Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2762

ตอนที่ 2762 ผู้บงการอื่นอีก

เถาเหลิ่งเพิ่งสอบสวนจินจงเยวี่ยไม่ถึงหนึ่งเค่อ

ภายในโถงใหญ่อาญาก็มีคนพุ่งตัวเข้ามา

ผู้อาวุโสเฉาเป่ยโต้ว

สิ่งแรกที่เขาเห็นคือหลินสวินที่นั่งหลับตาทำสมาธิกลางโถงใหญ่ เขาอดกล่าวอย่างเย็นชาไม่ได้ “เพิ่งขึ้นเป็นรองผู้ดูแลได้ไม่นานก็กล้าใช้อำนาจในมือมาปรักปรำและโจมตีศิษย์ในสำนักแล้ว เหิมเกริม!”

หลินสวินลืมตาขึ้นกล่าวว่า “จริงเท็จถูกผิดยังไม่มีข้อสรุป ผู้อาวุโสเฉาก็กล่าวหากันเช่นนี้แล้ว หากกลายเป็นเรื่องน่าขบขันอะไรขึ้นมาจะกู้หน้ายากเอาได้”

เฉาเป่ยโต้วแค่นเสียงเย็น กวาดสายตาทั่วโถงใหญ่ กล่าวตะโกนเสียงต่ำ “เถาเหลิ่งอยู่ที่ใด ยังไม่ออกมาพบข้าอีก”

เสียงสะเทือนโถงใหญ่ อานุภาพเดือดพล่าน

เถาเหลิ่งผลักประตูเดินออกมาจากโถงด้านข้าง ประสานหมัดกล่าวด้วยสีหน้าเยือกเย็น “ผู้อาวุโสเฉาหาข้าด้วยธุระอันใด”

“รีบปล่อยจินจงเยวี่ยเดี๋ยวนี้ อย่าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก!”

เฉาเป่ยโต้วสีหน้าเย็นชา

เถาเหลิ่งกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “การสอบสวนเพิ่งเริ่มต้น หากปล่อยจินจงเยวี่ยในเวลานี้เกรงว่าจะไม่สามารถล้างมลทินให้เขาได้ หากหลังการสอบสวนสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ใช่คนทรยศของสำนัก ผลลัพธ์เช่นนี้จะไม่ยิ่งดีกว่าหรือ”

“เป็นไปได้หรือ ใครบ้างไม่รู้ว่าเจ้าเถาเหลิ่งหน้าตายใจดำ ลงมือทารุณ ขอเพียงเป็นคนที่ถูกเจ้าสอบสวน ต่อให้ถูกปรักปรำเกรงว่าคงรับสารภาพเพราะทนการทรมานไม่ไหว!”

เฉาเป่ยโต้วสีหน้าอึมครึม “ข้าถามเจ้าอีกครั้ง จะปล่อยคนหรือไม่”

“ไม่ปล่อย”

หลินสวินหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทอดสายตามองเฉาเป่ยโต้ว “ผู้อาวุโสเฉาโมโหเช่นนี้ หรือเป็นเพราะกังวลว่าจินจงเยวี่ยจะพูดเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับผู้อาวุโสเฉาหรือ”

“เจ้าถึงกับกล้าสงสัยและใส่ความข้าเชียวหรือ”

เฉาเป่ยโต้วเดือดดาล กล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “แค่รองผู้ดูแลคนหนึ่งเท่านั้น กลับกล้าไม่เห็นผู้อาวุโสในสายตา ปีนเกลียวข้ามขั้น เถาเหลิ่ง ข้าขอถามเจ้า จากบทลงโทษของสำนักควรลงทัณฑ์อย่างไร”

ไม่รอให้เถาเหลิ่งเอ่ยปาก นอกโถงใหญ่ก็มีเสียงสายหนึ่งดังขึ้น “ลงทัณฑ์ด้วยการหักเบี้ยประจำเดือนหนึ่งปี โบยสามสิบครั้ง”

บุรุษรูปร่างอ้วนเตี้ย สวมชุดคลุมหยกแพรไหมคนหนึ่งเดินเยื้องย่างเข้ามาพร้อมเสียง ไว้หนวดยาวสองข้างเหนือริมฝีปาก จมูกบวมแดง ดวงตาเล็กแคบ

หนึ่งในเก้าผู้อาวุโสหอแรกนภา ฉู่เจียน!

“พี่ฉู่มาได้เวลาพอดี”

เฉาเป่ยโต้วฮึกเหิม “วันนี้ผู้ดูแลเถาเหลิ่งและรองผู้ดูแลหลินสวินรวมหัวกันพยายามทรมานให้จินจงเยวี่ยรับผิด ควรลงโทษอย่างไรดี”

ฉู่เจียนลูบหนวดยาว กล่าวด้วยใบหน้าแสร้างยิ้ม “นี่ร้ายแรงอยู่บ้าง โทษสถานเบาคือปลดตำแหน่ง โทษสถานหนักคือลดขั้นเป็นนักโทษ”

