Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2876

ตอนที่ 2876 ไม่อาจกำราบ

ใต้ฟ้า

หลินสวินหยัดตัวขึ้น ในใจสั่นไหวระลอกหนึ่ง

สิบปีสั้นๆ!

ตนเลื่อนจากขั้นดับเทพขั้นต้นเข้าสู่ขั้นดับเทพสมบูรณ์

ตอนนี้ยิ่งแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นแล้ว ไม่ถูกกฎระเบียบฟ้าดินจำกัดอีกต่อไป!

ก่อนมาเข้าร่วมศึกมรรคอมตะ หลินสวินไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ

“หลินสวิน มรรควิถีมั่นคงแล้วหรือไม่”

ไกลออกไปเสียงของจี้ซานไห่ดังขึ้น

หลินสวินพยักหน้า

ในระหว่างการข้ามด่านเคราะห์ เขามองอสนีเคราะห์เป็นการเคี่ยวกรำ จนกระทั่งแจ้งมรรคทะลวงขั้น มรรควิถีได้กลั่นหลอมแปรสภาพหลายครั้ง แม้เพิ่งก้าวสู่ขั้นหลุดพ้นรากฐานก็แข็งแกร่งหาที่เปรียบไม่ได้

“พวกเจ้าเข้าไปพร้อมกัน”

จู่ๆ จี้ซานไห่ก็พูดขึ้น

จากนั้นถานหลิวอวิ๋น ผูซงจื่อ เยวี่ยโหยวเฟิงก็ทะลวงอากาศขึ้นมา พุ่งเข้าหาหลินสวิน

หลินสวินอึ้งไป “นี่จะทำอะไร”

“ศิษย์น้อง พวกเขากำลังช่วยให้เจ้าคุ้นเคยกับพลังของขั้นหลุดพ้น”

จิ่งจงเยวี่ยที่อยู่ไกลๆ คลี่ยิ้ม “เช่นนี้สามารถทำให้เจ้าควบคุมและสำแดงอานุภาพของขั้นนี้ได้เร็วกว่า” ท่าทางชื่นมื่นชมดูความครื้นเครง

หลินสวินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

ตูม!

ไม่ไกลนักพวกถานหลิวอวิ๋นโจมตีเข้ามาแล้ว แต่ละคนกฎเกณฑ์บนร่างตัดสลับ ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม พลังที่ชัดนำมาในทุกการเคลื่อนไหวไม่ใช่สิ่งที่ขั้นดับเทพจะเทียบได้สักนิด

มองอย่างละเอียด ยามพวกเขาลงมือมรรคเคลื่อนตามร่าง วิชาเกิดจากใจ เหมือนอยู่เหนือฟ้าดิน มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่โดดเด่นอย่างหนึ่ง

กฎเกณฑ์อมตะที่แต่ละคนครอบครองล้วนแปรสภาพอย่างสิ้นเชิงแล้ว เหนือกว่าขั้นดับเทพ อานุภาพที่สั่งสมแข็งแกร่งกว่าขั้นดับเทพไม่เพียงแค่เท่าตัว!

หมัดง่ายๆ หนึ่งหมัด กลับประทับพันหมื่นวิชา มหามรรคมากมาย แค่อานุภาพก็สะเทือนจิตใจ สามารถทำให้ขั้นดับเทพสิ้นหวังได้

นี่ไม่เกินจริงอย่างแน่นอน พลังของขั้นหลุดพ้นไม่ถูกกฎระเบียบฟ้าดินจำกัด เป็นพลังสูงสุดบนมรรคาอมตะ!

ถานหลิวอวิ๋น ผูซงจื่อ เยวี่ยโหยวเฟิงล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าของลัทธิวิญญาณ แม้เพิ่งแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นได้ไม่นานเหมือนหลินสวิน แต่ฝีมือการต่อสู้ไม่ใช่ธรรมดา

ตอนนี้พวกเขาลงมือพร้อมกัน พวกจี้ซานไห่เห็นแล้วยังมีสีหน้าจริงจัง

ภายใต้การจู่โจมระดับนี้ หลินสวินควรจะต้านทานอย่างไร

กลับเห็นหลินสวินยืนอยู่ที่เดิม เงาร่างไม่ขยับ แต่กลับมีพลังกฎเกณฑ์ไร้รูปตัดสลับออกมารอบตัว เหมือนหุบเหวที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา

เขายืนอยู่ตรงนั้นแท้ๆ กลับให้ความรู้สึกราวกับล่วงพ้นเวิ้งฟ้า ยืนอยู่นอกชั้นฟ้า

การโจมตีของพวกถานหลิวอวิ๋นสามคนอหังการและแข็งกร้าวเพียงใด แต่ยามโจมตีมาถึงเบื้องหน้าหลินสวิน ก็ถูกพลังกฎเกณฑ์ไร้รูปชั้นนั้นสลายไป

ไม่อาจแตะต้องเสื้อผ้าเขาด้วยซ้ำ!

