Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2819

สรุปบท ตอนที่ 2819 นางตื่นขึ้นมาจากความมืด: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 2819 นางตื่นขึ้นมาจากความมืด จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2819 นางตื่นขึ้นมาจากความมืด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2819 นางตื่นขึ้นมาจากความมืด

เพียงสองคำราวมหามรรคมาถึงตัว กระเทือนจนในใจหลินสวินสั่นสะท้านไปพักหนึ่ง

กระทั่งเมื่อไหร่ก็ตามที่ในใจหลินสวินนึกถึงคำว่าเฉินซี เขาล้วนมีความรู้สึกเหมือนเห็นมหามรรค ราวกับรับฟังเสียงมรรค ยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด ไม่อาจพรรณนาได้

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

แม้แต่นามยังเกี่ยวข้องกับนัยเร้นลับมหามรรค นี่ต้องบรรลุถึงระดับใดจึงมีพลังเช่นนี้ได้

“ผู้อาวุโส ท่านปู่ของท่านปราณสูงส่งแค่ไหนกันแน่”

หลินสวินเอ่ยถามตามจิตใต้สำนึก

“ไม่รู้”

เฉินหลินคงส่ายหัว

หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่งถึงค่อยกล่าว “ยามข้าต่อกรกับผู้ร้ายหลังม่านของการสับเปลี่ยนยุคสมัยนั้นได้ บางทีอาจจะเข้าใจ”

เฉินหลินคงยิ้มกล่าว “ย่อมเป็นเช่นนั้น”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าว “มาพูดถึงเมืองเทพศุภโชคนี้ต่อ กล่าวกันถึงที่สุดแล้วก็นับว่าเป็นสถานที่หลบภัยแห่งหนึ่ง เตรียมไว้เพื่อผู้เก่งกาจที่อาจประสบเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพพวกนั้น”

เฉินหลินคงกล่าว “ขอแค่มาอยู่ใกล้เมืองก่อนประสบเคราะห์นี้ ก็จะได้รับการคุ้มครองจากพลังกฎระเบียบลายธารที่ปล่อยออกมา ไม่ต้องกลัวภัยคุกคามของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ”

“ถ้าอยากสลายเคราะห์นี้อย่างแท้จริงก็ง่ายดาย ขอแค่ได้การยอมรับจากเจ้าเมืองนี้ก็สามารถเข้ามาในเมือง หยั่งรู้พลังของต้นกำเนิดศุภโชค ใช้พลังของต้นกำเนิดศุภโชคไปต้านมหาเคราะห์ได้”

อย่างหนึ่งคือหลบเลี่ยงมหาเคราะห์

อีกอย่างคือสลายมหาเคราะห์

ทั้งสองมีความแตกต่างโดยธรรมชาติ

แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินคิดไม่ถึงคือวิธีสลายมหาเคราะห์ ยังต้องได้การยอมรับจาก ‘เจ้าเมือง’ จึงจะสามารถทำได้!

“ผู้อาวุโส นี่ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้ข้าถือครองอำนาจนี้ไว้หรอกหรือ”

หลินสวินอดถามไม่ได้

เฉินหลินคงยิ้มแฝงนัยลึกล้ำ กล่าวว่า “เป็นเช่นนั้น หรือพูดได้ว่าภายหน้าไม่ว่าผู้เก่งกาจคนไหนอยากสลาย ‘เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ’ ก่อนอื่นต้องผ่านการยอมรับของเจ้าจึงเข้ามาในเมืองได้ เช่นนี้แล้วถึงมีโอกาสหยั่งรู้ต้นกำเนิดศุภโชค”

หลินสวินสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้ มีหรือจะไม่รู้ว่าอำนาจนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด

หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง เฉินหลินคงพลันกล่าว “หากเจ้าตัดสินใจดีแล้วจริงๆ ตอนนี้ก็นำโลงนิรันดร์ออกมาได้”

หลินสวินมองซย่าจื้อแล้วกล่าว “อีกเดี๋ยวไม่ว่าจะเจอกับอะไร ต้องจำไว้ว่าข้าอยู่ข้างกายตลอด”

ซย่าจื้อกล่าวอืมคำหนึ่ง เทียบกับหลินสวินแล้ว นางเหมือนไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ราวกับคนนอก

สือซานกลับประหม่าขึ้นมาอย่างยากจะพบเห็น

วู้ม!

