ตอน ตอนที่ 2761 ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 2761 ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 2761 ทำให้เป็นเรื่องใหญ่
ใต้เวิ้งฟ้า
หลินสวินยังสงสัยอยู่ในใจ ขั้นหลุดพ้นเหมือนอย่างจอมมุนีชื่อเย่จะยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
“ลาหัวโล้นเฒ่านี่ถึงกับหนีไปทั้งอย่างนี้จริงๆ หรือ”
เสวี่ยหยาก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน
“หากเขาไม่หนี แท่นบัวสามสิบหกชั้นที่ใช้เวลาควบรวมเป็นแสนปีจะเสียหายรุนแรง นี่เป็นรากฐานแจ้งมรรคนิรันดร์ของเขา บางทีอาจซ่อมแซมได้ แต่กลับต้องเสียโอกาสแจ้งมรรคนิรันดร์เพราะเหตุนี้ เพื่อเลือกทางที่เสียหายน้อยกว่า เขามีแต่ต้องหนีเท่านั้น”
ขณะสนทนา รูปจำลองเจตจำนงหักพังที่อยู่ไกลออกไปของเหยียนจี้เคลื่อนย้ายเข้ามา
ประโยคเดียวทำเอาพวกหลินสวินล้วนกระจ่าง
“รีบออกจากที่นี่เร็ว”
ยังไม่ทันสิ้นประโยคนี้ รูปจำลองเจตจำนงที่เดิมเสียหายร้ายแรงของเหยียนจี้ก็อันตรธานหายไป
“ไป”
ผู่เจินพาหลินสวินและเสวี่ยหยาหายตัวไปในอากาศ
เพียงครู่เดียวสั้นๆ จิตรับรู้น่าสะพรึงเป็นสายๆ หอบม้วนเข้ามาทางเมืองจันทร์เหมันต์
การต่อสู้ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะเกิดในโลกธรรมแสงทอง แต่เมื่อพลังระดับนี้ปรากฏก็ยังน่าตกใจเกินไปอยู่ดี คนทั่วไปสัมผัสไม่ได้ แต่กลับทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์ไม่น้อยที่กบดานอยู่ในเขตแดนใจกลางแห่งนี้แตกตื่น
ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นน่านฟ้าที่เจ็ด เผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายกระจายตัวอยู่ เฒ่าชราที่เหยียบย่างระดับอมตะก็มีไม่ใช่น้อยๆ
แต่หลังจากจิตรับรู้เหล่านี้แผ่เข้ามาสำรวจกลับไม่พบอะไร
ไม่ว่าจะเป็นจอมมุนีชื่อเย่ หรือพวกหลินสวินก็ออกจากฟ้าดินแถบนี้นานแล้ว
…
สามวันให้หลัง
ส่วนลึกของภูเขาสูงใหญ่ที่แทบไม่เห็นร่องรอยผู้คนแถบหนึ่ง
“ศิษย์น้อง ข้าและเสวี่ยหยาล่วงหน้าไปก่อน”
ผู่เจินยิ้มซื่อๆ
สามวัน อาการบาดเจ็บบนตัวเขาและเสวี่ยหยาฟื้นฟูได้ไม่ถึงสามส่วน นี่ทำให้หลินสวินค่อนข้างเป็นกังวล “ศิษย์พี่ทั้งสองพักฟื้นอีกสักระยะดีหรือไม่ ตอนนี้พวกท่าน…”
“เวลากระชั้นชิด จะชักช้าไม่ได้ พวกศิษย์พี่สามล้วนยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในแดนยอดจักรวาล”
เสวี่ยหยายิ้มสดใส “ยิ่งกว่านั้น อาการบาดเจ็บพวกนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทาง เจ้าวางใจเถอะ”
“ก็ได้ ภายหน้าหากศิษย์พี่พบปัญหาวุ่นวายต้องรีบบอกข้าในทันที หลายปีนี้ข้าอยู่ที่ลัทธิแรกกำเนิดตลอด”
หลินสวินกล่าวอย่างจริงจัง
“ได้”
ผู่เจินและเสวี่ยหยาพยักหน้าพร้อมเพรียงกัน
หลังผ่านการต่อสู้สามวันก่อน ทำให้พวกเขาล้วนตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าศิษย์น้องเล็กที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ไม่ใช่อินทรีน้อยที่ต้องให้พวกเขาปกป้องในปีนั้นนานแล้ว
พลังที่เขามีถึงขั้นสามารถช่วยพลิกกระแสน้ำโหมซัดให้คนเป็นศิษย์พี่อย่างพวกเขาได้!
