ตอนที่ 2771 บัวบังเกิดวัฏจักร ผลาญใจเป็นโลก
เพิ่งจะสิ้นเสียง
ในฝ่ามืออวี่เฟิงจื่อปรากฏปลาไม้ชิ้นหนึ่ง รูปทรงคล้ายเศียรพระ เจือสีม่วงคราม
เมื่อเขาเคาะเบาๆ คราหนึ่ง
ตึง!
ฟ้าดินพลันสะเทือนไหว ดอกบัวสีเขียวดอกใหญ่ควบรวมกลางอากาศ ในดอกบัวกำเนิดมุนินทร์องค์หนึ่ง เท้าเปล่าแขนเปลือย สูงใหญ่ถึงร้อยจั้งเต็ม แสงธรรมอบอวลทั้งร่าง สีหน้าเวทนา
มุนินทร์เหยียบดอกบัวเขียว สองมือทำมุทราประทับกฎเกณฑ์ลึกลับ ซัดผ่านอากาศไปทางหลินสวิน
ตูม!
ห้วงอากาศระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กฎเกณฑ์อมตะประหนึ่งกระแสน้ำเต็มไปด้วยอานุภาพเรืองรองไร้จำกัด อบอวลด้วยพลังยิ่งใหญ่กร้าวแกร่งที่ชำระล้างจักรวาล ไม่อาจทำลาย
สายตาทั่วลานต่างหดรัดลง ถูกภาพที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์นี้ดึงดูด
ทันทีที่อวี่เฟิงจื่อลงมือ อานุภาพนั่นก็ดูไม่ธรรมดานัก ไม่ใช่สิ่งที่พวกสิงจวิ้น จิงฉิงเจี่ยก่อนหน้านี้จะเทียบได้
ห่างออกไปหลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
กระบวนค่ายกลกระบี่ที่สว่างไสวลุกโชนอุบัติออกมากลางอากาศภายใต้เสียงกึกก้อง บรรยากาศเคร่งขรึม ไอสังหารที่ลึกลับไม่อาจคาดเดาตัดสลับออกมา
ทั้งสองพุ่งปะทะ ประทับกฎเกณฑ์ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ โดยพลัน ถูกกระบวนค่ายกลกระบี่ฟันทำลาย
แต่ไม่รอผลลัพธ์ อวี่เฟิงจื่อก็เคาะปลาไม้อีกครั้ง
ตึง!
ดอกบัวสีทองใหญ่ควบรวม สะท้อนเป็นมุนินทร์สีทองออกมาจากภายใน เงาร่างที่สูงร้อยจั้งราวกับหล่อจากทองเซียน เปล่งแสงสว่างไสว
มุนินทร์ถือดาบตวัดลงมา
ฟ้าดินราวกับถูกกรีดแหวก ปราณดาบบาดตาสะท้อนท่วงทำนองธรรมสัมบูรณ์ มหาปัญญา และไร้ขอบเขต
หลินสวินเลิกคิ้ว ก้าวเท้าไปข้างหน้าสะบัดหมัดโจมตี
ตูม โครม!
หมัดและดาบเข้าปะทะ สาดกระแสทำลายล้างที่ดุดันล้นฟ้า
ดาบนี้ถูกหลินสวินโจมตีจนแหลกละเอียดอีกครั้ง แต่อวี่เฟิงจื่อกลับเหมือนไม่รู้สึก
เขาท่าทางเคร่งขรึม ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มือเคาะปลาไม้ ริมฝีปากขยับราวกับท่องบทสวด
ตึง! ตึง!
บัวสีชาดหนึ่งดอก บัวสีเงินหนึ่งดอก บัวสีดำหนึ่งดอก… ต่างทยอยควบรวมในลานมรรคเปิดสวรรค์ บัวทุกดอกล้วนมีมุนินทร์ร้อยจั้ง
บ้างนั่งคุกเข่าจุดโคมเขียว
บ้างถือลูกประคำหมุนเบาๆ
บ้างกระชับคทาขักขระ ปากท่องธรรม
และในห้วงอากาศ ก็เห็นเพลิงธรรมไพศาลราวกับแม่น้ำเก้าสวรรค์ไหลหลั่ง ตำราพุทธนับไม่ถ้วนทะยานออกมา เปล่งแสงธรรมไร้สิ้นสุดในห้วงอากาศ ยามคทาขักขระโบกสะบัด ฟ้าดินล้วนปั่นป่วน
ภาพที่เหลือเชื่อเหล่านั้นทำให้คนมากมายเห็นแล้วอ้าปากค้าง สูดหายใจสะท้าน
ว่ากันว่าอวี่เฟิงจื่อแห่งลัทธิฌานเป็นศิษย์พุทธที่หมื่นปีถึงจะมีสักคน ครอบครองรากฐานมหามรรคที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา แต่เมื่อเห็นเขาลงมือจริงๆ ถึงพบว่าเขาแข็งแกร่งกว่าที่คิด!
