Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2770

สรุปบท ตอนที่ 2770 ยอมแพ้: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 2770 ยอมแพ้ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2770 ยอมแพ้ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2770 ยอมแพ้

เหมาชิวจากไปอย่างเดือดดาล

ภายใต้สายตาของทุกคน ถูกหลินสวินเย้ยหยันแล้วมองข้าม นี่ทำให้เขาไม่สามารถใจเย็นได้

และผู้ท้าสู้ที่ถูกหลินสวินจ้องคนนั้น ตอนนี้หนังหัวตึงขึ้นมาระลอกหนึ่ง สีหน้าแข็งทื่อ

เขานามว่าจู่เทียนโย่ว มาจากตระกูลจู่หนึ่งในสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด มรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์ อีกทั้งอยู่ในขั้นนี้มาสองสามพันปี รากฐานพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

พูดถึงพลังต่อสู้ที่แท้จริงยังเหนือกว่าจิงฉิงเจี่ยอยู่บ้าง

“หลินสวิน เจ้ากล้าตัดสินแพ้ชนะในกระบวนท่าเดียวกับข้าหรือไม่”

จู่เทียนโย่วสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เอ่ยเสียงขรึม

หนึ่งกระบวนท่า!

นี่เป็นเรื่องยากมาก ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ที่สุดคือแบ่งสูงต่ำไม่ได้ ฝีมือไล่เลี่ย

“เจ้าหมอนี่คงไม่ได้คิดจะใช้วิธีเช่นนี้มาชิงผลลัพธ์ว่าเสมอกันหรอกนะ เจ้าเล่ห์นัก!”

เสียงมากมายดังขึ้น เดาความคิดของจู่เทียนโย่วออก สีหน้าของคนไม่น้อยแฝงความดูถูกรางๆ

หนึ่งกระบวนท่า

หากจู่เทียนโย่วป้องกันเต็มกำลัง ย่อมไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้

สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือหลินสวินกลับตอบรับแล้ว

“ได้”

เขาพูดง่ายๆ

จู่เทียนโย่วดีใจยิ่ง ทั้งร่างล้วนผ่อนคลายลงไม่น้อย เขาไม่เชื่อว่าแค่กระบวนท่าเดียวตนจะต้านไม่ไหว

“ดี เจ้าอย่าได้คืนคำเชียว!”

ว่าพลางจู่เทียนโย่วก็พุ่งขึ้นลานมรรคเปิดสวรรค์ แววตาดุดัน เต็มไปด้วยความมั่นใจและดูถูกทั่วร่าง

เหมาชิวที่จากไปเพราะความอับอายก่อนหน้านี้เห็นภาพเช่นนี้ในใจก็นึกเสียใจขึ้นมา เหตุใดตนจึงคิดไม่ได้ว่าสามารถใช้วิธีเช่นนี้มาสร้างผลลัพธ์ที่เสมอกันได้

จู่เทียนโย่วนี่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!

“ฆ่า!”

จู่เทียนโย่วออกโจมตีในทันที

การโจมตีคือการป้องกันที่ดีที่สุด!

ก็เห็นร่างที่ผอมซูบราวกับตอฟางของเขาพุ่งปราดเข้ามา บนผิวปรากฏแผ่นเกราะสีดำที่คมราวกับดาบ ล้วนแปลงมาจากกฎเกณฑ์อมตะระดับสวรรค์ขั้นเก้า ทั้งสามารถป้องกันและโจมตี มหัศจรรย์ไม่อาจคาดเดา

ชั่วพริบตาทั้งตัวเขาราวกับปกคลุมด้วยเกราะสีดำชั้นหนึ่ง หมอกดำอบอวลทั่วตัว

เกราะเทพคุ้มครอง!

อภินิหารชั้นยอดที่หลอมรวมพรสวรรค์ มรรควิถี และกฎเกณฑ์ทั้งหมดของเขาอย่างหนึ่ง

และมือขวาของเขาถือโล่สำริดกลมมนชิ้นหนึ่ง สลักลายมรรคอมตะแน่นขนัด มือขวากำดาบศึกเรียวยาวขาวเจิดจ้าราวกับหิมะ

โล่มัจฉาหยินหยาง!

ดาบทลายแดน!

ศาสตรามรรคอมตะที่ทั้งรุกและรับคู่หนึ่ง หนึ่งดาบหนึ่งโล่ ราวกับวัฏจักรเอกอุ สามารถสลายการโจมตีทั้งหมด เกิดผลลัพธ์อันมหัศจรรย์ที่ใช้สี่ตำลึงปาดพันชั่ง[1]

การโจมตีกลับประหนึ่งดาบพาดขวางเก้าแดน รุนแรงไร้ขอบเขต

ชั่วขณะเดียวจู่เทียนโย่วก็เหมือนสวมชุดออกศึกเต็มยศ โคจรไพ่ตายทั้งหมดของตนถึงขีดสุด ทำให้คนใหญ่คนโตไม่น้อยล้วนตกใจ

แทบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินเองก็เคลื่อนไหวแล้ว

วู้ม!

เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปรากฏ ตัวเตาที่เรียบง่ายเป็นธรรมชาติแผ่แสงมรรคไพศาล พาดผ่านห้วงอากาศมาพร้อมกับร่างของหลินสวิน

เปรี๊ยะ!

ชั่วขณะที่เตากระบี่กับโล่มัจฉาหยินหยางปะทะกัน ฝ่ายหลังถูกโจมตีจนพื้นผิวแยกแตกในทันที ระเบิดออกเสียงก้องบาดหู

ศาสตรามรรคอมตะที่มหัศจรรย์ชิ้นนี้ ถึงกับดูไม่ได้ความประหนึ่งกระดาษเปื่อย!

และในเวลาเดียวกันกระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกจากปากเตา พริบไหวเบาๆ

ปัง!

ดาบศึกที่ฟันออกมาอย่างเดือดดาลของจู่เทียนโย่วระเบิดในมือเขาโดยตรง กลายเป็นเศษชิ้นส่วนกระเซ็นกระสาย

โล่และดาบถูกทำลายแทบจะในเวลาเดียวกัน พลังโจมตีปานทำลายล้างนั่นกระแทกจู่เทียนโย่วจนกระเด็นออกไปไกล จมูกปากหลั่งเลือด ราวกับถูกมังกรดึกดำบรรพ์ชน เอ็นกระดูกทั่วร่างส่งเสียงหนักหน่วง

ในใจเขาตกใจ กระตุ้นเกราะเทพคุ้มครองถึงขั้นที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตามสัญชาตญาณ

และหมัดหนึ่งของหลินสวินพุ่งโจมตีมาแล้ว

หมัดนี้ราวกับภูเขาเทพฟ้าประทาน หอบม้วนอานุภาพทรงพลังที่กำราบทั่วหล้า เงาร่างของจู่เทียนโย่วยังไม่ทันทรงตัวได้ ก็ถูกหมัดนี้กระแทกลงพื้นแล้ว

ปัง!!!

ลานมรรคเปิดสวรรค์สั่นรุนแรงทันใด ในใจทุกคนนอกลานมรรคล้วนสะท้านไหว แค่เห็นก็รู้สึกเจ็บแล้ว

ในฝุ่นควันที่จางไป

เงาร่างผอมตอบของจู่เทียนโย่วฟุบนอนบนพื้น เกร็งกระตุกรุนแรงไม่หยุด อภินิหารเกราะเทพคุ้มครองที่ปกคลุมอยู่บนผิวของเขาถูกระเบิดทั้งหมด ร่างกายถูกกระแทกแตก เลือดสดซึมพื้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในปากส่งเสียงครวญครางไร้สติ…

ทั่วลานเงียบกริบ

การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นรวดเร็ว และสิ้นสุดเร็วยิ่งกว่า

ตั้งแต่จู่เทียนโย่วออกโจมตี เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทำลายดาบและโล่ของเขา จนถึงหมัดของหลินสวินโจมตีบใส่ร่างของจู่เทียนโย่ว ทั้งหมดเพียงแค่ไม่กี่พริบตาเท่านั้น

หมัดที่อหังการไร้เทียมทานนั่นเหมือนกระแทกใส่ใจทุกคน ทำให้สีหน้าของแต่ละคนล้วนเปลี่ยนไป

คนมากมายเผยสีหน้าทนมองไม่ได้

และมีหลายคนสะท้านสะเทือนจนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น

“นี่เรียกว่าคนฉลาดตกเป็นเหยื่อของความฉลาด บีบให้หลินสวินใช้ศาสตรามรรคอมตะต่อสู้ หากไม่ใช่เพราะออมมือ การโจมตีนี้ถึงขั้นสามารถเอาชีวิตเขาได้”

เสวียนเฟยหลิงแสดงความเห็นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“อนาถ อนาถจริงๆ ยังคิดจะใช้หนึ่งกระบวนท่าตัดสินแพ้ชนะ คิดว่าจะสามารถเสมอกันได้ แต่ตอนนี้… เขายังตัวเกร็งลุกไม่ขึ้นอยู่เลย”

คนใหญ่คนโตลัทธิแรกกำเนิดอย่างพวกตู๋กูยง ฟางเต้าผิงต่างยิ้มออกมา

พวกเขาเองก็รู้สึกสะใจมาก

บนแท่นพิธี สีหน้าของคนใหญ่คนโตเหล่านั้นต่างเคร่งขรึมไม่น้อย

ส่วนบรรดาเฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจู่ รู้สึกเพียงว่าใบหน้าร้อนผ่าวหม่นแสง

หนึ่งกระบวนท่าก็ถูกกำราบแล้ว!

นี่ยิ่งน่าอาย ยิ่งน่าคับแค้น และยิ่งน่าขันกว่าพวกสิงจุน จิงฉิงเจี่ย จ้งอิ่งที่พ่ายแพ้ไปก่อนหน้านี้เสียอีก!