หลินสวินยิ้มทันที
ท่าทีของศิษย์พี่ทั้งสอง เป็นการยอมรับต่อมรรควิถีในตอนนี้ของเขามากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
และตอนนี้ในที่สุดก็สามารถช่วยเหลือศิษย์พี่ร่วมสำนักได้ ทำให้ในใจหลินสวินเบิกบานไม่หยุดเช่นกัน
วันนั้นผู่เจินและเสวี่ยหยาจากไปพร้อมกัน
ส่วนหลินสวินก็เดินทางกลับลัทธิแรกกำเนิดเพียงลำพัง
เขาออกเดินทางครั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็เพื่อแก้แค้นให้ศิษย์พี่เย่ฉุนจวิน
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าตลอดทางนี้จะผ่านเรื่องราวมากมายขนาดนี้
แต่ก็ถือว่าได้ผลเก็บเกี่ยวมากทีเดียว หลังสังหารสี่มารภูตผีพรายสางแห่งแดนเร้นนภา ทำให้มรรควิถีของเขามีโอกาสทะลวงขั้น ก้าวสู่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นกลางในคราวเดียว
และเมื่อกลับมาที่เรือนเมฆปรก ก็พบกับสองศิษย์พี่อย่างผู่เจินและเสวี่ยหยา ทั้งยังร่วมต่อสู้เคียงข้างพวกเขา สังหารสี่จอมธรรมอย่างหงเคอ หงจิ่ง หงอี้และหงหย่วน ทำให้จอมมุนีชื่อเย่นั่นยังหมดสภาพจนเผ่นหนี!
นี่เป็นแรงโจมตีต่อหอบรรพจารย์ลัทธิฌานอย่างหนึ่งแน่นอน
ถึงอย่างไรจอมธรรมก็เทียบเท่ากับตำแหน่งผู้อาวุโสสามหอของลัทธิแรกกำเนิด ล้วนมีมรรควิถีขั้นดับเทพ ต้องสูญเสียไปสี่คนในคราวเดียว แรงสะเทือนต่อลัทธิฌานมีหรือจะน้อย
ขณะเดียวกันการต่อสู้นี้ก็ทำให้หลินสวินได้สัมผัสความน่าสะพรึงของขั้นหลุดพ้น พลังที่ครอบครองบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อไปแล้ว
ครั้งนี้หากไม่เพราะมีรูปจำลองเจตจำนงของหัวหน้าหอเหยียนจี้อยู่ ผลที่ตามมาย่อมไม่อาจคาดคิดอย่างแน่นอน
ขั้นหลุดพ้นห่างไกลเกินไป สำหรับหลินสวิน พลังต่อสู้ขั้นดับเทพกลับมีโอกาสเร่งไล่ล่าและทะลวงผ่านได้
ในการฝึกปราณช่วงสามวันนี้ เขาได้รู้จากปากศิษย์พี่ทั้งสองแล้ว
สี่จอมธรรมนั่นล้วนแจ้งมรรคนานแล้ว หงเคอที่แข็งแกร่งที่สุดมีมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ หงหย่วนที่อ่อนแอที่สุดก็มีพลังปราณขั้นดับเทพขั้นกลาง
พวกเขาแต่ละคนล้วนอยู่ในขั้นดับเทพหลายปี ไม่ใช่คนที่ระดับเดียวกันทั่วไปจะเทียบชั้นได้
