ตอนที่ 2825 กระบี่ตัดนิรันดร์
การต่อสู้ปะทุขึ้นแล้ว
เพียงแต่นับจากนี้หลินสวินมองไม่เห็นอะไรแล้ว
การต่อสู้ของระดับนี้ วิชามรรคและวิธีที่ใช้ล้วนเกินขอบเขตที่เขาเข้าใจได้
แม้แต่เสียงยังถูกตัดขาด
สาเหตุอยู่ที่แม้แต่เสียงมรรคในการต่อสู้ยังแผ่อานุภาพของระดับนิรันดร์ออกมา มีภัยคุกคามถึงชีวิตต่อผู้อยู่บนมรรควิถีเช่นเขา
หลินสวินไม่อาจไม่กังวล
กระทั่งเขานึกถึงเรื่องมากมายในอดีต
นึกถึงทุกเหตุการณ์ตอนอยู่นอกโบราณสถานทวยเทพเมื่อปีนั้น ที่ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อกับอาจารย์อาคงเจวี๋ยถูกยักษ์ใหญ่อมตะพวกนั้นตามล่าพร้อมเขา
นึกถึงเรื่องที่ซย่าจื้อกับตนอาบเลือดหนีตายยามมุ่งหน้ามาโลกยอดนิรันดร์
ทั้งนึกถึงภาพยามไท่เสวียนพาเขาหนีออกมาจากแดนผนึกเรืองแสงด้วย
เรื่องในอดีตพวกนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับการถูกศัตรูล้อมปราบตามล่า ล้วนทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันและเดือดดาลเช่นนั้น
ครั้งนี้ดูเหมือนว่าภาพแบบเดียวกันจะปรากฏอีกครั้ง…
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่
ทันใดนั้นเงาร่างหลินสวินสั่นสะท้าน ทัศนวิสัยและการได้ยินฟื้นคืนกลับมาทันที
จากนั้นก็เห็นเฉินหลินคงหอบหายใจ ผมเผ้าสยายยุ่ง ร่างขาดวิ่นเลือนราง ดูน่าอนาถหาใดเปรียบ ทำให้หลินสวินใจกระตุกวูบทันที
กระบี่ตัดโลกีย์หมุนวนกลางอากาศ กำลังต้านการโจมตีของเฒ่าดึกดำบรรพ์มากมาย แต่เห็นชัดว่ากระบี่ตัดโลกีย์ต้านทานได้ไม่นานแล้ว กำลังส่งเสียงครวญรุนแรง
ห่างออกไปเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับนิรันดร์สิบกว่าคนสีหน้าอำมหิตและเฉยชา
“เฉินหลินคง เจ้าเป็นรูปจำลองเจตจำนงเท่านั้น ยืนหยัดได้ถึงตอนนี้ก็ไม่ง่ายแล้ว อย่าดิ้นรนอีกเลย”
มีคนกล่าวเสียงขรึม
แม้จะพูดเช่นนี้ การโจมตีของพวกเขากลับดุดันรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
รูปจำลองเจตจำนง!
หลินสวินอึ้งงันอย่างอดไม่ได้
รูปจำลองเจตจำนงหนึ่งห้ำหั่นกับร่างต้นระดับนิรันดร์สิบกว่าคนถึงตอนนี้ เช่นนั้นร่างต้นของเฉินหลินคงจะแข็งแกร่งระดับใด
ตอนนี้กลับเห็นเฉินหลินคงถอนใจยาว กล่าวเสียงต่ำเหมือนยิ้มเยาะตนเอง “ตั้งแต่เกิดมาข้าคนแซ่เฉินไม่เคยอนาถเช่นนี้มาก่อน…”
เขาเงยหน้าขึ้นทันใด นัยน์ตาเหมือนมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ แววยิ้มเยาะตนเองบนสีหน้าถูกความนิ่งสงบเข้าแทนที่
“เดิมทีเห็นแก่ว่าพวกเจ้าเป็นพวกน่าสงสารที่ติดอยู่ในแหล่งสถานศุภโชค ไม่อยากเปิดฉากเข่นฆ่า แต่ตอนนี้ดูท่าว่าข้าคนแซ่เฉินจะคิดไปเองฝ่ายเดียวอยู่บ้าง”
ขณะกล่าวทั้งตัวเขาลุกโชนขึ้นมา กลิ่นอายกดดันหาใดเปรียบแผ่อบอวลทั่วฟ้าดาราแถบนี้
เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนั้นนัยน์ตาหดรัด คล้ายสังเกตเห็นความผิดปกติ
“ลงมือพร้อมกัน อย่าปล่อยโอกาสให้เขาพลิกสถานการณ์!”
“ไม่เสียดายค่าตอบแทน กำจัดเขาซะ!”
“ดี!”
ตูม!