หลินสวินไม่รอช้า หว่างคิ้วเปล่งแสงเขียวสายหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโลงสำริดใบหนึ่งกลางอากาศ เจือกลิ่นอายเก่าแก่ไพศาล

เฉินหลินคงพิจารณาเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงเบา “จากคำพูดของท่านปู่ข้า โลงนิรันดร์ควรเรียกว่าเรือนิรันดร์ถึงจะถูก เมื่ออยู่ในนั้นแล้วไร้พิบัติไร้เคราะห์เหมือนมาถึงฟากฝั่ง คงอยู่ชั่วนิรันดร์ไม่ดับสูญ”

เรือนิรันดร์…

หลินสวินยื่นมือกดลงบนสัญลักษณ์แผนที่ดาวกลางฝาโลง นี่คือสัญลักษณ์ที่วิวัฒน์มาจากห้องโถงมรรคาสวรรค์

ตามหลังเสียงทึบหนักระลอกหนึ่ง ฝาโลงนั้นถูกเปิดออกเป็นช่องเล็กๆ

จากนั้นความรู้สึกอันตรายร้ายแรงที่แปลกประหลาดน่าหวาดกลัวนั่นผุดขึ้นในใจหลินสวินอีกครั้ง ทำให้เขาตัวแข็งทื่อ

ขณะเดียวกันซย่าจื้อส่งเสียงอึดอัดในคอ จับมือซ้ายของหลินสวินแน่นโดยไม่รู้ตัว บนใบหน้าขาวกระจ่างงามผุดผ่องไร้ใดเปรียบเจือแววตื่นตระหนกและมึนงง

เฉินหลินคงสะบัดแขนเสื้อ พลังกฎระเบียบต้องห้ามลึกลับหนึ่งปรากฏ กำราบกลิ่นอายประหลาดอันตรายที่แผ่ออกมาจากโลงนิรันดร์นั้นไว้โดยไร้สุ้มเสียง

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ใช้มือขวาผลักฝาโลง

ภาพในโลงปรากฏออกมาทันที

ในความมืดมิดไร้สิ้นสุด เงาร่างเพรียวยาวหนึ่งลอยอยู่ในนั้น สวมชุดสีดำแบบโบราณ ศีรษะสวมเกี้ยวสีดำ สองมือประสานตรงช่วงท้อง ในมือขวาขาวกระจ่างเรียวบางถือไม้เท้าเทพที่เหมือนหล่อขึ้นจากหินหยกสีดำไว้

ในไม้เท้าเทพแผ่หมอกควันลึกลับออกมา ปกคลุมเงาร่างทั้งหมดของนางไว้

ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็มองเห็นได้รางๆ ว่านัยน์ตาทั้งสองของนางปิดสนิท บนใบหน้างามที่ทำให้ฟ้าดินหม่นแสงนั้นนิ่งสงบ

หน้าตาเช่นนั้นเหมือนซย่าจื้อจริงๆ ไม่เหมือนสิ่งที่มีอยู่บนโลกได้!

สือซานเบิกตากว้างเล็กน้อย ถึงตอนท้ายจึงเหมือนเสียการควบคุม เปล่งเสียงเศร้าสร้อยต่ำลึก “นายหญิง… นายหญิง…”

นี่ต่างหากคือนายหญิงที่เขาคุ้นเคยที่สุด ราวกับเทพบนสวรรค์ ลึกลับไร้เทียมทาน!

“เกี้ยวโชคชะตา ไม้เท้ากฎกรรม หยกกาลเวลา…”

นัยน์ตาเฉินหลินคงฉายแววอัศจรรย์ “เหมือนในตำนานดังคาด”

เขาดูเหมือนรู้เรื่องในอดีตมากมายที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์อยู่ก่อนแล้ว

“หลินสวิน ทำไมนางถึงเหมือนข้า”

นัยน์ตากระจ่างของซย่าจื้อมองคนในโลงนั่นแล้วคิ้วขมวดเล็กน้อย

นางบีบมือซ้ายของหลินสวินแน่น นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรผิดแปลก ด้วยกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากโลงนั่นถูกพลังกฎระเบียบของเฉินหลินคงกำราบไว้แล้ว

“นาง… นางก็คือเจ้า… เจ้าก็คือนาง…”

หลินสวินกล่าวเสียงต่ำลึก ดูคลุมเครืออยู่บ้าง

เขาไม่รู้ว่าการตัดสินใจนี้ถูกหรือไม่ แต่หากไม่ทำเขาย่อมไม่อาจสงบใจชั่วชีวิตแน่

“เจ้าสองคนถอยไปก่อน ที่เหลือยกให้ข้าจัดการเถอะ”

เฉินหลินคงมองหลินสวินกับสือซานคราหนึ่ง

ทั้งสองถอยห่างไปไกลทันที

เดิมซย่าจื้อไม่อยากปล่อยมือหลินสวิน แต่ยังเชื่อในสิ่งที่หลินสวินจัดเตรียมไว้ให้ ยืนอยู่หน้าโลงนิรันดร์นั้นเงียบๆ

แต่ไรมานางไม่เคยปฏิเสธหลินสวิน

ความรู้สึกหายใจไม่ออกทำให้หลินสวินได้แต่กัดฟันกรอด กว่าจะควบคุมความกระสับกระส่ายและร้อนรนในใจที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้นได้

