ตอนที่ 2747 แตกระเบิด
ตูม!
ในสนามรบพิพาทสวรรค์ ศาสตรามรรคทั้งหลายและวิชาลับร่วงลงมา ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเช่นหลินสวินก็ยังถูกล้อม
ไม่ทันไรสถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นถูกบุกขึ้นมาทันที
ผู้คนมองเห็นเพียงว่าพวกฉีหลิงเจิ้นพลานุภาพไพศาล เย้ยฟ้าท้าดิน สำแดงมรรคเข่นฆ่าเต็มกำลัง กลิ่นอายอมตะพวยพุ่ง แข็งกร้าวไร้ทัดเทียม
ส่วนหลินสวินจนถึงเวลานี้ยังคงมือเปล่า รับศัตรูสี่ทิศ ถึงขั้นไม่อาจฝ่าวงล้อมเป็นชั้นๆ นั่นได้ ทำได้เพียงเป็นฝ่ายรับ
“ทุท่านดูสิ หลินสวินเหมือนจะไม่ไหวแล้ว!”
ผู้ดูแลซวีเหวินคล้ายระงับความตื่นเต้นในใจไม่อยู่ ส่งเสียงร้องออกมา
นี่เรียกสายตาและการโจมตีที่ไม่สบอารมณ์มากมาย
“อะไรที่เรียกว่าไม่ไหว หลินสวินเพิ่งทะลวงระดับก็สามารถต้านการโจมตีของศิษย์ระดับอมตะสี่คนด้วยพลังแห่งตนทั้งหมดแล้ว ทอดสายตามองทั่วหล้า ใครทำได้บ้าง”
“ศึกนี้ถึงหลินสวินจะแพ้ ก็ฝากชื่อในประวัติศาสตร์ เป็นที่เชิดชูแก่คนรุ่นหลัง!”
“เสียแรงเจ้าซวีเหวินเป็นถึงผู้ดูแล แต่ดันสุขใจบนคราวเคราะห์ผู้อื่นเช่นนี้ น่าละอาย!”
ทันใดนั้นซวีเหวินถูกด่าทอจนใบหน้าชราเริ่มดำทะมึน ตั้งท่าแย้งแต่จนวาจา โมโหจนแทบระเบิด
เขาไม่สามารถโต้แย้งได้จริงๆ
หลินสวินหาใช่แค่เพิ่งทะลวงระดับ และหาใช่เพียงสู้หนึ่งต่อสี่ จนถึงตอนนี้เขายังคงสู้ศึกด้วยมือเปล่า!
เมื่อหันดูพวกฉีหลิงเจิ้น ใครบ้างไม่เรียกศาสตรามรรคอมตะที่ฟูมฟักหล่อหลอมนานหลายปีออกมา
“ช่างน่าขายหน้า!”
ตู๋กูยงในฐานะรองหัวหน้าหอหอแรกมายา เวลานี้ก็เหลือบมองซวีเหวินอย่างเย็นชาปราดหนึ่ง ความเย็นชาในแววตาทำให้ฝ่ายหลังสั่นเทิ้มทั่วร่าง ตัวสั่นสะท้าน
และในเวลานี้
ฉัวะ!
กลางสนามรบกระบี่ของฉีหลิงเจิ้นแหวกทลายพลังป้องกันของหลินสวิน สาดพรมดอกไม้โลหิต ทำให้ทุกคนสะดุ้งโหยงในใจทันที
ตอนที่หลินสวินกำลังหลบหลีก แม้หลบพ้นจุดตาย แต่ยังคงถูกคมกระบี่ฟันใส่แขน หยาดโลหิตแดงฉานร่วงหล่น อาการบาดเจ็บไม่ได้ร้ายแรงมาก แต่ปราณกระบี่ท่วมท้นบรรจุเจตจำนงบริสุทธิ์เอาไว้ หมายจะบดทำลายร่างกายของเขา
“ทลาย!”
หลินสวินตะโกน แสงมรรคอมตะทั่วร่างเดือดพวยพุ่งดุจเตาหลอม สั่นสะเทือนรุนแรงคราหนึ่ง บดขยี้อานุภาพของกระบี่นี้จากภายใน
ตูมโครม!
ทวนสีเหลืองทองของจงหลีหรันพุ่งโจมตีมา ซัดใส่หลินสวิน ฟาดจนห้วงอากาศถล่มทลาย เสียงกระแทกดังเคร้งๆ ดังก้องเหมือนฟ้าระเบิด สะเทือนจนผู้คนหวาดกลัว
ปึง!
ขณะที่หอกศึกสีม่วงของกู้เซ่าอิ้นร่วงลงมา หลินสวินกลับโจมตี ฝ่ามือฟาดใส่ขอบหอกศึก เสียงเคร้งสะเทือนหู สะเก็ดไฟกระเด็นสี่ทิศ
ยังไม่รอให้ทั้งหมดนี้สิ้นสุด กระบี่มรรคของฉีหลิงเจิ้น ดาบศึกของฟู่เจาเซิงก็แทงเข้ามา กลิ่นอายอมตะคละคลุ้ง แสงมรรคพลุ่งพล่าน ปะทุคลั่งไร้ขอบเขต
พวกเขาร่วมมือกันอย่างเงียบๆ โจมตีสุดกำลัง ทำให้หลินสวินตกสู่สภาพอันตราย
ต่อสู้ดุเดือดกับคนจำนวนมากกว่า ทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งยิ่งยวดในหมู่คนรุ่นหนุ่ม เป็นยอดอัจฉริยะอมตะที่อยู่แนวหน้าของหอแรกนภา ถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นเหล่าบุคคลที่แกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์ สถานการณ์ย่อมไม่สู้ดีอยู่แล้ว
ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งทะลวงระดับ!
