Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2746

สรุปบท ตอนที่ 2746 ศึกอมตะ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2746 ศึกอมตะ – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2746 ศึกอมตะ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 2746 ศึกอมตะ

ทั่วลานเงียบกริบ ถูกพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาทำให้ตกใจ

พวกคนใหญ่คนเหล่านั้นล้วนตระหนักได้ว่า หลินสวินจะต้องได้รับประโยชน์มากมายในการข้ามด่านเคราะห์แจ้งมรรคก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน

และเป็นไปได้สูงว่าอาจหลอมกฎเกณฑ์อมตะของตนระหว่างการข้ามด่านเคราะห์!

นี่ทำให้คนยากจะเชื่อ

ขณะนี้จงหลีหรัน กู้เซ่าอิ้น ฟู่เจาเซิงสามคนที่เอาแต่ยืนนิ่งอยู่ขอบสนามรบพิพาทสวรรค์ต่างเก็บความเหยียดแคลน สีหน้าตกใจและเคร่งขรึม

ฉีหลิงเจิ้นเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของหอแรกนภา และเป็นคนที่แกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา

แต่อานุภาพการโจมตีของเขากลับถูกหลินสวินเอาชนะซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ทำให้พวกเขาตระหนักได้ถึงความไม่เข้าทีอยู่บ้าง

“ศิษย์พี่ไม่ใช่อยากชี้แนะข้าหรือ ต่อสิ”

หลินสวินเอ่ยปากราบเรียบ

ประโยคนี้เหมือนการถากถางครั้งใหญ่ ทำให้สีหน้าของฉีหลิงเจิ้นไม่น่าดูเป็นพิเศษ

“เฮอะ!”

เขาแค่นเสียงเย็นออกมาอย่างหนัก ทั่วร่างพลันปรากฏปราณกระบี่สี่สาย แผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงแตกต่างกัน

ปราณกระบี่สี่สายนี้ แบ่งเป็นตัวแทนนัยเร้นลับอมตะสูงสุดอย่างหนึ่ง แบ่งออกเป็น พิฆาตสวรรค์ ผลาญปฐพี พิบัติเยือน เคลื่อนโกลาหล!

เมื่อปราณกระบี่สี่สายนี่ปรากฏ อานุภาพของฉีหลิงเจิ้นพลันทะยานถึงจุดสูงสุด กฎเกณฑ์อมตะตลบม้วน สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

นี่เป็นไพ่ตายของฉีหลิงเจิ้น รวบรวมแก่นพิสุทธิ์ของมรรควิถีอมตะทั่วร่างของเขา!

“ไป!”

ท่ามกลางเสียงตะโกน ปราณกระบี่พิฆาตสวรรค์พุ่งโฉบ ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คน ก็ประหนึ่งว่าภายใต้กระบี่นี้เวิ้งฟ้าหมื่นกาลยังถูกพิฆาตดับ จมจ่อมไปเช่นนี้

นอกสนามเสียงอุทานดังขึ้นระลอกหนึ่ง หวั่นหวาดยิ่งยวด

กลับเห็นว่ายามนี้หลินสวินพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ร่างที่เดิมยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวพุ่งตัวไปเบื้องหน้าโดยไม่หลบหลีก

พริบตาที่ปราณกระบี่พิฆาตสวรรค์พุ่งมา

หลินสวินชูหมัดซัดโจมตี

กระแสปั่นป่วนไร้ใดเปรียบแผ่พุ่ง พลังหมัดนั่นดุจดั่งเหวใหญ่ที่ลึกล้ำไร้ขอบเขต ปลดปล่อยอานุภาพดับผลาญทุกสิ่งออกมา ทั้งยังมีกฎเกณฑ์อมตะอันคลุมเครือเปี่ยมล้นอยู่ในนั้น ทำให้พลังหมัดนี้ที่ปล่อยออกไปดูประหนึ่งหมายจะกลืนกินหมื่นกาล ทุบทำลายปวงสวรรค์!

ปึง!

