Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2842

สรุปบท ตอนที่ 2842 ท้าทายอย่างไม่ปิดบัง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 2842 ท้าทายอย่างไม่ปิดบัง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2842 ท้าทายอย่างไม่ปิดบัง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2842 ท้าทายอย่างไม่ปิดบัง

ราชครูดินทั้งหมดของลัทธิพ่อมดในที่นี้ มีจู่เหวินเหิงเป็นผู้นำ

เขาเป็นราชครูดินฝ่ายศึกในลัทธิพ่อมด มรรควิถีขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ เจ้าตัวยิ่งเป็นคนในตระกูลจู่ หนึ่งในสิบยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปด

เมื่อเห็นว่าทุกคนในที่นี้เผยไอสังหารต่อหลินสวินออกมา จู่เหวินเหิงกระแอมแห้งๆ คราหนึ่ง กล่าวเสียงเข้มว่า “ทุกคนอย่ารีบร้อน รอศึกมรรคอมตะเริ่มขึ้น เจ้าหลินสวินนี่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

“หากเขารอดชีวิตออกจากแดนมารสิบทิศจะทำอย่างไร”

มีคนถาม

“ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ หากเจ้าหมอนี่ยังสามารถรอดชีวิตกลับไปได้ เช่นนั้นก็มีแต่ยืนยันว่าสำนักของพวกเราไร้สามารถเกินไปแล้ว!”

จู่เหวินเหิงกล่าวเย็นชา

ประโยคเดียวทำเอาทุกคนในที่นั้นสีหน้าเปลี่ยนไปน้อยๆ

“นี่ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว สถานการณ์ในวันนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพสัมบูรณ์คนใดก็ตามในโลกก็ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาเช่นกัน นับประสาอะไรกับเจ้าตัวจ้อยขั้นดับเทพขั้นต้นคนหนึ่ง”

มีคนยิ้มเย็น

“ไม่ผิด ยิ่งกว่านั้นผู้ที่อยากกำจัดเขาหลินสวิน ไม่ได้มีเพียงลัทธิพ่อมดของพวกเราเท่านั้น”

มีคนสีหน้าเฉยชา

“รายงาน…! ผู้แข็งแกร่งลัทธิแรกกำเนิดทั้งหมดมาถึงแล้ว!”

เสียงประดุจอสนีบาตสายหนึ่งดังลอยมาจากไกลๆ

ทันใดนั้นทุกคนหยุดการสนทนา ทอดสายตามองไปโดยพร้อมเพรียง

ก็เห็นฟางเต้าผิงและหยวนซีหลิวสองคนอยู่ข้างหน้า ผู้เข้าร่วมอย่างพวกหลินสวินห้าคนอยู่ข้างหลัง พุ่งปราดเข้ามาทางนี้ด้วยกัน

“ข้าจู่เหวินเหิง คารวะเหล่าสหายจากลัทธิแรกกำเนิด!”

หน้าตำหนักภารเทพ จู่เหวินเหิงก้าวเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

หลังจากทักทายปราศรัยเสร็จ พวกหลินสวินทั้งขบวนถูกจัดให้นั่งที่นั่งข้างตำหนัก

หลังจากพวกหลินสวินและหยวนฉางเทียนห้าคนนั่งลงก็กลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ในที่นั้น

ยามสายตาของผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดเหล่านี้มองทางหยวนฉางเทียน ล้วนเก็บงำไว้ไม่น้อย ไม่กล้าโอหังปานนั้น เห็นชัดว่ารู้เช่นกันว่าเขามาจากน่านฟ้าที่เก้า มีฐานะพิเศษ

แต่ยามสายตาพวกเขามองหลินสวิน หลีเจิน เฉาเป่ยโต้ว และอวิ๋นเทียนหมิง ก็ไม่ได้เก็บงำขนาดนั้นแล้ว เปลี่ยนเป็นจองหองไร้เกรงกลัว เจือกลิ่นอายตรวจสอบอยู่รำไร

โดยเฉพาะสายตาที่มองหลินสวิน หลายคู่ล้วนแฝงไอสังหารเย็นเยียบ ไม่ได้ปิดบังใดๆ สักนิด

