ตอนที่ 2749 ดื่มเมามายสามพันจอกจะเป็นไรไป
หลินสวินในขณะนี้ กลายเป็นบุคคลที่ถูกจับตามองมากที่สุดทั้งบนล่างทั่วลัทธิแรกกำเนิดอย่างไม่ต้องสงสัย
ศิษย์สามหอเหล่านั้นสีหน้าล้วนเต็มไปด้วยแววซับซ้อน
ก่อนจะเข้าสู่หอแรกนภาและกลายเป็นศิษย์ หลินสวินนับเป็นเพียงโดดเด่นในเก้ายอดเขาใหญ่เท่านั้น ประกายคมกำลังแกร่งกล้า ไม่ค่อยส่งผลต่อศิษย์สามหอนัก
เพราะในบรรดาศิษย์ของสามหอ ไม่ขาดพวกระดับอมตะจำนวนหนึ่ง!
และหลินสวินในตอนนั้น มรรควิถีเพิ่งอยู่เพียงระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ต่อให้สร้างอิทธิพลใหญ่โตขนาดไหนก็ถูกจำกัดอยู่แค่ในระดับนี้เท่านั้น
แต่ตอนนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
เขาแจ้งมรรคอมตะในวันนี้ พ้นจากระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ทะยานขึ้นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า
หากเพียงเท่านี้ก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้คนรู้สึกถึงแรงกดดัน
แต่เมื่อศึกตัดสินที่เกิดขึ้นในสนามรบพิพาทสวรรค์นี้ปิดฉากลง พร้อมๆ กับความตายของฉีหลิงเจิ้น จงหลีหรัน กู้เซ่าอิ้น และฟู่เจาเซิงสี่คน
หลินสวินใช้ผลงานการต่อสู้ที่โชกเลือดมาพิสูจน์ว่า ต่อให้เขาเพิ่งแจ้งมรรค แต่ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าศิษย์ระดับอมตะส่วนใหญ่ในสามหอ!
ถึงอย่างไรฉีหลิงเจิ้นก็เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของหอแรกนภา เทียบกับศิษย์อันดับหนึ่งของหอแรกมายาและหอแรกพิสุทธิ์แล้วไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแต่อย่างใด
ทว่าภายใต้การร่วมมือของพวกฉีหลิงเจิ้นสี่คน ยังถูกหลินสวินโจมตีสังหารไปทั้งหมด แค่คิดก็รู้ว่าหลินสวินที่เพิ่งทะลวงระดับน่ากลัวปานใด
ฉะนั้นตอนนี้เวลานี้ ศิษย์สามหอเหล่านั้นต่างมีอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนบอกไม่ถูกพรั่งพรู มีความเกรงกลัวลึกล้ำ และมีความขมขื่นและผิดหวังที่คล้ายมีแต่ไม่มี
นับๆ ดูแล้วตั้งแต่หลินสวินเข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิดจนบัดนี้ เพิ่งหนึ่งปีเศษก็กลายเป็นศิษย์แกนหลักยอดเขาที่เก้า ศิษย์หอแรกนภา แจ้งมรรคอมตะ ฆ่าพวกฉีหลิงเจิ้น…
ผลงานที่โดดเด่นรุ่งโรจน์นี้ทำให้คนหยุดหายใจได้ชัดๆ!
และก็เป็นเวลานี้ การผงาดของหลินสวินทำให้บรรดารองผู้ดูแลของสามหอล้วนรู้สึกถึงความกดดันยิ่งใหญ่!
ในสามหอ แต่ละหอมีรองผู้ดูแลยี่สิบสี่คน จำนวนกำหนดตายตัว
ศิษย์แต่ละคนที่อยากเลื่อนขั้นขึ้นเป็นรองผู้ดูแล จำต้องครองมรรควิถีระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า ทั้งยังต้องเอาชนะหนึ่งในรองผู้ดูแลยี่สิบสี่คนจึงจะสามารถแทนที่ตำแหน่งได้!
หลินสวินในตอนนี้มีคุณสมบัติและรากฐานพลังเช่นนี้แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!