ชั่วอึดใจสั้นๆ นั้น ปราณกระบี่พิฆาตสวรรค์ถูกดับผลาญกลืนกิน สลายไปไร้ร่องรอย

นี่ทำให้ทั่วลานสะท้านสะเทือน คนไม่รู้เท่าไหร่หน้าเปลี่ยนสี

“ไป!”

ไกลออกไปฉีหลิงเจิ้นตะโกนลั่น

ปราณกระบี่ผลาญปฐพีทะยานขึ้นขวางห้วงอากาศโดยพลัน ฟันลงมาอย่างรุนแรง ปราณกระบี่ดำมืดสะท้อนทิวทัศน์แห่งนรกที่แผ่นดินใหญ่แยกถล่ม ภูผาธาราพังครืน หมื่นชีวิตล้มตาย

หลินสวินที่ทะยานตัวไปเบื้องหน้าประหนึ่งปืนใหญ่ซัดหนึ่งหมัดออกไปอีกครั้ง

ตูมๆ!

เสียงระเบิดระลอกหนึ่งดังขึ้น ปราณกระบี่นี้แตกระเบิดราวประทัด ละอองแสงหมื่นจั้งพวยพุ่ง งดงามตระการตา และทำให้คนหวาดหวั่นด้วย

สองกระบี่ติดถูกทำลายต่อเนื่องอย่างง่ายดาย ทำเอาฉีหลิงเจิ้นหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้

เขาไม่กล้าลังเล ปลดปล่อยสองกระบี่สุดท้ายออกมาในคราเดียว

พิบัติเยือน!

เคลื่อนโกลาหล!

สองกระบี่ตัดสลับเจิดจ้า วิวัฒน์เป็นลักษณ์แห่งวันสิ้นโลกดับโลกา กระแสภัยพิบัติหอบม้วนปิดครอบฟ้าดิน ความวุ่นวายโกลาหลครั้งใหญ่อุบัติขึ้น ดวงดาวนับไม่ถ้วนร่วงหล่นอยู่ภายใน ฟ้าดินมอดดับไปพร้อมกัน…

ผู้สืบทอดระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดินอกสนามเหล่านั้นล้วนอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้

ทว่า…

พร้อมๆ กับเสียงปะทะสะเทือนฟ้าดินที่ดังขึ้น

ปราณกระบี่สองสายที่สั่งสมแก่นพิสุทธิ์ในมรรควิถีทั้งร่างของฉีหลิงเจิ้นนี้ ถูกพลังหมัดของหลินสวินทำลายอีกครั้ง ระเบิดแหลกกลางห้วงอากาศ !

ละอองแสงไร้สิ้นสุดสาดพรม ตระการตาปานนั้น สะเทือนจิตใจผู้คนถึงเพียงนั้น

พิฆาตสวรรค์ ผลาญปฐพี พิบัติเยือน เคลื่อนโกลาหล

สี่กระบี่ระดับนั้นน่าสะพรึงปานใด กลับถูกหลินสวินทำลายไปทั้งหมด!

ภาพเหล่านี้ทำให้คนใหญ่คนโตนอกสนามพวกนั้นยังสะท้านสะเทือน ไม่อาจสงบนิ่ง

และเวลานี้เงาร่างหลินสวินมาหยุดตรงหน้าฉีหลิงเจิ้นแล้ว

หนึ่งหมัดซัดออกมา

แววตาฉีหลิงเจิ้นวาบประกาบลนลานเสี้ยวหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นบุคคลแห่งยุคที่อยู่ในขั้นอายุขัยเทียมฟ้ามาหลายปี พลันควบรวมประทับฝ่ามือหนึ่งออกมาโดยไม่ลังเลในช่วงเวลาคับขันนี้ ตัดขวางอยู่เบื้องหน้า

สมบัติป้องกันบนตัวเขาต่างโคจรปลดปล่อยออกมาพร้อมกับพลังขับเคลื่อนทั่วกาย

แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่กระจ่างว่าอะไรเรียกว่ามรรคา ‘ยอดอมตะ’

ตูม!

