ตอนที่ 2760 เก็บเขา!
คำก็ลาหัวโล้น สองคำก็ลาหัวโล้น ทำให้สี่จอมธรรมนั่นสีหน้าไม่น่ามองอย่างมาก
จอมมุนีชื่อเย่สีหน้าราบเรียบดังเดิม กล่าวว่า “พวกเจ้าไปจัดการเศษเดนคีรีดวงกมลสามคนนั้น จำไว้อย่าทำร้ายหลินสวินเด็ดขาด รูปจำลองเจตจำนงของผีเฒ่าเหยียนจี้ให้ข้าจัดการเอง”
กล่าวพลางแท่นบัวเขียวมรกตสามสิบหกกลีบใต้ฝ่าเท้าของเขาก็พาเขาลอยทะยานขึ้นไป วัชระทองม่วงในมือโบกคราหนึ่งแล้วฟันฉับลงมาอย่างรุนแรง
ตูม!
กฎเกณฑ์ทองม่วงที่สว่างโรจน์ไพศาลควบรวมเป็นแสงลำหนึ่งพุ่งเข้าใส่เหยียนจี้
“วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นสักหน่อย ว่าแม้แต่รูปจำลองเจตจำนงก็ไม่ใช่หมาแมวอะไรที่สามารถเหยียบย่ำทำลายได้!” เหยียนจี้แค่นเสียงเย็น ปราณกระบี่วาวโรจน์เป็นสายๆ พุ่งโฉบออกมาจากในแขนเสื้อที่ปลิวสะบัด
การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้น
ทั้งคู่ต่อสู้เหนือเก้าชั้นฟ้า สำแดงการปะทะดุเดือดของขั้นหลุดพ้น
เหยียนจี้น่าสะพรึงมากจริงๆ แม้เป็นเพียงรูปจำลองเจตจำนง แต่พูดอย่างไรก็ทำเช่นนั้น เจตกระบี่บดบังฟ้า กระบี่แต่ละเล่มที่ฟันออกไปคล้ายจะฉีกทึ้งนภาครามหมื่นกาล แหวกเปิดสิ่งกีดขวางมหามรรค อหังการถึงขีดสุด
อานุภาพระดับนั้นเหมือนเทพสูงสุดมรรคกระบี่ในตำนานไม่มีผิด!
แต่ถึงอย่างไรจอมมุนีชื่อเย่ก็เป็นขั้นหลุดพ้นอย่างแท้จริง หนึ่งในเก้าจอมมุนีลัทธิฌาน มีชีวิตอยู่มายาวนาน แจ้งมรรคระดับนี้ไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว
แท่นบัวเขียวมรกตสามสิบหกกลีบใต้ฝ่าเท้าเขาควบรวมมาจากกฎเกณฑ์อมตะในตัว และวัชระทองม่วงในมือก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่ควบคุมโลกธรรมแสงทอง
เวลานี้ต่อสู้กับเหยียนจี้ย่อมไม่ด้อยกว่ากันสักนิด!
ตูม!
จุดที่ทั้งคู่ต่อสู้กันกลายกลายเป็นโกลาหลปั่นป่วนทันที กลิ่นอายทำลายล้างน่าตกใจ
ล้วนไม่อาจจินตนาการว่าหากการต่อสู้ระดับนี้เกิดขึ้นที่โลกภายนอก จะทำให้ภูผาธาราพังพินาศไปเท่าไร!
เพียงแต่หลินสวินไม่อาจสนใจสิ่งเหล่านี้
เพราะขณะเดียวกับที่การต่อสู้นี้ดำเนินไป สี่จอมธรรมหงเคอ หงจิ่ง หงอี้ และหงหย่วนที่อยู่ไกลออกไปก็ออกโจมตีพร้อมกัน
จอมธรรมของลัทธิฌานเทียบเท่ากับตำแหน่งผู้อาวุโสสามหอของลัทธิแรกกำเนิด แต่ละคนล้วนอยู่ในขั้นดับเทพมานานนับปีไม่ถ้วน เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างแท้จริง มีชีวิตอยู่บนโลกนับหมื่นปีเป็นอย่างน้อย!
เวลานี้เมื่อสี่จอมธรรมออกเคลื่อนไหวพร้อมกัน ไอสังหารไร้ทัดเทียมก็ปิดครอบฟ้าดินดุจกระแสน้ำเชี่ยว
“โอม!”
หงเคอใบหน้าเคร่งขรึม ลูกประคำสีขาวหิมะที่เรียกออกมาถือในมือพลันมีเงามายามุนินทร์หนึ่งร้อยแปดสายพุ่งออกมา กดกำราบมาเยือน
ตูม!