ท่ามกลางเสียงสนทนา เฒ่าดึกดำบรรพ์สิบกว่าคนต่างใช้วิชาก้นหีบ แต่ละคนอานุภาพเกรียงไกร เรียกสมบัติออกมา
พริบตานี้อานุภาพไร้ใดเปรียบราวปกคลุมฟ้าดิน บดทลายห้วงอากาศ กระหน่ำโจมตีเข้ามา
กระบี่ตัดโลกีย์ที่ถูกโจมตีเป็นอย่างแรกส่งเสียงครวญ ถูกซัดจนลอยคว้างกลับมาอย่างแรง
ตูม!
เฉินหลินคงที่เงาร่างดุจเพลิงผลาญก็ต้านแรงโจมตีนี้ไม่อยู่ ร่างสลายกลายเป็นธุลี
เห็นอยู่ว่าหลินสวินกำลังจะโดนลูกหลง…
กระบี่ตัดโลกีย์ที่ลอยคว้างกลับมาพลันส่งเสียงใสเร้าระทึก หมุนวนกลางอากาศ ปราณกระบี่ดุจธารเพลิงม้วนพัดออกมา เผาทำลายการโจมตีทั้งมวลเป็นจุณ สลายไปกลางอากาศ
“นี่…”
เฒ่าดึกดำบรรพ์สิบกว่าคนที่อยู่ห่างไปนัยน์ตาหดรัด
จากนั้นก็เห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าหลินสวิน ทั้งตัวอบอวลด้วยเปลวเพลิงไพศาล กฎเกณฑ์ลึกลับกลายเป็นลายเทพหมุนวน ขับเน้นให้เขาเป็นดั่งผู้อยู่เหนือเทพอัคคี
คนผู้นี้ก็คือเฉินหลินคง!
เพียงแต่ต่างจากก่อนหน้านี้ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวเขา น่ากลัวถึงขั้นทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่อยู่ห่างไปพวกนั้นพลันรู้สึกถึงแรงกดดัน
เพียงชั่วขณะสีหน้าพวกเขาจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รู้ว่าผู้มาเยือนคือร่างต้นของเฉินหลินคง! แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าร่างต้นของเฉินหลินคงจะน่ากลัวเช่นนี้
ชิ้ง!
กระบี่ตัดโลกีย์ตกสู่มือเฉินหลินคง ส่งเสียงใสไม่หยุดราวกับโห่ร้องยินดี
ใจที่เดิมตึงเครียดของหลินสวินเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนซัดโหมขึ้นมา ตอนนี้เฉินหลินคงแข็งแกร่งถึงขั้นทำให้เขาไม่อาจคาดเดา แค่มองก็พาให้คนรู้สึกสงบใจ
คล้ายต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย โลกดับสลายก็ไม่ต้องกลัว!
“สหายน้อย ดูให้ดี”
เฉินหลินคงดีดนิ้วครั้งหนึ่ง กระบี่ตัดโลกีย์พลันทะยานสู่ฟากฟ้าแล้วฟันลงมา
ตูม!
แค่กระบี่เดียวเท่านั้น ยามฟันตัดอานุภาพไร้ใดเปรียบนั้นกลับกระเทือนจนเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับนิรันดร์สิบกว่าคนเงาร่างไหวเอน แต่ละคนกลิ่นอายพลิกม้วน ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด
“ฆ่า!”
แน่นอนว่าเฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนี้ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำ ผนึกกำลังพุ่งเข้ามา
ฟ้าดาราแถบนี้ปั่นป่วน ตกอยู่ในสถานการณ์อลหม่านยิ่งยวด วิชามรรคและสมบัติชวนประหวั่นราวมรสุมคลั่งแน่นขนัดม้วนพัดมา
เฉินหลินคงไม่ลนลาน ฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง
ตูม!
การโจมตีของเฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนั้นถูกโต้กลับ ถูกกระบี่เดียวซัดจนแตกซ่าน แม้แต่เงาร่างของพวกเขาที่พุ่งเข้ามาก็ถูกโจมตี บางคนเซถอยหลังไปทั้งอย่างนั้น
“เขาใช้เจตกระบี่สั่งสมพลัง อย่าให้เขาทำต่อไป รีบขวางเขาไว้!”
เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งเหมือนมองอะไรออก ส่งเสียงตะโกนออกมา
“ข้าแค้นนัก!!!”
…เสียงมากมายดังขึ้น ไม่นานก็ทยอยหยุดลงแล้วหายไป
เมื่อเบื้องหน้าสายตาของหลินสวินกลับมาชัดเจน
ก็เห็นฟ้าดาราเดิมยุ่งเหยิงไปหมด ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยรอยแยกบิดเบี้ยว ห้วงอากาศแปรปรวนว่างเปล่าโหมกระหน่ำม้วนซัด ส่งเสียงอึงอลเหมือนเทพผีร่ำไห้
ระดับนิรันดร์สิบกว่าคนนั้นหายไปแล้ว
เบื้องหน้าสายตาเต็มไปด้วยความวังเวง!