นี่ทำให้หลินสวินไม่ได้สิ้นหวังขนาดนั้นในที่สุด
เดิมเขายังคิดว่าความแตกต่างระหว่างขั้นอายุขัยเทียมฟ้าและขั้นดับเทพจะมากขนาดนี้ได้อย่างไร
ตอนนี้จึงเข้าใจว่าสี่จอมธรรมนี้ล้วนเป็นคนระดับปลายยอดในบรรดาเฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นดับเทพ ด้วยมรรควิถีในปัจจุบันของเขาย่อมต่อต้านได้ยากยิ่ง
ส่วนศิษย์พี่ทั้งสองอย่างผู่เจินและเสวี่ยหยาล้วนมีมรรควิถีขั้นดับเทพขั้นปลายและขั้นกลางตามลำดับ
จากที่เสวี่ยหยาว่ามา หากอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ด้วยความสามารถของศิษย์พี่ผู่เจิน ภายในสามหมัดต้องสามารถสังหารหงเคอที่อยู่ขั้นดับเทพสัมบูรณ์ได้แน่นอน!
จากจุดนี้จะเห็นว่ารากฐานพลังของศิษย์พี่ผู่เจินน่าสะพรึงเพียงใด
แน่นอนว่าศิษย์พี่เสวี่ยหยาก็ไม่อ่อนด้อย แม้ว่าเขาจะถ่อมตนมาก แต่ในวาจาก็เผยความเชื่อมั่นและมั่นใจว่าสามารถโจมตีผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันได้
ว่ากันถึงที่สุด ครั้งนี้ที่พวกเขาถูกไล่ล่าสังหารจนหมดสภาพเช่นนั้น ประเด็นหลักอยู่ที่ในบรรดาศัตรูมีจอมมุนีชื่อเย่อยู่ด้วย
หาไม่แค่พลังของสี่จอมธรรมนั่นล้วนไม่พอให้เหลือบแล
กลับเห็นหลินสวินยิ้มกล่าวเรียบๆ “เจ้าได้ยินไม่ชัดหรือ ข้าบอกว่ามีแต่เจ้าที่น่าสงสัยที่สุด ส่วนเจ้าจะเป็นคนทรยศหรือไม่ มอบให้ผู้ดูแลเถาเหลิ่งมาสอบสวนด้วยตัวเองก็รู้แล้ว เช่นนี้ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้”
รอยยิ้มนั้นเมื่อเข้าสู่สายตาจินจงเยวี่ย กลับทำให้ในใจเขาหนักอึ้ง
หลินสวินไม่มีหลักฐานพิสูจน์เรื่องทั้งหมดนี้จริงๆ แต่หลินสวินกลับสามารถสงสัยเขา สอบสวนเขาในฐานะรองผู้ดูแลได้!
“อาศัยอะไรถึงใช้คำพูดแค่ไม่กี่คำของเจ้าก็สามารถสงสัยว่าข้าเป็นคนทรยศได้ ข้าสงสัยนักว่าเจ้ากำลังใช้ประโยชน์จากตำแหน่งตัวเองมาแก้แค้นข้าเช่นกัน!”
กล่าวพลางจินจงเยวี่ยก็เบือนหน้าจากไป “ข้าจะไปพบผู้อาวุโสเฉาเป่ยโต้ว!”
แต่เขาเพิ่งก้าวเท้าก็ถูกหลินสวินคว้าคอหมับ แล้วลากมาอยู่ข้างๆ “รอหลังจากสอบสวนเจ้าเสร็จ เจ้าก็สามารถไปแหกปากร้องว่าไม่เป็นธรรมกับผู้อาวุโสเฉาเป่ยโต้วได้แล้ว ตอนนี้เจ้ามากับข้าก่อน”
“แก้แค้น นี่เจ้าจงใจแก้แค้น…!”