นี่มีหรือที่รองผู้ดูแลยี่สิบสี่คนของหอแรกนภาจะมองข้ามได้อีก
ยามตำแหน่งถูกคนแทนที่ ก็หมายความว่าพวกเขาจะเปลี่ยนจากรองผู้ดูแลกลายเป็นศิษย์ธรรมดาคนหนึ่ง!
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเรื่องเช่นนี้แทบจะเกิดขึ้นน้อยครั้งมาก
เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถกลายเป็นรองผู้ดูแลได้ ล้วนมีรากฐานพลังและอานุภาพน่าสะพรึงถึงขีดสุด ตำแหน่งเช่นนั้นต่อให้พบเจอการท้าประลอง แต่หากอยากถูกแทนที่กลับยากเย็นสุดขีด
เหมือนอย่างฉีหลิงเจิ้น เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของหอแรกนภา แต่ในสามร้อยปีนี้ก็ท้าประลองมาแล้วหลายครั้ง แต่ล้วนจบลงด้วยความล้มเหลว!
ด้วยเหตุนี้แค่คิดก็รู้ว่าระดับความยากของการกลายเป็นรองผู้ดูแลนั้นมีมากขนาดไหน
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน การผงาดของหลินสวินดุดันเกินไป พลังต่อสู้ที่เขามีก็แข็งกร้าวเกินไป ทำเอารองผู้ดูแลหอแรกนภาเหล่านั้นไม่กล้ามองข้ามตัวตนของเขาสักนิด!
กล่าวโดยสรุป การต่อสู้นี้แม้จะปิดฉากลงลง แต่ผลกระทบของมันกลับส่งผลเป็นวงกว้าง กระทบต่อมุมมองและความเข้าใจที่ทุกคนทั้งบนล่างของลัทธิแรกกำเนิดมีต่อหลินสวิน!
“เยี่ยม! เรื่องในวันนี้ทำให้ข้าได้เปิดโลกทัศน์ครั้งใหญ่เช่นกัน เจ้าหลินสวินนี่มีรากฐานพลังเด่นล้ำ พลังต่อสู้เย้ยฟ้า ภายหน้าต้องโดดเด่นเฉิดฉายในหอแรกนภาแน่ ข้าตั้งตาคอยดูความสามารถในภายหน้าของเขายิ่งนัก”
ท่ามกลางบรรยากาศที่อึงอลนี้ จู่ๆ ฝูเหวินหลีก็ปรบมือร้องชม เสียงก้องทั่วลาน
ทุกคนในที่นั้นล้วนอึ้งไป บรรยากาศจอแจก็เปลี่ยนเป็นเงียบลงไม่น้อย สีหน้าผู้คนผิดแปลกไป ไตร่ตรองคำพูดนี้ของฝูเหวินหลีไม่ออกอยู่บ้างว่าหมายความว่าอย่างไรกันแน่
ว่ากันตามหลักแล้ว เขาน่าจะไม่อยากเห็นและผลักไสหลินสวินมากที่สุด
แต่ยามนี้เขากลับชื่นชมและเฝ้าคอย!
