Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2855

สรุปบท ตอนที่ 2855 ทัพสัตว์ปีศาจ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 2855 ทัพสัตว์ปีศาจ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 2855 ทัพสัตว์ปีศาจ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 2855 ทัพสัตว์ปีศาจ

หลีเจินเข้าใจในทันที

หากสังหารหยวนฉางเทียนเวลานี้ หยวนซีหลิวที่รออยู่นอกแดนมารสิบทิศย่อมไม่เลิกรา และเผ่าเทพตระกูลหยวนแห่งน่านฟ้าที่เก้าก็จะไม่ยอมเลิกราเป็นแน่

ถึงขั้นที่กลับถึงลัทธิแรกกำเนิด คนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นก็จะใช้จุดนี้เป็นข้ออ้าง สร้างความลำบากให้แก่หลินสวิน!

กลับกันหากให้หยวนฉางเทียนมีชีวิตอยู่ เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น และจะทำให้ความคิดของศัตรูจดจ่ออยู่กับตัวหยวนฉางเทียน ให้เวลาผงาดแก่หลินสวินได้มากยิ่งขึ้น

นี่ไม่ใช่หวั่นเกรง หากแต่เป็นการชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสีย

ชั่วขณะเดียวแววตาที่หลีเจินมองหลินสวินก็เปลี่ยนไปจากเดิมแล้วเช่นกัน

ช่วงก่อนหน้านี้ภาพจำที่เขามีต่อหลินสวินก็คือผู้ที่รากฐานพลังน่าสะพรึง พลังต่อสู้เย้ยฟ้า ความกล้าเปี่ยมล้น เสมือนว่าเรื่องราวในโลกไม่มีสิ่งใดที่เขาเกรงกลัว

แต่เมื่อร่วมเคลื่อนไหวเคียงข้างหลินสวินในช่วงนี้ เขาจึงพบว่าหลินสวินรู้อะไรควรไม่ควร จะทำสิ่งใดก็รู้จักวางแผนการ

นี่เห็นชัดว่าหาตัวจับยากยิ่ง

“ผู้อาวุโส ต่อจากนี้ข้าตั้งใจจะล่าสัตว์ระเบียบเป็นหลัก พยายามเลื่อนขั้นพลังปราณขึ้นไปอีกขั้นก่อนเข้าแดนมารปฐพีในอีกเก้าปีให้หลัง”

หลินสวินกล่าว

เวลาสองเดือนก็ทำให้พลังปราณในตัวเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง ก้าวสู่ขั้นดับเทพขั้นกลาง นี่ทำให้หลินสวินตั้งตาคอยการเคลื่อนไหวต่อจากนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

เขารู้ดียิ่ง หากไม่มีโอกาสเข้าร่วมศึกมรรคอมตะครั้งนี้ คิดอยากทะลวงขั้นมรรควิถีภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ยังไม่รู้ว่าต้องเปลืองเวลาอีกกี่ปี

แต่แดนมารสิบทิศไม่เหมือนกัน

ที่นี่สัตว์ระเบียบกระจายตัวทั่วทุกแห่ง สามารถไล่ล่าไขว่คว้าพลังระเบียบอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย แม้ว่าพลังระเบียบเหล่านี้ล้วนมีข้อบงพร่อง แทบไม่เจอชิ้นที่สมบูรณ์ก็ตาม

แต่สำหรับการฝึกปราณขั้นดับเทพกลับเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าในโลก!

ทว่าหลินสวินตระหนักได้ว่าเมื่อพลังปราณทะลวงถึงขั้นดับเทพขั้นกลาง พลังระเบียบที่ต่ำกว่าระดับปฐพีขั้นหกก็ยากจะส่งผลสักกี่มากน้อยแล้ว

หรือกล่าวได้ว่าพลังระเบียบที่ต่ำกว่าระดับปฐพีขั้นหก ย่อมไม่มีประโยชน์ต่อการเลื่อนขั้นพลังปราณหลินสวินแล้ว

นี่เป็นความจริงที่ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนใดล้วนต้องเผชิญ

ยามอยู่ห้าระดับล่าง หญ้าวิญญาณโอสถวิญญาณใดๆ บางส่วนล้วนทำให้พลังปราณรุดหน้าแบบก้าวกระโดดได้

แต่เมื่อมรรควิถีเลื่อนระดับ ทรัพยากรฝึกปราณที่สามารถเติมเต็มการเคี่ยวกรำในตัวนับวันก็เริ่มหายากและน้อยลงทุกที

นี่ยังเป็นโลกยอดนิรันดร์ หากหลินสวินเอาแต่อยู่ที่ทางเดินโบราณฟ้าดารา จนตอนนี้เกรงว่ายังไม่รู้เลยว่าจะแจ้งมรรคอมตะได้หรือไม่!