เถาเหลิ่งหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ

และเป็นยามนี้ที่นอกโถงใหญ่มีคนเข้ามาอีก

“คำพูดไม่กี่คำก็คาดโทษเถาเหลิ่งและหลินสวินแล้ว มีหลักฐานยืนยันหรือไม่ หรือจะบอกว่าพวกเจ้าในฐานะผู้อาวุโสหอแรกนภาจะใช้อำนาจในมือระรานได้”

ผู้มาคือคนหลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของหอแรกนภา มีทั้งผู้อาวุโสและผู้ดูแล

หลินสวินเห็นภาพนี้ก็ตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องกระจายออกไปแล้ว

และนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาอยากเห็นพอดี

ดังคาด หลังจากนั้นคนใหญ่คนโตจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างมาเยือนเพราะได้ยินข่าว ผู้อาวุโสและผู้ดูแลบางส่วนของหอแรกมายาและหอแรกพิสุทธิ์ล้วนเร่งมากันหมด

และผู้นำยอดเขาบางส่วนของเก้ายอดเขาใหญ่ก็ปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง

ชั่วขณะเดียวในโถงใหญ่อาญาคึกคักสุดขีด คนออเนืองแน่น

ส่วนด้านนอกโถงใหญ่อาญา ผู้สืบทอดและศิษย์มากมายรวมตัวกัน พวกเขาไม่มีคุณสมบัติเข้าไปในโถงใหญ่อาญา แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคให้พวกเขามุ่งหน้ามาดูความคึกคัก

หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดในปัจจุบันนี้ เดิมหลินสวินก็เป็นจุดสนใจของทุกคนอยู่แล้ว ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนถูกคนใหญ่คนโตมากมายจับจ้อง

และครั้งนี้เขาจับตัวจินจงเยวี่ยในทันทีหลังกลับมาจากการออกไปนอกสำนัก สงสัยว่าจินจงเยวี่ยเป็นคนทรยศ ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คนก็คือ…

หลินสวินก่อเรื่องอีกแล้ว!

ดังนั้นจึงแห่มาหลังรู้ข่าว

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าไม่อาจดึงดูดการเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ได้สักนิด

ไม่นานแม้แต่รองหัวหน้าหอสามคนของหอแรกนภาต่างก็ปรากฏตัวด้วย

โถงใหญ่อาญาที่แต่เดิมอลหม่านเซ็งแซ่ เปลี่ยนเป็นเงียบเชียบลงมาเช่นกัน สายตาทุกคู่ล้วนมองทางคนใหญ่คนโตสามคนอย่างเสวียนเฟยหลิง ฝูเหวินหลี และฉีเซียวอวิ๋น

ใครๆ ล้วนรู้ดีว่าข้อถกเถียงครั้งนี้ ว่ากันถึงที่สุดแล้วยังต้องขึ้นอยู่กับว่ารองหัวหน้าหอทั้งสามคนนี้จะตัดสินอย่างไร

“หลินสวิน นี่มันเรื่องอะไรกัน เจ้าเล่าที่มาที่ไปของเรื่องให้ชัดเจน”

เสวียนเฟยหลิงกล่าวเสียงขรึม

ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน หลินสวินกลับเยือกเย็นยิ่งอย่างเห็นได้ชัด กล่าวว่า “หนึ่งเดือนก่อน ข้าออกเดินทางไปนอกสำนัก แต่ไม่นึกว่าเพิ่งออกจากทะเลหมื่นดาราไม่นานก็พบเจอกับการลอบสังหารจากแดนเร้นนภา”

ประโยคเดียวทำเอาคนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มในโถงใหญ่ประหลาดใจ

“แดนเร้นนภาช่างบังอาจนัก ถึงกับกล้าลงมือกับคนของลัทธิแรกกำเนิดของข้าเชียวหรือ”

“บ้าคลั่งเสียสติไปแล้วชัดๆ พวกเขาไม่กลัวว่าจะยั่วโทสะพวกเราแล้ว พวกเราจะเหยียบแดนเร้นนภาของพวกเขาให้ราบหรือ”

“แปลกจริงๆ แดนเร้นนภากล้าท้าทายลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราอย่างไม่กลัวตายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

ในคำพูดเผยแววเดือดดาล และมีแววดูแคลนอย่างไม่ปกปิดใดๆ

ที่โลกภายนอก แดนเร้นนภาอาจทำให้คนหน้าถอดสีเมื่อเอ่ยถึง แค่ได้ยินชื่อก็ใจฝ่อ

แต่ในสายตาของคนใหญ่คนโตลัทธิแรกกำเนิดเหล่านี้ แดนเร้นนภาก็เป็นเพียงขุมอำนาจมือสังหารเก่าแก่แห่งหนึ่งเท่านั้น

ไม่ควรค่าให้ชายตาแล

แต่ตอนนี้แดนเร้นนภากลับเหิมเกริมถึงขั้นกล้าลอบสังหารคนของลัทธิแรกกำเนิดของพวกเขา นี่ผิดวิสัยยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“ออกเดินทางนอกสำนักย่อมไม่อาจเลี่ยงอันตรายและคลื่นลมบางส่วนได้ เจ้าพบเจอการซุ่มโจมตีของมือสังหารแดนเร้นนภาครั้งนี้ จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับที่มีคนทรยศในสำนักของเรา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์