“ตายแล้วหรือ”
ในใจหลินสวินสั่นสะท้านถึงขีดสุด
“ด้วยพลังของข้าไม่อาจสังหารพวกเขาได้ อย่างมากก็แค่บาดเจ็บสาหัส ถึงอย่างไรบุคคลที่ก้าวสู่ระดับนิรันดร์ก็ฆ่ายากนัก”
เฉินหลินคงที่อยู่ด้านข้างเก็บกลิ่นอายทั้งตัวพลางเอ่ยเสียงเบา “แต่มีพลังของยอดสมบัติลายธารที่ท่านปู่ข้าเหลือไว้ในเมืองเทพศุภโชคคอยช่วย ทำให้ข้ามีโอกาสกำจัดพวกเขาในครั้งนี้”
ยอดสมบัติลายธาร!
หลินสวินใจกระตุกวูบอย่างหนักหน่วง นึกถึงสมบัติกระดองเต่าสีดำที่ชายชุดเขียวทิ้งไว้บนท้องฟ้าเหนือเมืองเทพศุภโชค
แต่ในใจเขายังไม่อาจเข้าใจ
ระดับนิรันดร์ไม่กลัวการกัดกร่อนของเวลา ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งสามารถต้านทานเคราะห์มรรคห้าเสื่อม รับมือกับการดับสิ้นของยุคสมัยได้…
นี่คือบุคคลที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ระดับใด!
แต่บุคคลเช่นนี้… ก็ร่วงหล่นได้หรือ
“บนโลกนี้ไม่มีใครไม่ตาย ต่อให้แจ้งมรรคนิรันดร์จนไม่เสื่อมไม่ดับ แต่ก็ถูกเคราะห์มรรคห้าเสื่อมโจมตี ถูกเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพสังหาร ถูกผู้ร้ายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการสับเปลี่ยนยุคสมัยนั้นกำจัดได้”
เฉินหลินคงพูดถึงตรงนี้แล้วเหมือนตระหนักบางอย่างได้ เขาถอนใจยาวเฮือกหนึ่งอย่างอดไม่อยู่ “ครั้งนี้หลังจากใช้พลังของร่างต้นทำให้ข้าไม่อาจอยู่ในแหล่งสถานศุภโชคได้อีก มิฉะนั้นจะถูกพลังไร้รูปที่ผู้ร้ายหลังม่านนั่นวางไว้รอบแหล่งสถานศุภโชคโจมตีและกักขัง”
น้ำเสียงเจือความคับข้องเสี้ยวหนึ่ง
แม้สังหารระดับนิรันดร์ได้มากมาย แต่กลับเสียโอกาสอยู่ในแหล่งสถานศุภโชค ทำให้เขาไม่ยินยอมอยู่บ้าง
นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาไม่ยอมใช้ร่างต้น
หลินสวินไม่อาจเข้าใจความคิดของเฉินหลินคง กล่าวว่า “ผู้อาวุโส พวกผู้อาวุโสอู๋ยางยังต่อสู้อยู่ พวกเราควรไปช่วยหรือไม่”
เฉินหลินคงยิ้มกล่าว “ทำไม เจ้าไม่รีบจากไปแล้วหรือ”
หลินสวินกล่าวจริงจัง “ช่วยคนเป็นเรื่องเร่งด่วน เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ”
เฉินหลินคงตบบ่าหลินสวินพลางกล่าว “นิสัยเจ้าตรงใจข้านัก ในเมื่อบีบจนข้าใช้ร่างต้นแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่อาจเมตตาวางมือไปเช่นนี้”
ขณะกล่าวเขาพาหลินสวินพุ่งวาบ ไม่กี่ลมหายใจก็ย้อนกลับทางเดิมมาถึงหน้าเมืองเทพศุภโชค
แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจยิ่งคือกลางฟ้าดารายามพวกเขามาถึง การต่อสู้ของพวกอู๋ยาง หลงเซี่ยง ซิงเจีย จักรพรรดินรกเลือดทมิฬปิดฉากลงพอดี
รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์พวกนั้นล้วนถูกทำลายจนราบคาบ!
เฉินหลินคงคล้ายตระหนักถึงอะไรบางอย่าง อดยิ้มขื่นขึ้นมาไม่ได้ ถอนใจยาวกล่าว
“ทุกท่าน ทำไมพวกเจ้าถึงเรียกร่างต้นออกมาเล่า ถ้าเป็นเช่นนี้ภายหน้าทางถอยของพวกเจ้าก็เหลือแค่ทางเดียวแล้ว”
………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์