มองไปแวบเดียวก็เห็นบนบัวธรรมห้าดอก มุนินทร์ยืนตระหง่าน ต่างสำแดงอภินิหารที่น่าสะพรึงยากคาดเดา โจมตีไปทางหลินสวินคนเดียวทั้งหมด
ภาพนั้นทำให้คนสิ้นหวังจริงๆ
หลินสวินต่อสู้อยู่ภายใน แม้โจมตีอภินิหารมรรคธรรมต่างๆ จนสลายอย่างต่อเนื่อง แต่ในชั่วขณะก็ไม่สามารถทำอะไรมุนินทร์ห้าองค์นั้นได้
นี่ทำให้คนตกใจ
เหตุการณ์ยามหลินสวินโจมตีศัตรูจนพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ล้วนอยู่ในสายตาของทุกคน อหังการและแข็งกร้าวขนาดไหน ได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้กลับแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
“อวี่เฟิงจื่อช่างสมกับเป็นศิษย์พุทธที่ถูกมองว่าจะได้สืบทอดพุทธปัจจุบัน”
มีเฒ่าชราทอดถอนใจ
“แข็งแกร่งมากจริงๆ หากไม่ได้เห็นกับตา ข้ายังคิดว่าข่าวลือพูดเกินจริง”
“การต่อสู้ครั้งนี้น่าสนใจอยู่บ้าง เพียงแต่อยากโจมตีหลินสวินให้พ่ายแพ้คงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนใหญ่คนโตเหล่านั้น จอมมุนีชื่อเย่ยิ้มบางๆ เอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “นี่เพิ่งเริ่มเท่านั้น อวี่เฟิงจื่อยังมีวิชาเยี่ยมยอดมากมายที่ยังไม่ได้สำแดงออกมา ทุกท่านรอดูเถอะ”
ประโยคเดียวทำให้คนใหญ่คนโตเหล่านั้นใจสะท้าน
“หลายปีมานี้ลัทธิฌานเก็บตัวเงียบ มีข่าวเกี่ยวกับพวกเขาเผยแพร่ออกมาน้อยมาก คิดไม่ถึงว่าดันบ่มเพาะพวกร้ายกาจเช่นนี้ออกมาคนหนึ่ง”
เสวียนเฟยหลิงขมวดคิ้ว เขาเองก็มองออกถึงความแข็งแกร่งของอวี่เฟิงจื่อ
“ภิกษุเหล่านี้เชี่ยวชาญการซ่อนศักยภาพที่สุด ไม่แปลกเลย”
ฟางเต้าผิงพูดง่ายๆ
“ครั้งนี้หากหลินสวินอยากชนะ เกรงว่าคงยากอยู่บ้าง”
ตู๋กูยงถอนหายใจเบาๆ
ด้วยมรรควิถีและสายตาของพวกเขา แน่นอนว่าดูออกว่าการต่อสู้ครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์ อวี่เฟิงจื่อไม่เหมือนกับคู่ต่อสู้คนอื่นๆ
หากบอกว่าสิงจวิ้นเป็นไพ่เด็ดที่หอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดใช้ออกมา
เช่นนั้นอวี่เฟิงจื่อก็คือไพ่ตายที่ลัทธิฌานซ่อนมานาน!
ตอนนี้ทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดต่างกลั้นหายใจจดจ่อ
ความองอาจที่อวี่เฟิงจื่อเผยออกมาสะดุดตาเกินไปจริงๆ ทำให้พวกเขาเองก็กังวลแทนหลินสวินเช่นกัน
ตูม!
กระแสปั่นป่วนพัดม้วนในลานมรรคเปิดสวรรค์ แสงธรรมแผ่ขยาย วิชามหัศจรรย์มากมายมาเยือน ราวกับปกคลุมฟ้าดิน โจมตีหลินสวินอย่างรุนแรง
ตอนนี้เองในที่สุดหลินสวินก็รู้สึกถึงแรงกดดัน
นี่ทำให้เขาเลิกคิ้ว ประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าจากนั้นไอสังหารพลันพลุ่งพล่านในใจ
เมื่อไม่นานมานี้พลังปราณของเขาทะลวงขั้นในเรือนเมฆปรกเมืองจันทร์เหมันต์น่านฟ้าที่เจ็ด ทะยานสู่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นกลาง
ก็เพราะเช่นนี้ ตอนที่เล่นงานพวกสิงจวิ้นจึงไม่ได้รู้สึกถึงการคุกคามอะไร ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นท่าทีปานบดขยี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์