หงจิ่งดุจรูปปั้นกราดเกรี้ยว มือถือบรรทัดทัณฑ์สีดำ เรียกภาพประหลาดธรรมสถูปหมื่นกาลออกมา ซัดโจมตีเข้าใส่ ห้วงอากาศล้วนแหลกกระจุยในบัดดล
หงอี้ที่มือถือคทาขักขระไม้แห้งพุ่งไปข้างหน้าอย่างไร้สุ้มเสียง พลังขับเคลื่อนกักขังเสวี่ยหยาไว้แน่นหนา
“สหายน้อยอย่าได้ขัดขืน หาไม่ต้องเจ็บตัวแน่”
อีกด้านหนึ่งกลางฝ่ามือของหงหย่วนที่หน้าตาใจดี รอยยิ้มเป็นมิตร ถือโคมสำริดอันหนึ่งพุ่งเข้าใส่หลินสวิน
‘ศิษย์พี่ทั้งสองทำตามที่ข้าบอก ต้องจัดการลาหัวโล้นเฒ่าพวกนี้ได้แน่’
และในเวลาเดียวกันนั้นหลินสวินก็สื่อจิตบอกการตัดสินใจของตนให้ผู่เจินและเสวี่ยหยาฟัง
สถานการณ์คับขัน เขาไม่กล้าปิดซ่อนอีกต่อไป สภาพเช่นนี้ต้องรีบสู้รีบจบ หาไม่ผลที่ตามมาย่อมน่าเป็นห่วง
“ได้”
ผู่เจินและเสวี่ยหยาปกป้องหลินสวินไว้ตรงกลางทันที ฝ่ายแรกโบกขยับจอบ ฝ่ายหลังควบคุมม้วนตำรา เข้าปะทะกับคู่ต่อสู้ที่พุ่งเข้ามาเหล่านั้นอย่างจัง
หลินสวินก็เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา แสงมรรคมหาศาลพร่างพรม ปกป้องพวกเขาทั้งสามคนไว้ภายในนั้น
ผู่เจินและเสวี่ยหยาตระหนักได้อย่างฉับไว ว่าพลังของโลกธรรมแสงทองที่กดข่มมรรควิถีของพวกเขาถึงกับถูกสลายไป
นี่ทำให้พวกเขาฮึกเหิม
ตูม!
การต่อสู้ปะทุขึ้น ทั่วพื้นที่โกลาหลโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้นก็เห็นเงามายามุนินทร์พาดขวาง ปลดปล่อยวิชาลับสูงสุดยากหยั่งถึงสารพัด ทุกครั้งที่บรรทัดทัณฑ์สีดำโจมตีออกไป ล้วนปรากฏภาพพิฆาตกำราบโลก ประกายคมคลุมเครือแวววาวเป็นสายๆ คล้ายดาบดุจกระบี่ สำแดงกลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่าดุกร้าวอันไร้ทัดเทียมออกมา สิ่งเหล่านี้เป็นพลังที่มาจากคทาขักขระไม้แห้ง
และเมื่อโคมสำริดอันนั้นกวัดแกว่งกลางอากาศ เพลิงมุนินทร์สีขาวหิมะเป็นจุดๆ ดุจดวงดาวที่ลุกโชน เต็มไปด้วยพลังชำระล้างที่ไม่อาจจินตนาการ
สี่จอมธรรมต่างสำแดงอภินิหารและสมบัติของตัวเองออกมา ล้อมกรอบพวกหลินสวินสามคนไว้แน่นหนา เริ่มการเข่นฆ่าที่ประหนึ่งปิดครอบฟ้าดิน
ภาพเช่นนั้นทำให้คนใจเต้นเนื้อกระตุก
น่ากลัวเกินไป!
เสวี่ยหยาบาดเจ็บสาหัสแต่ต้นแล้ว ผู่เจินก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แม้จะลงมือต่อต้านด้วยกัน แต่ยังคงตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานก็ถูกกดข่ม
ส่วนสี่จอมธรรมก็เบียดใกล้เข้ามาทีละก้าว!
หลินสวินไม่ได้ลงมือตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเร่งกระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ปกป้องพวกศิษย์พี่ไว้แน่นหนา สีหน้าสงบจนน่ากลัว
การโจมตีธรรมดาไม่สามารถทำร้ายสี่จอมธรรมนี่ได้สักนิด หากลงมือ ตรงข้ามจะทำให้อีกฝ่ายสบโอกาส
เขากำลังเฝ้ารอ
การต่อสู้ยิ่งอันตรายขึ้นเรื่อยๆ
เดิมผู่เจินและเสวี่ยหยาก็บาดเจ็บอยู่แล้ว เวลานี้ยังทุ่มพลังทั้งหมดในการต่อสู้ แผลเก่าแผลใหม่สะสมปนกัน ทำให้พวกเขากระอักเลือดต่อเนื่อง
สภาพสะบักสะบอมน่าสังเวชนั่นทำให้หลินสวินหวั่นใจ และรู้สึกถึงความเดือดดาลและเคียดแค้นหาใดเทียบ
นี่ไม่ใช่เพราะศิษย์พี่ทั้งสองไม่เอาไหน หากแต่บาดแผลบนตัวพวกเขาเกิดจากการถูกจอมมุนีชื่อเย่โจมตี
หากเปลี่ยนเป็นสภาพสมบูรณ์ดี พวกเขาทั้งคู่ย่อมสามารถปะทะกับสี่จอมธรรมนี้ตรงๆ ได้
แต่ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้ล้วนไม่มีประโยชน์
“พวกเจ้าต้านไม่ไหวหรอก ไยต้องทนฝืนประคับประคองอีก ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต หันหลังกลับจึงเป็นฝั่ง”
หงเคอถอนใจยาว สีหน้าเวทนา คล้ายไม่อยากทนมองสภาพน่าสังเวชของพวกหลินสวิน
แต่ขณะที่ลงมือเขากลับไม่เกรงใจสักนิด อานุภาพแข็งกร้าวบีบเข้ามาทีละก้าว
“ศึกแห่งสำนักไม่อาจเวทนาแม้เพียงเสี้ยว ข้ามองอีกฝ่ายเป็นมารนอกรีต อีกฝ่ายก็มองข้าเป็นมารนอกรีตเช่นกัน ควรมีจิตสละชีพพิทักษ์มรรค เพื่อกำจัดคีรีดวงกมล!”
หงจิ่งสีหน้าเด็ดขาด ดวงตาวาวโรจน์ อานุภาพก็น่าสะพรึงถึงขีดสุด
การโจมตีของเขาแข็งแกร่งที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์