ตอนที่ 2779 เปิดโลง
ระดับนิรันดร์!
สำหรับหลินสวิน นี่เป็นระดับที่จะปรากฏเพียงในหมู่เผ่าเทพนิรันดร์แห่งน่านฟ้าที่เก้าเท่านั้น
ราวกับตำนาน
แต่ตอนนี้กลับมีระดับนิรันดร์ตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้าเขา
ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งที่เขาเคารพเลื่อมใสมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กหนุ่ม…
ไท่เสวียน!
ชั่วขณะนั้นสายตาที่หลินสวินมองไปยังไท่เสวียนก็เปลี่ยนไป แฝงความใคร่รู้และสะท้านสะเทือน
นิรันดร์ สามารถไร้กลัวเกรงต่อเคราะห์มรรคห้าเสื่อม คงอยู่เป็นนิรันดร์ไม่เสื่อมสลายในการดับสิ้นของยุคสมัยได้อย่างแท้จริงหรือ
ก็เป็นตอนนี้เองไท่เสวียนดีดนิ้วคราหนึ่งบนกระดานหมากที่อยู่ตรงหน้า
ในจักรวาลไพศาลผืนนี้ ทิศทางของดวงดาวมากมายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ ทันที เหมือนดวงดาวหมุนเคลื่อนฉับพลัน!
“ดูไม่ออก ไม่เข้าใจจริงๆ”
เสวียนเฟยหลิงจับจ้องครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าไม่หยุด
ไท่เสวียนเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า “หากเจ้าสามารถดูออกได้คงแจ้งมรรคนิรันดร์ไปนานแล้ว จะถูกขังอยู่ที่ขั้นหลุดพ้นนานขนาดนี้ได้อย่างไร”
เสวียนเฟยหลิงถอนหายใจเบาๆ “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าตอนนี้เจ้าเหมือนกำลังสั่งสอนลูกหลานของตน ต่อหน้าเจ้าหนูนี่จะไว้หน้าข้าหน่อยได้หรือไม่”
ไท่เสวียนกลับไม่สนใจเขา สายตามองไปยังหลินสวินแล้วเอ่ยว่า “เฒ่าเสวียนบอกข้าแล้ว เจ้าอยากไปแหล่งสถานศุภโชคหรือ”
หลินสวินพยักหน้า
ไท่เสวียนกล่าว “ที่นั่นมีซากสถานยุคสมัยที่เก่าแก่ไม่น้อย ในซากสถานยุคสมัยทุกแห่งล้วนมีสิ่งมีชีวิตอมตะของยุคสมัยนั้นๆ สามารถเรียกพวกนั้นว่า ‘เผ่าเทพ’ ได้”
“เผ่าเทพหรือ” หลินสวินตกใจ
“ไม่ผิด พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งในยุคสมัยที่อยู่ เมื่อรอดชีวิตจากการดับสิ้นของยุคสมัยย่อมสามารถเรียกว่าเผ่าเทพได้”
ไท่เสวียนกล่าว “ความแตกต่างเดียวของพวกเขากับเผ่าเทพนิรันดร์แห่งน่านฟ้าที่เก้าคือ ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากยุคสมัยไหน ล้วนไม่สามารถออกจากแหล่งสถานศุภโชคได้”
“พูดง่ายๆ คือ เจ้าสามารถมองแหล่งสถานศุภโชคเป็นคุกแห่งยุคสมัยแห่งหนึ่ง ซากสถานยุคสมัยที่อยู่ภายในก็เหมือนคุกแต่ละหลัง คนที่ถูกขังอยู่ภายในคือเผ่าเทพที่เหลือรอดมาจากการดับสิ้นของยุคสมัย”
“แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบ อันที่จริงซากสถานยุคสมัยทุกแห่งล้วนเรียกได้ว่าเป็นโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง เผ่าเทพที่อยู่ภายในสถานการณ์ก็ไม่ได้ย่ำแย่เหมือนนักโทษ”
“ถึงขั้นที่หากเข้าไปภายใน เจ้าอาจคิดว่าซากสถานยุคสมัยไม่ต่างอะไรกับโลกยอดนิรันดร์นัก…”
แววหวนระลึกวาบผ่านในดวงตาไท่เสวียน “เมื่อนานมาแล้วข้าเคยไปเสาะหาวาสนาที่แหล่งสถานศุภโชคกับพวกอู๋ยาง เฉินหลินคง ซิงเจีย บังเอิญได้เข้าไปในซากสถานยุคสมัยแห่งหนึ่ง ที่แห่งนั้นเหมือนกับร่องรอยเทพในตำนาน เผ่าเทพที่อาศัยอยู่ในนั้นแทบจะเหมือนเผ่าเทพนิรันดร์ของน่านฟ้าที่เก้า บรรพบุรุษของพวกเขาเคยมีผู้มากสามารถระดับนิรันดร์ที่แท้จริง…”