ทั้งหมดนี้ล้วถูกทึกคนจับจ้องโดยละเอียด ล้วนรู้สึกกังวลแทนหลินสวินมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าหลินสวินที่อยู่กลางวงล้อมกลับสงบนิ่ง สีหน้าไม่ทุกข์ไม่สุข
การที่เพิ่งได้ครอบครองพลังระดับใหม่ทำให้เขารู้สึกติดๆ ขัดๆ อยู่บ้างจริงๆ หาไม่ตอนแรกสุดยามต่อสู้กับฉีหลิงเจิ้น คงไม่ยั้งมือไว้เช่นนั้น
แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ ในระหว่างข้ามด่านเคราะห์ ทั้งร่างเขาถูกทำลายไปไม่รู้กี่ครั้ง และได้รับการแปรสภาพและพัฒนาขึ้นด้วยเหตุนี้เช่นกัน
โดยเฉพาะครั้งสุดท้าย เลือดพิสุทธิ์ต้นกำเนิดหยดหนึ่งดูดซับพลังระเบียบนิพพาน ใช้พลังชีวิตกลางมหาเคราะห์ก่อร่างมรรคขึ้นใหม่ ทำให้มรรควิถีทั่วร่างเขาได้รับพลังระเบียบนิพพานท่ามกลางการเคี่ยวกรำไม่หยุด หล่อหลอมกฎเกณฑ์อมตะออกมาได้แล้ว!
นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถทำลายแสงเคราะห์สายนั้น ผ่าฟันส่วนสำคัญของเมฆาเคราะห์ทั่วฟ้าได้
เช่นเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่าพลังต่อสู้ที่เขาครอบครองในเวลานี้เย้ยฟ้าปานใด ดุจดั่งสิ่งต้องห้าม เหนือกว่าในอดีต
ต่อให้ยามสู้ศึกตัดสินกับระดับอมตะสี่คนในเวลานี้ ต่อให้ตกอยู่ในสภาพถูกบุก ทว่าหลินสวินกลับไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามมากเท่าใดนัก!
เหตุที่ถูกกดข่มถึงขั้นบาดเจ็บ ก็แค่เพราะเขายังควบคุมการโคจรของพลังอมตะไม่ได้ดั่งใจเท่านั้น
และตอนนี้เมื่อการต่อสู้ยืดยาวไปเรื่อยๆ การโคจรพลังแห่งตนของเขาก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ!
“หืม?”
คนใหญ่คนโตบางส่วนสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าพลังต่อสู้และอานุภาพที่หลินสวินปลดปล่อยออกมา เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น ต่อให้ถูกกดข่มก็ไม่สามารถกำราบอานุภาพที่กร้าวแกร่งขึ้นนั้นได้
และคนที่รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณและชัดเจนที่สุดก็คือพวกฉีหลิงเจิ้น
ตั้งแต่ต่อสู้จนถึงตอนนี้ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาล้วนโคจรอานุภาพทั้งหมด สำแดงไพ่ตาย พยายามโจมตีสังหารหลินสวินหลายต่อหลายครั้ง
ทว่าทุกครั้งมักถูกหลินสวินสลายเคราะห์พ้นภัยอยู่ร่ำไป
ที่ยิ่งทำให้พวกเขาตกใจคือ หลินสวินที่อยู่ในการต่อสู้เหมือนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง อานุภาพต่อสู้ของเขาแทบจะเปลี่ยนแปลงไปในเวลานี้!
ตูม!
หลินสวินยังคงใช้มือเปล่าต่อสู้กับศัตรู
ซัดทวนศึกกระเด็น ตวัดหอกยาวออกไป เขาห้าวหาญไม่อาจต้าน ต้องการฝ่าวงล้อม นี่ทำให้สีหน้าพวกฉีหลิงเจิ้นคร่ำเคร่ง พลันโจมตีพร้อมกัน
ด้วยพลังของพวกเขาสี่คน หากวันนี้ฆ่าหลินสวินไม่ตาย เช่นนั้นก็ขายหน้าเกินไปแล้ว!
หลินสวินควบรวมประทับวิชา ท่วงท่าเปลี่ยนฉับพลัน อหังการเหนือหล้า โจมตีไปเบื้องหน้า
ยามนี้เขาเดือดคลั่ง วิชามรรคตัดสลับจนเกิดแสง พุ่งโจมตีออกไป อานุภาพน่าสะพรึงไร้เทียมทานม้วนตลบแผ่กว้าง เสมือนคลื่นพายุซัดกระทบฝั่ง
พริบตานั้นศาสตรามรรคที่กรูเข้ามาจากสี่ทิศแปดทางล้วนถูกซัดถอยออกไป
ภายใต้เสียงร้องตกใจ การล้อมโจมตีของพวกฉีหลิงเจิ้นถูกทลายออกฉับพลัน!
หลินสวินพุ่งออกจากวงล้อม ดุจดั่งมังกรคืนสมุทร แสงมรรคอมตะทั่วร่างพวยพุ่ง สะท้านสะเทือนทั่วลาน
“ทลายวงล้อมได้แล้ว!”
เสียงฮือฮาระลอกหนึ่งดังขึ้นนอกสนาม แทรกปนกับเสียงสูดหายใจสะท้าน ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตหรือบรรรดาผู้สืบทอด ไม่มีใครไม่ตกใจกับภาพนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์