นี่ก็คือพฤติกรรมการวางตัวของผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมด ไม่เคารพฟ้าดิน ไม่เกรงกลัวเทพผี ไม่ยึดถือมารยาท ฉะนั้นจึงไม่ปิดบังความคิดใดๆ ต่อคู่ต่อสู้สักนิด

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินคร้านจะใส่ใจ

แม้ว่าที่นี่จะเป็นถิ่นของหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมด แต่พวกเขามาครั้งนี้ในฐานะตัวแทนของลัทธิแรกกำเนิด ต่อให้ผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดเหล่านี้จะโอหังแค่ไหนก็ไม่กล้าทำเรื่องเกินไปบางอย่าง

‘พี่หลินเจ้าดู นั่นก็คือชางฝูเฟิง’

ทันใดนั้นเสียงสื่อจิตของหยวนฉางเทียนก็ดังขึ้นข้างหูหลินสวิน เมื่อหันมองตามสายตาเขา ก็เห็นผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดห้าคนนั่งอยู่บนที่นั่งด้านข้างตำหนักภารเทพ

ห้าคนนี้คือผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดที่จะเข้าร่วมศึกมรรคอมตะ ชายสี่หญิงหนึ่ง กลิ่นอายแต่ละคนแข็งแกร่งน่าสะพรึง

ชางฝูเฟิงที่หยวนฉางเทียนพูดถึงนั่งอยู่ในตำแหน่งแรกทางซ้ายมือ สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ผิวขาวกระจ่าง ผมยาวสีดำทั่วศีรษะทิ้งตัวระช่วงเอว บนเครื่องหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยแววเย็นชาดุกร้าว

เมื่อรับรู้ถึงสายตาของหลินสวิน ชางฝูเฟิงค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น ก็เห็นดวงตาที่ประดุจหินสมบัติเปลวเพลิงวาวโรจน์คู่นั้นของเขามีเปลวเพลิงน่าสะพรึงไหลเวียน คล้ายสามารถแผดเผาเวิ้งฟ้า!

หากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป ถูกเขาจ้องเช่นนี้เกรงว่าสภาวะจิตคงสะเทือนไหว ขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว

แต่หลินสวินสงบนิ่งดังเดิม

มุมปากชางฝูเฟิงผุดเส้นโค้งแปลกประหลาดขึ้นเสี้ยวหนึ่ง ก่อนเก็บสายตากลับมา

หยวนฉางเทียนที่มองเห็นทุกอย่างนี้ในสายตาสื่อจิตเอ่ยถาม ‘เป็นอย่างไร พี่หลินเชื่อมั่นว่าจะจัดการกับบุตรเทพเผ่าเทพตระกูลชางผู้นี้ได้หรือไม่’

หลินสวินสื่อจิตตอบ ‘คนร้ายกาจเช่นนี้ก็มีเพียงคนอย่างพี่หยวนเท่านั้นจึงจะกำราบได้’

หยวนฉางเทียนอึ้งไป ก่อนยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดมากความอีก

ทันใดนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งติดกับชางฝูเฟิงก็หยัดตัวลุกขึ้น เดินตรงดิ่งเข้ามาทางหลินสวิน

เขาผิวดำแดด โครงร่างใหญ่กำยำ ยามเดินดุจภูเขาลูกหนึ่งเคลื่อนขวาง เจือกลิ่นอายแข็งกร้าวกดข่มผู้คนอย่างที่สุด

หั่วเซียว!

หนึ่งในห้าผู้แข็งแกร่งตัวแทนลัทธิพ่อมดที่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะในครั้งนี้ มรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ เป็นผู้อาวุโสฝ่ายศึกคนหนึ่ง

ยามเห็นเขาเดินไปหาหลินสวิน สายตามากมายล้วนถูกดึงดูดให้มองมาอย่างอดไม่ได้

“เป็นเจ้าเองหรือที่เอาชนะสิงจวิ้น”

หั่วเซียวยืนตรงหน้าหลินสวิน ปรายตามองจากมุมสูง เอ่ยปากเหยียดหยัน

“ไม่ผิด”