ฉะนั้นสำหรับโอกาสนี้ หลินสวินย่อมหวงแหนเป็นพิเศษ

สำหรับการตัดสินใจของหลินสวิน หลีเจินย่อมไม่ติดอะไร

หลังจากนั้นเงาร่างหลินสวินและหลีเจินปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของเทือกเขาหมื่นห้วย ลุยน้ำข้ามภูเขา ล่าสัตว์ปีศาจ ยามเหนื่อยล้าก็นั่งขัดสมาธิฝึกปราณ เมื่อพลังกายฟื้นฟูก็บุกตะลุยต่อ…

วันเวลาผ่านไปอย่างสมบูรณ์ถึงขีดสุด

ครึ่งปีให้หลัง

หลินสวินและหลีเจินออกจากเทือกเขาหมื่นห้วย มุ่งหน้าสู่ทะเลทรายหินดำหนึ่งในสามสถานที่อันตรายของแดนมารบูรพา

พื้นที่ล้านลี้ในเทือกเขาหมื่นห้วยล้วนถูกทั้งคู่กวาดเรียบราบคาบหมดแล้ว สังหารสัตว์ปีศาจระดับปฐพีไปเกือบห้าร้อยตัว แต่จำนวนสัตว์ปีศาจระดับสวรรค์กลับมีเพียงน้อยนิด รวมทั้งสิ้นมีไม่ถึงยี่สิบตัว

จากจุดนี้จะเห็นถึงความหายากของสัตว์ปีศาจระดับสวรรค์

หนึ่งปีให้หลัง

หลินสวินและหลีเจินออกจากทะเลทรายหินดำ

ผลเก็บเกี่ยวในครั้งนี้ยิ่งน้อยกว่าเดิม ท้ายที่สุดก็ล่าสัตว์ปีศาจระดับปฐพีได้ไม่ถึงสองร้อยตัว และสัตว์ปีศาจระดับสวรรค์อีกเพียงหกตัวเท่านั้น

สาเหตุเป็นเพราะสถานที่อันตรายแถบนี้ ถูกหยวนฉางเทียนพาพวกเฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิงมาล่าตั้งแต่ยามศึกมรรคอมตะเพิ่งเริ่มขึ้นนานแล้ว

การเลื่อนขั้นของพลังปราณหลินสวินไม่มากนัก ไม่ได้รุดหน้าก้าวกระโดดเหมือนตอนแรกแล้ว แต่ก็ดีกว่าเคี่ยวกรำที่โลกภายนอกเป็นร้อยเท่าพันเท่า

จากการสันนิษฐานของหลินสวินเอง หากอยากเลื่อนขั้นพลังปราณได้อย่างก้าวกระโดดเหมือนก่อนหน้านี้อีก จำเป็นต้องหลอมพลังระเบียบระดับสวรรค์จำนวนมาก

ส่วนระเบียบระดับปฐพีเหล่านั้น ประสิทธิภาพที่มีก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว

สุดท้ายหลินสวินเก็บพลังระเบียบระดับปฐพีที่รวบรวมมาได้เหล่านี้เอาไว้ทั้งหมด ตั้งว่าจะมอบให้สหายในภายหน้า

ช่วยไม่ได้ ‘สมบัติล้ำค่า’ ที่คนในโลกภายนอกตาลุกวาวเช่นนั้น แม้แต่วิญญาณระเบียบอู๋ซวงยังไม่ชายตามอง…

แดนมารบูรพามีสถานที่อันตรายรวมทั้งสิ้นสามแห่ง นอกจากเทือกเขาหมื่นห้วยและทะเลทรายหินดำ ยังมีอีกสถานที่นามว่า ‘ทะเลมารปั่นป่วน’

เพียงแต่หลังจากหลินสวินและหลีเจินมาถึง จึงพบว่าหยวนฉางเทียนกำลังทะยานอยู่ในพื้นที่อันตรายนี้ และล่าสัตว์ระเบียบไปไม่น้อยแล้ว

สำหรับเรื่องนี้หลินสวินก็คร้านจะแก่งแย่งกับหยวนฉางเทียน และตัดสินใจออกจากแดนมารบูรพา

ในแดนมารสิบทิศ นอกจากแดนมารปฐพี แดนมารสวรรค์ ยังมีแดนมารอีกแปดแห่ง

และขุมอำนาจที่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะ ทั้งผู้เข้าร่วมศึกจากสี่หอบรรพจารย์และผู้เข้าร่วมศึกจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ล้วนถูกเคลื่อนย้ายไปยังแปดแดนมารที่แตกต่างกัน

แต่หลินสวินกล้ามั่นใจว่าในแดนมารเหล่านี้ต้องยังมีพื้นที่ที่ยังไม่เคยถูกกวาดล้างอีกมากมาย

ขอเพียงเร่งทำเวลา ต้องสามารถแย่งพลังระเบียบได้มากขึ้นแน่

และเป็นเวลานี้เอง หลินสวินถึงเพิ่งเข้าใจความหมายของศึกมรรคอมตะ ผู้เข้าร่วมศึกจากแต่ละขุมอำนาจแข่งขันโดยยึดสัตว์ระเบียบเป็นเป้าหมาย สิ่งที่แก่งแย่งก็คือพลังระเบียบเหล่านี้