ในใจหลินสวินสะท้านไหว คิดไม่ถึงเด็ดขาดว่าแหล่งสถานศุภโชคจะเหลือเชื่อเช่นนี้
ซากสถานยุคสมัย เผ่าเทพ…
ทั้งหมดนี้ดูเหลือเชื่อขนาดนั้น
ไท่เสวียนเก็บความคิด พูดอย่างจริงจัง “ซากสถานยุคสมัยในแหล่งสถานศุภโชคมีเท่าไหร่กันแน่ไม่มีใครรู้ แต่สามารถมั่นใจได้ว่าในซากสถานยุคสมัยทุกแห่ง ล้วนมีอารยธรรมฝึกปราณที่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง ในนั้นมีทั้งอันตรายแต่ก็มีวาสนา”
“หากเจ้าจะไป อย่าไปล่วงเกินเผ่าเทพในซากสถานยุคสมัยเหล่านั้นจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงไม่สามารถออกมาได้อีก”
“แน่นอน หากเจ้าโชคดีก็สามารถได้รับมหาศุภโชคที่คาดไม่ถึง”
“นึกถึงตอนนั้นข้าเองก็ได้มหาศุภโชคจากใน ‘อารยธรรมยุคสมัยมรรคกระบี่’ ทำให้มรรควิถีแห่งตนบรรลุได้สำเร็จ”
ฟังถึงตรงนี้เสวียนเฟยหลิงที่อยู่ข้างๆ อดหวั่นไหวไม่ได้ เอ่ยถามว่า “ที่แห่งนั้นมีศุภโชคแจ้งมรรคนิรันดร์หรือไม่”
ไท่เสวียนพูดโจมตีอย่างไม่เกรงใจสักนิด “แจ้งมรรคนิรันดร์ไม่ใช่อาศัยวาสนาก็จะได้มา มีเพียงเจ้าไปสัมผัสและหยั่งรู้เอง”
เสวียนเฟยหลิงกลับไม่เห็นด้วย กล่าวว่า “ในเผ่าเทพนิรันดร์ของน่านฟ้าที่เก้าใช่ว่าทุกคนจะเหมือนเจ้า พึ่งพาเพียงความสามารถในการหยั่งรู้และความมุ่งมั่นของตนก็สามารถแจ้งมรรคบนมรรคานิรันดร์ได้ จากที่ข้าดู หมายแจ้งมรรคนี้ หากมีวาสนาช่วยก็ประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว”
ไท่เสวียนถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “หากเจ้าคิดเช่นนี้ตลอด เช่นนั้นเกรงว่าคงไม่สามารถสัมผัสธรณีประตูของระดับนิรันดร์ได้”
เสวียนเฟยหลิงหัวเราะฮ่าๆ พูดอย่างมาดมั่น “เช่นนั้นก็คอยดู”
สายตาของไท่เสวียนมองไปยังหลินสวินอีกครั้ง เอ่ยว่า “สหายน้อย ขอถามสักคำ เจ้าไปแหล่งสถานศุภโชคครั้งนี้คิดจะทำอะไร”
หลินสวินคิดๆ แล้วเล่าเรื่องที่จะไปช่วยบิดามารดาออกมา
ไท่เสวียนฟังจบก็เอ่ยถามว่า “พูดเช่นนี้ กระบี่ศุภโชคของลั่วทงเทียนตาทวดของเจ้าก็อยู่ในมือเจ้าแล้วหรือ”
หลินสวินกล่าว “ไม่ผิด นอกจากกระบี่ศุภโชคยังมีโลงนิรันดร์ด้วย”
โลงนิรันดร์!
เสวียนเฟยหลิงและไท่เสวียนตาวาบประกาย
เห็นชัดว่าพวกเขาก็รู้จักสมบัติที่ถูกลั่วทงเทียนนำออกมาจากแหล่งสถานศุภโชคเช่นกัน
“สหายน้อย ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่”
ไท่เสวียนอดถามไม่ได้
หลินสวินนำโลงนิรันดร์ออกมาทันที ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตาเสวียนเฟยหลิงและไท่เสวียน
ไท่เสวียนลุกมามองโลงนิรันดร์อยู่นาน จู่ๆ ก็เผยสีหน้าประหลาดใจแล้วเอ่ยว่า “ในโลงนี้คล้ายปิดผนึกพลังน่ากลัวที่ลึกลับอย่างที่สุดเอาไว้ ก่อนหน้านี้สหายน้อยรู้หรือไม่”
ในใจหลินสวินสะท้าน นึกถึงตอนที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกน่าสะพรึงที่อันตรายถึงชีวิตยามแง้มเปิดโลงนี้ก่อนหน้านี้ เขาพยักหน้าทันที “เคยสัมผัสได้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นพลังอะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์