หลินสวินหยิบน้ำเต้าสุราขึ้นดื่ม

หั่วเซียวยกปากยิ้ม เผยเรียวฟันขาวกล่าวว่า “ตอนนี้ศึกมรรคอมตะยังไม่เริ่ม ไม่สู้เจ้ากับข้าสู้กันสักตาเป็นอย่างไร ข้ารับรองว่าจะไม่ทุบตีเจ้าจนตาย”

ในที่นั้นฮือฮา

เฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงสบตากันปราดหนึ่ง ในใจอดมีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่นไม่ได้

ศึกมรรคอมตะยังไม่ทันเริ่มก็มีคนเดินอาดๆ เข้ามาหาเรื่องถึงที่ จากจุดนี้เห็นได้ว่าหลินสวินทำให้ผู้อื่นชิงชังมากแค่ไหน

ไกลออกไปคนใหญ่คนโตลัทธิพ่อมดทั้งกลุ่มล้วนยิ้มมองภาพเหตุการณ์นี้ สีหน้านึกสนุก ไม่ได้ไปขัดขวางแต่อย่างใด

หยวนฉางเทียนแววตาวาบประกาย นิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ

หยวนซีหลิวก้มหน้า ไม่มีท่าทีจะสนใจ

ส่วนฟางเต้าผิงขมวดคิ้วน้อยๆ

ก็เห็นหลินสวินเก็บน้ำเต้าสุรา หยัดตัวลุกขึ้นกวาดสายตามองรอบบริเวณ สุดท้ายก็มองหั่วเซียวที่อยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มกล่าวว่า “เอาสิ เจ้าเลือกสถานที่ ข้ารับรองว่าจะไม่ให้เจ้าแพ้อย่างน่าเกลียดเกินไป ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นถิ่นของลัทธิพ่อมดของพวกเจ้า” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า

ทั่วตำหนักฮือฮา

ใครต่างก็ไม่คาดคิดว่าหลินสวินจะตอบตกลงตรงๆ!

แม้แต่หยวนฉางเทียน เฉาเป่ยโต้ว อวิ๋นเทียนหมิงยังอึ้งไป คิดไม่ถึงว่าหลินสวินทนคำยั่วยุไม่ได้ และตอบรับตรงๆ เช่นนี้ได้อย่างไร

เดิมฟางเต้าผิงยังอยากพูดอะไร แต่เห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ยิ้มขื่น

ตอบตกลงไปแล้ว หากไปห้ามปรามอีก ก็ออกจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าลัทธิแรกกำเนิดของพวกเขาหวาดกลัว

แม้แต่ตัวหั่วเซียวยังอึ้งไปเช่นกัน ยิ้มแสยะกล่าว “ในเมื่อเป็นการต่อสู้ เอาแถวตำหนักภารเทพแห่งนี้ก็ได้”

“ช้าก่อน!”

ทันใดนั้นจู่เหวินเหิงที่อยู่ไกลออกไปเอ่ยปากเสียงเย็น “หั่วเซียว ต่อให้เจ้ารีบร้อนต่อสู้แค่ไหนก็ต้องไว้หน้าสหายจากลัทธิแรกกำเนิดสักหน่อย ศึกมรรคอมตะใกล้จะเริ่มขึ้นเร็วๆ นี้แล้ว หากเจ้ามีความสามารถจริงก็ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในแดนมารสิบทิศ”

หลินสวินประสานหมัดคารวะ

ชื่อเย่ยิ้มน้อยๆ มองทุกคนข้างตัวพวกเขาแล้วกล่าวว่า “ทุกคน นี่ก็คือผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดหลินสวิน ศิษย์พุทธอวี่เฟิงจื่อก็พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของสหายน้อยหลินสวินในงานถกมรรคเก้ายอดเขาในปีนั้น”

เขาเอ่ยพูดเรียบเรื่อย ฟังอารมณ์ใดๆ ไม่ออก

“คารวะสหายยุทธ์”

พวกขู่เสวียนโค้งคารวะทั้งหมด

ไม่ตีคนหน้ายิ้ม หลินสวินย่อมต้องคารวะตอบทุกคนเช่นกัน

มีเพียงเหวินเฉียวสุ่ยที่แค่พยักหน้าน้อยๆ

บรรยากาศนี้แปลกพิกลยิ่ง

ไม่ว่าใครล้วนมองออก ผู้แข็งแกร่งลัทธิฌานเหล่านั้นจ้องเล่นงานหลินสวินอย่างเห็นได้ชัด แต่ยามที่พวกเขาต่างฝ่ายต่างแสดงความเคารพกันกลับเรียบเรื่อยสบายๆ ไม่โจ่งแจ้ง

