ตอนที่ 2841 แดนพ่อมด
หลินสวินยิ้มกล่าว “ข้ารู้ เพราะเรื่องของอวิ๋นมู่เจอทำให้ท่านมีอคติต่อข้าคนแซ่หลินอยู่บ้าง แต่ท่านวางใจ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ข้าคนแซ่หลินไม่มีทางถือสากับท่านเพราะเรื่องพวกนี้แน่ จะได้ไม่ทำขายหน้าสำนักต่อหน้าคนนอก”
“เจ้า…”
เมื่อเอ่ยถึงอวิ๋นมู่เจอก็เปรียบเสมือนใช้คมมีดกรีดขั้วหัวใจของอวิ๋นเทียนหมิงชัดๆ ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที
เนื่องจากอวิ๋นมู่เจอเป็นหลานชายของเขา แต่กลับตายด้วยน้ำมือหลินสวินในการทดสอบคัดเลือกผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด!
อวิ๋นเทียนหมิงโกรธจนใบหน้าอึมครึมลงแล้ว
หยวนฉางเทียนที่มองภาพทั้งหมดนี้อยู่ในสายตายิ้มกล่าวอย่างร่าเริง “ที่พี่หลินพูดก็ไม่ผิด บุญคุณความแค้นในสำนักที่ผ่านมา สุดท้ายก็เป็นเรื่องภายในของพวกเรา ไปเข้าร่วมศึกมรรคอมตะครั้งนี้พวกเราต้องร่วมแรงร่วมใจกัน นำความรุ่งโรจน์มาสู่สำนัก”
“นี่ย่อมแน่อยู่แล้ว” หลินสวินพยักหน้า
อวิ๋นเทียนหมิงแค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง ไม่ได้พูดมากความอีก
“ข้าคนแซ่หลินคารวะผู้อาวุโสหลี”
หลินสวินมาหยุดข้างตัวหลีเจิน ประสานหมัดคารวะ
หลีเจินพยักหน้าน้อยๆ เขามีผิวสีสำริด เงาร่างสูงกำยำดุจภูเขา ใบหน้าดุจศิลาเย็นเยียบเหมือนอย่างเคย
กลางห้วงอากาศ เงาร่างของฟางเต้าผิงและหยวนซีหลิวปรากฏตัว
ฟางเต้าผิงเอ่ยปากทอยิ้ม “คนมากันครบแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางตอนนี้”
…
สวบ!
นอกแดนแรกเริ่ม บนทะเลหมื่นดารา ยานสมบัติลำหนึ่งบรรทุกพวกหลินสวินทั้งขบวนแล่นผ่านอากาศ
บนยานสมบัติ หลินสวินและพวกหยวนฉางเทียนห้าคนต่างได้รับม้วนหยกจากมือฟางเต้าผิงคนละชิ้น
ในม้วนหยกบันทึกรายชื่อผู้แข็งแกร่งจากสามหอบรรพจารย์อย่างลัทธิฌาน ลัทธิพ่อมด และลัทธิวิญญาณที่จะเข้าร่วมศึกมรรคอมตะในครั้งนี้
หลินสวินมองสำรวจคร่าวๆ ในใจไหวสะท้าน
ก็เห็นว่าในรายชื่อของหอบรรพจารย์ลัทธิวิญญาณมีชื่อของศิษย์พี่ยี่สิบจิ่งจงเยวี่ยอยู่ด้วย!
อีกทั้งบนนั้นยังเขียนกำกับว่าศิษย์พี่จิ่งจงเยวี่ยมีมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ ความสำเร็จของมรรคธนูเป็นเลิศสสมบูรณ์แบบ
‘งานถกมรรคเก้ายอดเขาครั้งก่อนทำให้ข้าได้พบศิษย์พี่เฉิงอวี๋ ครั้งนี้จะได้พบหน้าศิษย์พี่จิ่งจงเยวี่ยอีก นี่ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีเหนือคาดนัก’
หลินสวินฮึกเหิมในใจ
จิ่งจงเยวี่ยเป็นผู้มีมรรคธนูเป็นอันดับหนึ่งของคีรีดวงกมล มรรคธนูของเขามี ‘อำนาจแหวกนภา อานุภาพสะเทือนเทพ’ วิเศษอัศจรรย์หาใดเทียบ
เรื่องเหล่านี้หลินสวินล้วนฟังมาจากพวกศิษย์พี่คนอื่นๆ
“ดังคาด ตระกูลจี้ ตระกูลชาง และตระกูลเหวินสามตระกูลนี้ต่างก็ส่งบุตรเทพและธิดาเทพออกมาเช่นกัน”
ไม่ไกลนักหยวนฉางเทียนที่อ่านม้วนหยกเช่นเดียวกันเอ่ยปากเสียงเบา
“ผู้อาวุโสหยวนดูเหมือนจะพบเรื่องที่ต่างออกไป?”