จินจงเยวี่ยตะโกนลั่น พยายามสร้างความเคลื่อนไหว ดึงดูดคนอื่นๆ ในสำนักมาขัดขวางเรื่องทั้งหมดนี้
กลับเห็นหลินสวินกล่าวยิ้มๆ “บริเวณนี้ล้วนถูกข้าใช้พลังผนึกไว้หมดแล้ว ต่อให้เจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีประโยชน์ ตามข้าไปแต่โดยดีดีกว่า อีกอย่างหากเจ้าไม่ใช่คนทรยศ ไยต้องตระหนกลนลานและหวาดกลัวด้วยเล่า ในแดนแรกเริ่มของพวกเรา ข้าไม่อาจเอาชีวิตเจ้าได้ นั่นเป็นความผิดร้ายแรง”
กล่าวพลางยัดจินจงเยวี่ยเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งโดยไม่ฟังคำทัดทาน
ภาพนี้ถูกผู้สืบทอดบางส่วนในพื้นที่ใกล้เคียงเห็นเข้าล้วนอดแปลกใจไม่ได้ เพียงแต่ยามที่พวกเขาตอบสนอง เงาร่างของหลินสวินก็อันตรธานหายไปนานแล้ว
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้ผู้สืบทอดเหล่านี้ตระหนักได้ว่า วันนี้เกรงว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
“เร็ว รีบส่งข่าวออกไปว่ารองผู้ดูแลหลินสวินกลับมาแล้ว!”
“เขาจับตัวจินจงเยวี่ย พาไปหอแรกนภา!”
“ไม่เจอหนึ่งเดือน มาดรองผู้ดูแลหลินยังเหมือนเดิม…”
…ข่าวต่างๆ เริ่มแพร่กระจายไปยังสถานที่ต่างๆ ของแดนแรกเริ่มอย่างว่องไว
หอแรกนภา
โถงใหญ่อาญา
“เจ้าสงสัยว่าเจ้าหมอนี่คือคนทรยศหรือ”
หลังรู้จุดประสงค์การมาของหลินสวิน สีหน้าเถาเหลิ่งอดแปลกไปไม่ได้
หลินสวินอดยิ้มไม่ได้ “หากผู้ดูแลเถาคิดว่าข้าจงใจโจมตีเพื่อแก้แค้นจินจงเยวี่ย เช่นนั้นก็ผิดมหันต์แล้ว ข้ากล้ารับรองว่าเขาน่าสงสัยที่สุด ยังขอให้ผู้ดูแลเถาโปรดสอบสวนด้วยตัวเอง”
เถาเหลิ่งกล่าวอย่างใคร่ครวญ “หากเจ้าไม่มีหลักฐาน เป็นไปได้สูงว่าเรื่องนี้จะปล่อยไปเช่นนี้ไม่ได้ และจะส่งผลกระทบไม่ดีบางอย่างต่อตัวเจ้าด้วย ถึงอย่างไรในสำนักใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าเจ้าและจินจงเยวี่ยมีแค้นบาดหมางกัน ทำเช่นนี้ยากจะรับรองว่าผู้คนจะไม่คาดเดาไปว่าเจ้าตั้งใจโจมตีอีกฝ่าย”
“ปล่อยไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หาไม่หากภายหน้าข้าออกเดินทางไปข้างนอกอีก มีหรือจะไม่ถูกคนเปิดเผยที่อยู่ล่วงหน้าทุกครั้ง”
หลินสวินกล่าว
“ทำให้เป็นเรื่องใหญ่หรือ” เถาเหลิ่งคล้ายขบคิดทำท่าครุ่นคิด
“ใช่แล้ว ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ในมือข้ามีของบางอย่าง เชื่อว่าหลังจากทุกคนทั้งบนล่างในสำนักเห็นแล้ว ต้องไม่มีทางคิดว่าข้าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แน่”
หลินสวินกล่าวเสียงเบา
………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์