แน่นอนว่าไม่มีใครเปิดโปงเรื่องพวกนี้

เฉาเป่ยโต้ว อวิ๋นเทียนหมิงที่มองดูอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดถึงขั้นกล้ายืนยันว่าหลังจากเข้าแดนมารสิบทิศ หากภิกษุลัทธิฌานเหล่านี้เจอหลินสวิน เกรงว่าจะกลายร่างเป็นโพธิสัตว์ปราบมาร สำแดงวิชาเกรี้ยวกราดรุนแรงในทันที

สาเหตุง่ายดายยิ่ง เพราะศิษย์พุทธอวี่เฟิงจื่อเคยถูกหลินสวินตัดมรรควิถีในคราวเดียว!

นี่เป็นแค้นฝังลึกที่ไม่อาจคลี่คลาย!

ไม่นานนักกลางฟ้าดินก็มีเสียงรายงานสายหนึ่งดังขึ้นมาอีก

“รายงาน…! ผู้แข็งแกร่งลัทธิวิญญาณมาถึงแล้ว!”

ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งสามหอบรรพจารย์อย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และลัทธิแรกกำเนิดในที่นี้ล้วนหยุดการสนทนา ทอดสายตามองไปไกลๆ โดยพร้อมเพรียง

หาใช่เพราะหอบรรพจารย์ลัทธิวิญญาณมีอะไรพิเศษ

หากแต่เป็นเพราะในผู้เข้าร่วมศึกห้าคนที่หอบรรพจารย์ลัทธิวิญญาณส่งมาในครั้งนี้ มีธิดาเทพจากน่านฟ้าที่เก้าคนหนึ่ง!

หลินสวินรับรู้ได้อย่างฉับไวว่าหยวนฉางเทียนที่ลุ่มลึกเก็บงำเสมอมา เวลานี้ถึงกับมีอาการตื่นเต้นหน่อยๆ อยู่บ้าง แววตาเจือความตั้งตาคอย และมีความเกรงกลัวอย่างผิดประหลาด

ไม่นานรุ้งเทพสว่างไสวแถบหนึ่งก็ปรากฏบนเวิ้งฟ้าไกลโพ้น

ผู้นำคือใบหน้าที่ทำให้หลินสวินคุ้นตาคนหนึ่ง

จอมวิญญาณชิงอวิ๋น!

ตำแหน่ง ‘จอมวิญญาณ’ ของลัทธิวิญญาณ เทียบเท่ารองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิด จอมมุนีลัทธิฌาน และราชครูดินลัทธิพ่อมด

ข้างหลังจอมวิญญาณชิงอวิ๋นคือผู้เข้าร่วมศึกห้าคน

ชายสี่หญิงหนึ่ง

ทว่าเมื่อพวกเขาทั้งขบวนมาถึง กลับมีเพียงสตรีคนนั้นที่กลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ในที่นี้

นางรูปร่างสูงระหงยิ่งยวด เพรียวบางงดงาม สวมชุดสีเข้มตัวหลวมเรียบง่าย ผมยาวดำสนิทดุจสีหมึกถูกมวยขึ้นด้วยปิ่นปักผมสีเขียวมรกต เผยให้เห็นดวงหน้าพิสุทธิ์งดงามขาวเนียน

ความงามของนางดุจดั่งกล้วยไม้ป่ากลางหุบเขาลึก นิ่งสงบเหนือโลกีย์ โดดเด่นเพียงหนึ่งเดียว

จี้ซานไห่!

นางถูกยกย่องว่า ‘เป็นเลิศในหมู่โฉมสะคราญ พิสุทธิ์หนึ่งเดียวในโลกีย์’ ถูกมองเป็นไข่มุกกลางฝ่ามือของเผ่าเทพตระกูลจี้

ในน่านฟ้าที่เก้า พวกผู้ยิ่งใหญ่ระดับนิรันดร์มากมายล้วนเคยได้ยินชื่อเสียงของนาง!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์