เฉาเป่ยโต้วถามเสียงเบา
แม้จะเป็นผู้อาวุโสหอแรกนภาเช่นเดียวกัน ทว่ายามเผชิญหน้ากับหยวนฉางเทียน คำพูดและท่าทางของเฉาเป่ยโต้วล้วนเจือแววเคารพอยู่รำไร
“นี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร”
หยวนฉางเทียนเอ่ยปากง่ายๆ “พวกเจ้าดูในรายชื่อ ชางฝูเฟิงจากหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมด เป็นบุตรเทพจากเผ่าเทพตระกูลชางน่านฟ้าที่เก้า เขานิสัยรุนแรงดุจดั่งเพลิง เกรี้ยวกราดอหังการ ค่อนข้างมีชื่อเสียงในน่านฟ้าที่เก้า ไม่อาจไม่พูดว่าพรสวรรค์ของเขาเย้ยฟ้ายิ่ง สามารถควบคุม ‘ลมเทพเก้าเพลิง’ ได้ คนระดับเดียวกันทั่วๆ ไปต้านทานเพลิงสังหารของอภินิหารพรสวรรค์ระดับนี้ไม่ได้สักนิด”
“อีกคนคือเหวินเฉียวสุ่ยจากหอบรรพจารย์ลัทธิฌาน มาจากเผ่าเทพตระกูลเหวินน่านฟ้าที่เก้าเช่นเดียวกัน บรรลุมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ตั้งแต่สามร้อยปีก่อน เหตุที่ฝืนข่มจนบัดนี้ เกรงว่าคงเพราะอยากแสวงหามหามรรคเหนือธรรมดาในยามแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้น คนผู้นี้นิสัยสุขุมดุจขุนเขา สภาวะจิตแน่วแน่ดั่งศิลา หากบังเอิญเจอเข้า ต้องเป็นศัตรูตัวฉกาจที่รับมือยากแน่ๆ”
“ส่วนจี้ซานไห่จากหอบรรพจารย์ลัทธิวิญญาณคนนี้ ชื่อเหมือนบุรุษ แต่อันที่จริงเป็นบุตรสาวคนเล็กของเผ่าเทพตระกูลจี้ และได้รับความสำคัญจากตระกูลอย่างที่สุด สตรีผู้นี้ดูเหมือนอบอุ่นอ่อนโยน แต่เมื่อลงมือกลับมีอานุภาพยิ่งใหญ่คับฟ้าดิน ในน่านฟ้าที่เก้าก็ได้รับความเลื่อมใสอย่างสูงจากคนระดับเดียวกัน”
กล่าวถึงตรงนี้นัยน์ตาหยวนฉางเทียนก็อดทอแววแปลกไปไม่ได้ “น่านฟ้าที่เก้ามีประโยคหนึ่งที่กล่าวมาโดยตลอด หากใครสามารถกุมหัวใจของจี้ซานไห่ได้ คนผู้นั้นก็จะได้รับการสนับสนุนทุกประการจากทั้งเผ่าเทพตระกูลจี้ และยิ่งมีคนยกจี้ซานไห่ว่าเป็นเซียนที่ ‘เป็นเลิศในหมู่โฉมสะคราญ พิสุทธิ์หนึ่งเดียวในโลกีย์’”
นี่ทำให้เฒ่าชราที่มีชีวิตอยู่ไม่รู้นานเท่าไรอย่างพวกเฉาเป่ยโต้ว อวิ๋นเทียนหมิงได้ยินแล้วต่างใจลอยอยู่บ้าง ไม่อาจจินตนาการว่านี่ต้องเป็นสตรีที่งดงามปานใด ถึงสามารถเจิดจรัสได้ถึงเพียงนี้
“เฮ้อ ข้านึกไม่ถึงเลยว่าจี้ซานไห่ก็มากับเขาด้วย คราวนี้รับมือยากจริงๆ แล้ว”
หยวนฉางเทียนทอดถอนใจเบาๆ
ชางฝูเฟิง เหวินเฉียวสุ่ย และเขา ล้วนเป็นบุตรเทพเช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว
แต่กับจี้ซานไห่ เขากลับมีความเกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก
จี้ซานไห่มีชื่อเสียงในน่านฟ้าที่เก้ามากจริงๆ แม้แต่พวกผู้ยิ่งใหญ่ระดับนิรันดร์บางส่วนยังรู้ว่าเผ่าเทพตระกูลจี้มีไข่มุกกลางฝ่ามือที่ ‘พิสุทธิ์หนึ่งเดียวในโลกีย์’
“นาย… ผู้อาวุโสหยวนอย่าประเมินตัวเองต่ำไป การแข่งขันในแดนมารสิบทิศ ใครแพ้ใครชนะล้วนตัดสินในตอนท้ายสุด”
หยวนซีหลิวกล่าวเสียงเบา
เมื่อครู่เขาเกือบหลุดปากเอ่ยคำว่า ‘นายน้อย’ ออกมา
“ไม่ผิด ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเรามีผู้อาวุโสหยวน ไม่ค่อยกลัวเรื่องพวกนี้หรอก”
เฉาเป่ยโต้วยิ้มกล่าว
อวิ๋นเทียนหมิงก็พยักหน้าไม่หยุด
พวกเขามีชีวิตอยู่มานาน แต่ยามเผชิญหน้ากับหยวนฉางเทียนซึ่งมาจากน่านฟ้าที่เก้า ล้วนวางตัวพินอบพิเทากันทุกคน
“พี่หลินมองว่าอย่างไร”
เวลานี้หยวนฉางเทียนกลับทอดสายตามองทางหลินสวิน
“ข้าไม่คุ้นเคยกับพวกเขา จะว่าอย่างไรได้”
หลินสวินเอ่ยง่ายๆ
หยวนฉางเทียนยกยิ้ม “หากผู้อื่นกล่าวเช่นนี้ต้องเป็นพวกโง่เขลาไม่รู้จักกลัว แต่พี่หลินกล่าวเช่นนี้กลับเรียกได้ว่าหาญกล้าเต็มเปี่ยม”
เฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงล้วนอึ้งไป คล้ายนึกไม่ถึงว่าเหตุใดหยวนฉางเทียนจึงเกรงใจหลินสวินเพียงนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์