โลงนิรันดร์มืดดำสนิท ม้วนซัดพลิกตลบรุนแรง ภาพที่ปรากฏในนั้นถูกความมืดไร้สิ้นสุดแผ่คลุม ต่อให้หลินสวินใช้พลังทั้งหมดก็ไม่อาจมองเห็นได้แม้แต่น้อย

เฉินหลินคงหันกลับมาโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนจนเกือบเสียการควบคุมนั้นของหลินสวิน เขารู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้

เขาเอ่ยเสียงเบา “สหายน้อยวางใจ เจ้ากับแม่นางคนนี้เชื่อมโยงกันด้วยกฎกรรม โชคชะตาย่อมบรรจบ ไม่มีทางเกิดผลลัพธ์ที่แย่แน่”

หลินสวินกล่าวขมขื่น “มีเพียงตอนนี้ที่ข้าถึงตระหนักได้ ว่าสำหรับข้านางคือคนที่ไม่มีใครแทนที่ได้มากเพียงใด ก่อนหน้านี้… เป็นข้าที่ติดค้างนางมากเกินไป…”

เฉินหลินคงยิ้มพลางกล่าว “เข้าใจตอนนี้ก็ไม่สาย”

ขณะกล่าวความมืดโหมกระหน่ำในโลงนิรันดร์นั้นกลับคืนสู่ความสงบดุจกระแสน้ำ

สายตาของพวกหลินสวินกวาดมองไปทันที

ก็เห็นเงาร่างหนึ่งก้าวออกมาจากส่วนลึกของความมืดมิด นางสวมอาภรณ์ดำแบบโบราณทั้งตัว ศีรษะสวมเกี้ยวสูง มือถือไม้เท้าเทพ

ราวกับเทพองค์หนึ่งก้าวออกมาจากความมืดมิด มีอานุภาพสูงส่ง ความมืดไร้สิ้นสุดล้วนยอมจำนนใต้ฝ่าเท้านาง

ใบหน้าขาวกระจ่างของนางงามผุดผ่องดุจภาพวาด เครื่องหน้าทั้งห้าราวผลงานชิ้นเอกจากสวรรค์ ไม่เหมือนสิ่งที่โลกนี้สมควรมีได้ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแฝงท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ราวหลุดพ้นเหนือโลกีย์

ไม่ว่าใครมาเห็นก็เกรงว่าคงใจสั่น รู้สึกตะลึงและยำเกรงเหมือนเห็นเทพไท้ ไม่อาจดูหมิ่นได้ง่ายๆ!

เมื่อเงาร่างของนางก้าวออกมาจากโลงนิรันดร์นั้น โถงใหญ่นี้เงียบสงัดทันที กลิ่นอายน่าเกรงขามที่ไม่อาจบรรยายแผ่อบอวลเงียบๆ

เห็นชัดว่าอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนว่านางหยัดยืนอยู่บนเมฆเหนือเก้าชั้นฟ้า ได้แต่ทอดมองไม่อาจสัมผัส

หลังจากเงียบสงัดไปชั่วขณะ สือซานร้องเสียงหลง “นายหญิง!!”

เขาตื่นเต้นจนขอบตาแดงก่ำ น้ำตาไหลเป็นทาง ไม่อาจควบคุมได้

นี่คือนายหญิงที่เขาคุ้นเคยดี จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ที่เคยพาเขาท่องใต้หล้าคนนั้น!

หลินสวินกลับจุกอกเหมือนอัดอั้นใจ ซย่าจื้อนาง… เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้วหรือ…

“สือซาน”

เสียงทอดถอนใจเยียบเย็นหนึ่งดังก้อง สายตาของนางมองไปทางสือซาน “ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ทำไมต้องลำบากรออยู่ที่นี่ด้วย”

ประโยคเดียวพิสูจน์ว่าร่างต้นของซย่าจื้อตื่นขึ้นแล้ว หรือกล่าวได้ว่าซย่าจื้อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างต้นของนาง ทั้งฟื้นคืนความทรงจำในอดีตแล้ว!

เฉินหลินคงนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย

สีหน้าหลินสวินพลันซีดเผือด ในใจพลันหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เหมือนส่วนสำคัญที่สุดในใจถูกกรีดเอาไปเช่นนั้น

“นายหญิง ข้าน้อยสาบานไว้นานแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติต้องรอจนนายหญิงตื่นขึ้นมา ยังดีว่าในที่สุดนายหญิงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว…”

สือซานตื่นเต้นจนพูดจาไม่ปะติดปะต่ออยู่บ้าง

ยังดีที่ไม่นานเขาก็นึกอะไรได้ สายตามองไปทางหลินสวิน “นายหญิง เป็นสหายยุทธ์หลินสวินคนนี้ที่นำวิญญาณชีวิตของท่านกลับมา”

สายตาของนางมองไปทางหลินสวิน นั่นคือใบหน้าซีดเผือดเหมือนสูญเสียจิตใจไป

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์