ก็เห็นว่าภายใต้หมัดนี้ของหลินสวิน ประทับฝ่ามือที่ฉีหลิงเจิ้นควบรวมออกมาแตกระเบิดราวกับดอกไม้ไฟ สองแขนกลายเป็นฟองเลือดสาดกระเซ็นอยู่ท่ามกลางเสียงระเบิดกระหึ่มบาดหู จากนั้นทั้งตัวก็กระเด็นคว่ำออกไปอย่างรุนแรง ร่วงหล่นห่างออกไปหลายร้อยจั้ง

ปากจมูกเขากบเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง สองแขนไม่เหลือแล้ว สมบัติป้องกันบนตัวล้วนแตกทลายหม่นแสง บริเวณอกยุบเป็นรอยหมัดชวนขนลุก รอบๆ รอยหมัดเลือดเนื้อปะปนเละแหลกไปทั้งแถบ เผยกระดูกขาวรำไร

ดูแล้วน่าอนาถอย่างที่สุด!

ทั่วลานสะท้านสะเทือน คนไม่รู้เท่าไหร่ร้องเสียงหลงออกมา

หนึ่งหมัด เอาชนะฉีหลิงเจิ้น!

พลังอหังการที่ไร้ศัตรูทัดเทียมเช่นนั้นทำให้คนหนังหัวชาหนึบ จิตใจล้วนสะท้านไหว

ไม่ว่าใครเห็น เกรงว่าคงไม่กล้าเชื่อว่านี่คืออานุภาพที่ชายหนุ่มที่เพิ่งบรรลุอมตะจะสามารถมีได้!

“เจ้าหมอนี่…”

คนใหญ่คนโตอย่างพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนมองเห็นความตกใจของกันและกัน

ก่อนหน้านี้พวกเขายังกังวลใจไม่หยุด ปรามหลินสวินให้ถอยก่อนชั่วคราว ถึงขั้นรู้สึกโมโหความดื้อดึงของหลินสวิน คิดว่าเขาบุ่มบ่ามเกินไป

แต่ตอนนี้พวกเขาถึงได้เข้าใจ ว่าหลินสวินไปเอาความมั่นใจมาจากไหน!

“สมควรตาย!”

พวกเขาต่างรู้ดี ต่อให้ฆ่าหลินสวินไปก็ไม่มีเกียรติ ถึงอย่างไรก็สี่ต่อหนึ่ง ฉะนั้นจึงหมายรีบสู้รีบจบ

ชิ้ง!

ในมือจงหลีหรันปรากฏทวนศึกสีทองเล่มหนึ่ง กลิ่นอายอมตะกร้าวแกร่ง ไอเข่นฆ่าสะเทือนโลก

เกือบจะในเวลาเดียวกัน ในมือกู้เซ่าอิ้นและฟู่เจาเซิงล้วนปรากฏศาสตรามรรคอมตะเช่นกัน แบ่งออกเป็นหอกศึกสีม่วงและดาบศึกสีชาด อานุภาพล้วนน่าสะพรึงถึงขีดสุด มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของทั่วไป

ตูม!

ฉีหลิงเจิ้นออกโจมตีก่อน กระบี่มรรคทะลวงอากาศ กรีดแหวกนภาคราม ฟันไปทางหลินสวิน

คนอื่นๆ ก็เริ่มล้อมโจมตีจากทิศทางที่แตกต่างกัน ล้วนสำแดงความสามารถน่าสะพรึง แต่ละคนกลิ่นอายถาโถม พุ่งโจมตีไปเบื้องหน้า

หลินสวินไม่ได้ถอยหลบ เบื้องหลังปรากฏวงแหวนเทพอมตะที่คลุมเครือยากบรรยาย มองจากไกลๆ ดุจดั่งเหวใหญ่ลอยผลุบโผล่อยู่ตรงนั้น ยามเมื่อเหวใหญ่โคจร ก็เกี่ยวรั้งแสงมรรคกฎเกณฑ์แสงมรรคที่เร้นลับอัศจรรย์ออกมาด้วย

เขาโคจรมรรควิถีทั่วร่าง พลานุภาพทั้งตัวก็เปลี่ยนไป ดุจดั่งนายเหนือหัวแห่งเหวลึก

สวบ!