มีคนหัวเราะเบาๆ ความหมายในแววตายากเข้าใจ

ประโยคเดียวแทงใจดำคนใหญ่คนโตมากมาย

ขุมอำนาจที่มาร่วมชมงานเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นศัตรูกับคีรีดวงกมล มาครั้งนี้ก็เพื่อหยั่งเชิงและทำความเข้าใจกับรากฐานพลังของหลินสวิน

ตอนนี้พลังต่อสู้ที่หลินสวินเผยออกมา ทำให้ส่วนลึกในใจพวกเขาเกิดไอสังหาร!

“นี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา”

“เช่นนั้นก็ต้องดูสักหน่อยว่าอวี่เฟิงจื่อศิษย์พุทธฟ้าประทานของหอบรรพจารย์ลัทธิฌาน จะสามารถสร้างความประหลาดใจให้พวกเราได้หรือไม่ หากอวี่เฟิงจื่อชนะ มรรคายอดอมตะที่ว่าก็เป็นเรื่องเหลวไหล หากแพ้… เช่นนั้นก็ต้องมองเป็นเรื่องใหญ่แล้ว”

ยามคนใหญ่คนโตเหล่านั้นคุยกัน ต่างทยอยเคลื่อนสายตามองไปยังนอกลานมรรคเปิดสวรรค์ และหยุดที่อวี่เฟิงจื่อซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียว

ในเวลาเดียวกันสายตาในที่นี้ก็ค่อยๆ เคลื่อนไปยังอวี่เฟิงจื่อเช่นกัน

เขาสวมจีวรขาว ว่างเปล่าละโลกีย์ โดดเด่นหล่อเหลา รออยู่ตรงนั้นมาตลอดระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้ สีหน้าสงบนิ่งไร้คลื่น

“ตาเจ้าแล้ว”

หลินสวินพูดง่ายๆ

เขาเองก็มองความไม่ธรรมดาของอวี่เฟิงจื่อออก อย่างน้อยสภาวะจิตและกลิ่นอายของอีกฝ่ายล้วนไม่ใช่สิ่งที่พวกคนก่อนหน้านี้จะเทียบได้

อวี่เฟิงจื่อพนมมือก้มหน้า จากนั้นเคลื่อนตัวขึ้นลานมรรค

“สหายยุทธ์หลิน หากอาตมาชนะ เจ้าไปหอบรรพจารย์ลัทธิฌานกับข้าได้หรือไม่”

อวี่เฟิงจื่อพูดเบาๆ เสียงดุจระฆังยามเช้ากลองยามค่ำ

ประโยคเดียวทำให้ทั่วลานต่างหันมามอง

ผู้คนทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดล้วนไม่พอใจและต่อต้าน ภิกษุนี่หมายความว่าอย่างไร จะขโมยคนในอาณาเขตของลัทธิแรกกำเนิดของพวกเขาหรือ

มีเหตุผลเช่นนี้ที่ไหน!

พวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยงต่างอดขมวดคิ้วไม่ได้

กลับเห็นหลินสวินยิ้มกล่าวว่า “หากให้ข้าเป็นเจ้าลัทธิฌาน เจ้าไม่ต้องชนะ ข้าก็จะตอบรับตอนนี้เลย ไม่เช่นนั้นเจ้าก็อย่าคิดเลยดีกว่า มาสู้กันในศึกนี้เถอะ”

ว่าพลางสายตาของเขาเหลือบมองจอมมุนีชื่อเย่ที่อยู่ไกลๆ ราวกับไม่ได้ตั้งใจแวบหนึ่ง

เขาสงสัยว่าอวี่เฟิงจื่อยื่นคำขอเช่นนี้ เป็นการชี้นำจากลาเฒ่าหัวโล้นคนนี้

“คำขอนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

กลับเห็นชื่อเย่ยิ้มน้อยๆ “ด้วยรากฐานพลังและมรรควิถีของเจ้า ถ้าเข้าลัทธิฌานของข้า ภายหน้าย่อมมีความหวังควบคุมทั้งบนล่างของลัทธิฌาน”

ทุกคนต่างประหลาดใจไม่สามารถสงบได้

“เฮอะ! ชื่อเย่ หลินสวินเป็นรองผู้ดูแลหอแรกนภาลัทธิแรกกำเนิดของข้า จะเข้าลัทธิฌานของพวกเจ้าได้อย่างไร คำพูดเหลวไหลเช่นนี้อย่าได้เอ่ยถึงอีก”

ฟางเต้าผิงแค่นเสียงขึ้นจมูกเย็นชา เขาที่สงบนิ่งมาโดยตลอด ตอนนี้ก็ขุ่นเคืองขึ้นบ้างแล้ว

“สหายยุทธ์โปรดระงับโทสะ” ชื่อเย่เสียงราบเรียบผ่อนคลาย

ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกจริงๆ

“ล่วงเกินแล้ว”

บนลานมรรคเปิดสวรรค์ อวี่เฟิงจื่อพนมมือ ท่าทางเคร่งขรึม ไม่ดีใจหรือเสียใจ

——

[1] สี่ตำลึงปาดพันชั่ง หมายถึงการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเอาชนะหรือป้องกันแรงมหาศาลที่พุ่งโจมตีเข้ามาได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์