“โดดเด่นมากจริงๆ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันทั่วทั้งสี่หอบรรพจารย์ยังหาผู้สืบทอดที่โดดเด่นเลิศล้ำเหมือนเจ้าหลินสวินนี่ได้ไม่กี่คน”
ชือเวินก็เอ่ยปากเช่นกัน ทอดถอนใจไม่หยุด
นี่ทำให้บรรยากาศในที่นั้นยิ่งแปลกพิกลขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นเงียบลง ต่างสงสัยยิ่ง
กลางสนามรบพิพาทสวรรค์ หลินสวินขมวดคิ้ว ในใจระวังขึ้นมาเล็กน้อย
พวกเฒ่าชราจากขุมอำนาจศัตรูเหล่านี้ยิ่งแสดงเกินไป ยิ่งชื่นชมสรรเสริญมากเท่าไหร่ กลับทำให้ในใจเขารู้สึกถึงอันตรายเคลือบแฝง เกิดความระวังภัยขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
เขาพลันสลัดความคิดฟุ้งซ่าน ประสานหมัดกล่าว “ผู้อาวุโสทุกท่านชมเกินไปแล้ว”
สีหน้าเขาราบเรียบ เดาอารมณ์ไม่ถูก
ฉีเซียวอวิ๋นที่สีหน้าอึมครึมนิ่งเงียบไม่พูดจามาตลอด เวลานี้ก็จับจ้องมองหลินสวิน กล่าวเสียงขรึมว่า
“ไม่ เจ้าโดดเด่นมากจริงๆ นี่หาใช่การชมเกินจริง เจ้าควรรู้สึกดีใจถึงจะถูก เชื่อว่าบรรดาศิษย์พี่คีรีดวงกมลเหล่านั้นของเจ้า ญาติมิตรที่อยู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราอันไกลโพ้นเหล่านั้นของเจ้า รวมถึงคนตระกูลลั่ว ยามเมื่อได้รู้ความสำเร็จในวันนี้ของเจ้า จะต้องดีใจและภาคภูมิใจในตัวเจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อประโยคนี้ดังออกมา นัยบน์ตาหลินสวินหดรัดลงทันควัน นี่เป็นการข่มขู่หรือ
บรรยากาศในที่นั้นก็เริ่มเงียบสงัดยิ่งขึ้น ผู้คนต่างสัมผัสถึงความผิดปกติ
ไม่รอให้หลินสวินเอ่ยปาก จู่ๆ เสวียนเฟยหลิงก็หัวเราะเบิกบาน “หลินสวินเป็นผู้สืบทอดยอดเขาที่เก้า ตอนนี้ยิ่งคว้าความสำเร็จสะดุดตาเช่นนี้ นี่แม้จะเป็นผลลัพธ์จากการเคี่ยวกรำส่วนตัวของเขา แต่ก็ยังเป็นเพราะการบ่มเพาะของผู้นำยอดเขาที่เก้าฉินอู๋อวี้ด้วยอย่างแยกไม่ออก ดังนั้นคำร้องถอดถอนของฉินอู๋อวี้ก็คงจบสิ้นได้แล้วกระมัง”
เขากล่าวพลางทอดสายตามองไปยังฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น
สายตาของคนใหญ่คนโตในที่นี้ล้วนมองไปทางสองคนนี้เช่นกัน
เพราะในช่วงนี้เหล่าคนใหญ่คนโตที่มีฉีเซียวอวิ๋นเป็นผู้นำยื่นเรื่องถอดถอนฉินอู๋อวี้ ทำให้สถานการณ์ของเขายากแค้นสุดขีด เหล่าผู้อาวุโสมากมายต่างตั้งท่าพร้อมกระโจนใส่ พยายามใช้โอกาสนี้แย่งชิงตำแหน่งผู้นำยอดเขาที่เก้า
ส่วนสาเหตุที่ฉินอู๋อวี้ถูกยื่นเรื่องถอดถอน ก็เกี่ยวพันกับหลินสวินอย่างแยกไม่ขาด
นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ดี
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จู่ๆ เสวียนเฟยหลิงก็เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เท่ากับออกหน้าตรงๆ ต้องการปกป้องฉินอู๋อวี้!
“ข้าเห็นด้วย”
“ข้าก็เห็นด้วย”
ทันใดนั้นรองหัวหน้าหออย่างพวกตู๋กูยง ฟางเต้าผิงก็เอ่ยปากขึ้นตามๆ กัน
จากนั้นผู้นำยอดเขาที่หนึ่งเยวี่ยอู๋โฉว ผู้นำยอดเขาที่ห้าอวี๋เซี่ยงถิง ผู้นำยอดเขาที่หกเหวินตงเหมียน ผู้นำยอดเขาที่เจ็ดเถียนอู๋ชั่ว ผู้นำยอดเขาที่แปดชางฉงเสวี่ยล้วนเอ่ยปากสนับสนุนข้อเสนอของเสวียนเฟยหลิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์