กระบี่มรรคของฉีหลิงเจิ้นโจมตีเข้ามาอย่างรุนแรง สามารถทะลวงทำลายเวิ้งฟ้าได้

ฝ่ามือหลินสวินโบกตวัด ควบรวมปราณกระบี่ลึกลับโชติช่วงออกมารับ เสียงกึกก้องครึกโครม ไอพลังพลุ่งพล่าน ห้วงอากาศบิดเบี้ยวแตกระเบิด

ฉัวะ!

ทวนศึกสีทองของจงหลีหรันจ้วงแทง คมประกายยิ่งยวด

ครึ่ก!

กู้เซ่าอิ้นมือถือหอกศึกสีม่วงฟันลงมาเช่นกัน ห้วงอากาศถูกฟันเปิด พุ่งไปยังหัวของหลินสวินตรงๆ

นอกจากนี้ดาบศึกสีชาดของฟู่เจาเซิงก็มาเยือนในเวลาเดียวกัน คมกริบไร้ทัดเทียม ประกายแสงลำพองดุกร้าว ทะลวงฟ้ากว้างพุ่งไปยังหลินสวิน

ตูม!

ร่างมรรคของหลินสวินเปล่งแสง สำแดงวิชามรรคเร้นลับทั้งปวง วงแหวนเทพอมตะเบื้องหลังแปลงเป็นรุ้งเทพเป็นสายๆ พุ่งไปยังสี่ทิศแปดทาง โจมตีไปทั่วทุกที่

นอกจากนี้กลางสองมือเขาสายฟ้าพวยพุ่ง แสงแห่งอมตะควบรวม บ้างแปลงเป็นประทับฝ่ามือ บ้างแปลงเป็นพลังหมัด บ้างแปลงเป็นดรรชนีกระบี่ ระเบิดปะทุอยู่ตรงนั้น

และพลังภายในร่างเขายิ่งปลดปล่อยถึงขีดสุดราวภูเขาไฟปะทุ พลังแห่งอมตะเดือดพล่าน หอบม้วนสี่ทิศ

นี่เป็นการปะทะครั้งใหญ่!

หลินสวินต่อสู้กับระดับอมตะสี่คนเพียงลำพัง เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น ชั่วพริบตาก็สำแดงประกายคมดุเดือดเป็นประวัติการณ์ออกมา ในสนามรบกฎเกณฑ์อมตะม้วนตลบราวกระแสน้ำหลาก ศาสตรามรรคหลากสีร้องระงม พาให้เกิดลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด

นอกสนามทุกคนล้วนกลั้นหายใจจดจ่อ มองดูการต่อสู้อย่างตึงเครียด

คนมากมายล้วนบีบสองมืออย่างห้ามไม่อยู่ ปาดเหงื่อแทนหลินสวิน

ถึงอย่างไรใครๆ ล้วนมองออกว่าพวกฉีหลิงเจิ้นบันดาลโทสะอย่างแท้จริงแล้ว ไอสังหารเต็มเปี่ยม ภายใต้การรุกเต็มกำลัง ซ้ำยังสี่ต่อหนึ่ง ได้เปรียบอย่างที่สุด

แม้ว่าก่อนหน้านี้หลินสวินจะสำแดงพลังต่อสู้ที่เย้ยฟ้ายิ่งออกมา แต่ถึงอย่างไรก็เพิ่งจะทะลวงระดับ อีกทั้งยังตัวคนเดียว ให้คนไม่อยากเป็นกังวลยังอยาก

สีหน้าของคนใหญ่คนโตอย่างพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา

ส่วนพวกฝูเหวินหลีก็จดจ่อยิ่งเช่นกัน

พวกเขาต่างรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสเดียวในการสังหารหลินสวินภายในลัทธิแรกกำเนิด หากพลาดไป อยากหาโอกาสเช่นนี้อีกก็ยากนัก!

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์