห์ นี่จะให้พวกเขารับไหวได้อย่างไร

คนส่วนมากถูกหลินสวินทำให้สะท้านสะเทือน

เคาะใจถามตน หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา ใครจะสามารถผ่านการดับทำลายแต่ไม่พ่ายแพ้เหมือนหลืนสวินได้บ้าง

เปรี๊ยะ!

สุดท้ายแท่นมรรคสีม่วงก็แตกร้าว จากนั้นระเบิดออกสนั่นหวั่นไหว ละอองแสงอสนีเคราะห์ที่มันวิวัฒน์ขึ้นถูกหลินสวินกลืนกินเกลี้ยงไม่มีเหลือ

สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลิ่นอายบนตัวหลินสวินไต่ทะยานขึ้นประหนึ่งบ้าคลั่ง กลิ่นอายที่เป็นของระดับอมตะเป็นสายๆ พวยพุ่งออกมารำไร!

ยามนี้พวกฝูเหวินหลีไม่อาจสงบได้อย่างสิ้นเชิง ในใจทั้งตกลึงทั้งโมโห สภาวะจิตของเจ้าหมอนี่ไม่ได้รับผลกระทบสักนิดจริงๆ หรือ

นี่ทำให้พวกเขาทำตัวไม่ถูก

มองเห็นหลินสวินยิ่งล้มยิ่งแกร่งกล้า ยิ่งเปลี่ยนแปลงยิ่งกร้าวแกร่งระหว่างข้ามด่านเคราะห์ ทำให้พวกเขาหมายลงมือไปขัดขวางอยู่หลายต่อหลายครั้ง

แต่ท้ายที่สุดก็ยังฝืนใจระงับเอาไว้

ที่นี่อย่างไรก็เป็นลัทธิแรกกำเนิด กฎระเบียบไม่อาจเหยียบย่ำ!

และเวลานี้คนใหญ่คนโตอย่างพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยงล้วนลอบถอนหายใจโล่งอก

เคราะห์แรก เป็นมหาเคราะห์ที่ดุจดั่งทวนพิพากษาเล่มหนึ่ง แม้จะน่าสะพรึงแต่ก็ยังถูกหลินสวินสลายไปได้

เคราะห์ที่สอง ดุจดั่งแท่นมรรคอสนี แข็งกร้าวยิ่งกว่าทวนพิพากษา ทำเอาพวกเขายังขวัญหาย แต่ก็ยังไม่อาจเอาชนะหลินสวินได้ดังเดิม

ทั้งหมดนี้ราวกับปาฏิหาริย์ ทำเอาผู้ชมอย่างพวกเขาเกิดความมั่นใจเพิ่มพูน

ทว่าก็เป็นตอนนี้เองที่ส่วนลึกของเมฆาเคราะห์นั่นปรากฏอสนีเทพที่ประหนึ่งแรกกำเนิด คลุมเครือยากอธิบาย พลิกม้วนโหมซัด พริบตานั้นทุกคนในที่นี้ไม่ว่าพลังปราณสูงหรือต่ำ สภาวะจิตล้วนเกิดสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม ดุจดั่งถูกความน่าสะพรึงยิ่งใหญ่ปิดครอบ หมายจะรุกรานสภาวะจิต

“โอม!”

ทันใดนั้นเสวียนเฟยหลิงเปล่งเสียงมรรคออกมา ดังก้องทั่วลาน “ศิษย์ทุกคนปิดผนึกสัมผัสทั้งหก ห้ามทำการสัมผัสอีก หาไม่จะทำให้สภาวะจิตประสบเคราะห์!”

คนมากมายหน้าเปลี่ยนสี ล้วนปิดผนึกจิตรับรู้และประสาทสัมผัสตามจิตใต้สำนึก

มีเพียงเหล่าพวกคนใหญ่คนโตพวกนั้นที่ยังสามารถต้านสิ่งนี้ได้ เพียงแต่สีหน้าต่างเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์