นี่สามารถนับเป็นคะแนนต่อสู้ เป็นเครื่องยืนยันในการจัดอันดับยามศึกมรรคอมตะปิดม่าน

และนี่ยังเป็นศุภโชคชิ้นใหญ่ยิ่งเช่นกัน ถึงอย่างไรใครจะรังเกียจว่าพลังระเบียบมีมากเกินไปกันเล่า

“ไปแดนมารอาคเนย์”

หลินสวินทำการตัดสินใจ

ทว่าสำหรับหลินสวิน ความก้าวหน้าระดับนี้ก็ไม่เลวแล้ว

อย่างน้อยหากไม่ได้เข้าร่วมศึกมรรคอมตะในครั้งนี้ เขายังไม่กล้าจินตนาการว่าหากต้องการให้พลังปราณทะลวงขั้นดับเทพขั้นปลายจะต้องเสียเวลายาวนานขนาดไหน

เวลาพันปียังถือว่าน้อยไป!

“ไม่อาจไม่พูด ข้าอยู่มานานขนาดนี้ เจ้าหนูอย่างเจ้าเป็นคนเดียวที่ทะลวงสู่ขั้นดับเทพได้เร็วที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอ”

หลีเจินทอดถอนใจ ไม่อาจกลบซ่อนความสะเทือนไหวภายในใจได้จริงๆ

หากอยู่ที่โลกภายใน ความเร็วในการเลื่อนขั้นเช่นนี้ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง สามารถสร้างสถิติที่ไม่มีใครทำลายได้!

“ใครใช้ข้ามีพลังปราณเพียงขั้นดับเทพขั้นต้นยามเข้าร่วมศึกมรรคอมตะเล่า”

หลินสวินก็ยิ้มขึ้นมาเช่นกัน

ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละขุมอำนาจที่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะครั้งนี้ แทบทุกคนล้วนมีมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ ต่อให้พลังระเบียบที่พวกเขาได้รับจะมากแค่ไหนก็ไม่ได้มีส่วนช่วยต่อพลังปราณในตัวสักเท่าไรนัก

อย่างเช่นหลีเจินที่บอกหลินสวินตั้งแต่ต้นแล้วว่าเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพลังระเบียบเหล่านี้

ผู้เข้าร่วมศึกอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน

เช่นนี้ก็ขับเน้นให้การเลื่อนขั้นของหลินสวินดูก้าวกระโดดรวดเร็วยิ่ง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลินสวินกำลังอาศัยพลังระเบียบที่ไขว่คว้ามาได้ ไล่ตามผู้เข้าร่วมศึกคนอื่นๆ ในแดนมารสิบทิศในแง่พลังปราณ!

แต่หากพูดถึงพลังต่อสู้ นี่ก็ไม่เหมือนกันแล้ว

อย่างน้อยตอนอยู่ขั้นดับเทพขั้นต้น หลินสวินก็สังหารผู้เข้าร่วมศึกไปไม่น้อย

และเขาในตอนนี้กำลังจะทะลวงจากขั้นดับเทพขั้นกลางสู่ขั้นดับเทพขั้นปลาย!

วันนั้นหลินสวินหาสถานที่ปักหลักแห่งหนึ่ง วางประทับผนึกเวลา และนำพลังระเบียบระดับสวรรค์ต้นกำเนิดที่รวบรวมมาได้ในระยะนี้ออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ก่อนเริ่มนั่งสมาธิฝึกปราณ

หลีเจินก็คอยคุ้มครองอยู่ด้านข้าง

ห้าวันให้หลัง

จู่ๆ กลางฟ้าดินก็เกิดเสียงสนั่นอึงอลอื้ออึงขึ้นระลอกหนึ่ง ฟ้าดินสะเทือนไหว จากนั้นเสียงสัตว์ปีศาจระลอกแล้วระลอกเล่าดังลอยมาจากบริเวณไกลโพ้น กึกก้องประหนึ่งเสียงฟ้าคำรามกัมปนาท

ตูมโครม! ตูมโครม!

แรงสะเทือนนั้นรุนแรงเกินไป ทำเอาหลีเจินใจเต้นเนื้อกระตุกไประลอกหนึ่งเช่นกัน เขาดีดตัวผึง ก็เห็นกลางฟ้าดินไกลโพ้นปรากฏเส้นสีดำยาวเหยียดสายหนึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วน่าตกใจ

สิ่งที่รวมตัวจนกลายเป็นเส้นสีดำพาดขวางกลางฟ้าดินนั่น ถึงกับเป็นเงาร่างสัตว์ระเบียบจำนวนนับไม่ถ้วน ปกคลุมฟ้าดินดุจดั่งกระแสน้ำเชี่ยว พวกมันร้องคำรามคลั่ง เหมือนกลายเป็นกระแสน้ำที่หอบม้วนภูผาธารา ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี สุริยันจันทราหม่นแสง ผืนดินล้วนสะเทือนรุนแรงประหนึ่งจะพังถล่ม

อานุภาพระดับนั้นทำให้หลีเจินยังอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้

ทัพสัตว์ปีศาจ!

ภัยพิบัติท่วมฟ้าอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของสัตว์ระเบียบนับไม่ถ้วน!

…………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์