พวกถานหลิวอวิ๋นนัยน์ตาหดรัด ลงมืออีกครั้งโดยไม่ได้ลังเลสักนิด บ้างใช้ประทับฝ่ามือกำราบ บ้างใช้ปราณกระบี่ฟันอย่างดุดัน บ้างใช้วิชาลับโจมตี

พลังกฎเกณฑ์พราวตาส่องสว่างนภาคราม กลิ่นอายทำลายล้างอันน่ากลัวสามารถทำให้คนในระดับเดียวกันหน้าเปลี่ยนสีได้ แต่การจู่โจมทั้งหมดนี้ยังคงถูกพลังรอบๆ ร่างหลินสวินสลายไปทั้งหมด!

เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับสักนิด มั่นคงดุจหินผา ไม่อาจสั่นคลอนได้

จี้ซานไห่ จิ่งจงเยวี่ย หลีเจินต่างอดตกใจไม่ได้ พวกเขาจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าแม้หลินสวินและพวกถานหลิวอวิ๋นอยู่ในระดับขั้นเดียวกัน แต่ศักยภาพระหว่างกันกลับคล้ายจะแตกต่างกันมาก!

“ทั้งสามท่าน โปรดลงมืออย่างกำลัง อย่าได้ออมมือ” หลินสวินพูดอย่างจริงจัง

ถานหลิวอวิ๋น ผูซงจื่อ เยวี่ยโหยวเฟิงสบตากัน สูดหายใจลึก สำแดงพลังของขั้นหลุดพ้นทั้งหมดในร่างออกมา

ตูมโครม

ในที่สุดเงาร่างของหลินสวินก็ถูกสั่นคลอนแล้ว พลังกฎเกณฑ์รอบตัวกระเพื่อมไหวรุนแรง

แต่พวกถานหลิวอวิ๋นกลับไม่อาจดีใจได้

ทุ่มเต็มกำลังกลับทำได้เพียงกระทบพลังกฎเกณฑ์รอบตัวหลินสวินเท่านั้น เช่นนั้นหากหลินสวินลงมือ พวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้อย่างไร

นี่ห่างชั้นกันมากเกินไปจริงๆ!

ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกเขาล้วนหนาวเยือกในใจ

“ดูท่าว่าหากอยากเห็นฝีมือของหลินสวิน แค่พวกเขาสามคนคงไม่ไหว”

จี้ซานไห่นัยน์ตากระจ่างดุจสายน้ำ เอ่ยด้วยสีหน้าใคร่ครวญ

“ข้าไปด้วย”

หลีเจินว่าพลางทะยานอากาศเข้ามา เข้าร่วมการต่อสู้

หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็จนใจอย่างอดไม่ได้

ที่เขาไม่ได้ลงมือก็เพราะยังกังวลอยู่เล็กน้อย

หากกำราบพวกถานหลิวอวิ๋นในทันที เกรงจะกระทบต่อจิตต่อสู้ของพวกเขา แต่หากยั้งมือ จงใจทำเป็นอ่อนแอ ก็จะดูไม่เคารพพวกเขาอีก

ดังนั้นตั้งแต่เริ่มต่อสู้เขาจึงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ หมายจะให้อีกฝ่ายยอมเก็บมือไปเอง

แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้แม้แต่ผู้อาวุโสหลีเจินก็เข้าร่วมด้วย

“ผู้อาวุโส ท่านทำให้ข้าลำบากแล้ว”

หลินสวินยิ้มขื่น

“หากเจ้าไม่อยากให้พวกเราสร้างความลำบากให้ ก็แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา ให้พวกเราได้ดูว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนในระดับขั้นนี้”

หลีเจินเอ่ยเสียงดัง

หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป

ในที่นั้นเหลือเพียงจิ่งจงเยวี่ยและจี้ซานไห่ที่ยังต่อสู้อย่างดุเดือดกับหลินสวิน

เห็นดังนี้ถานหลิวอวิ๋นที่ดูอยู่ไกลๆ อดพึมพำขึ้นไม่ได้ “มรรคายอดอมตะไม่ใช่สิ่งที่้พวกเราจะไล่ได้ทันดังคาด วิปริตเกินไปแล้ว…”

คนอื่นๆ ล้วนเห็นด้วย

พวกเขาก้าวสู่ขั้นหลุดพ้นเช่นกันกัน มั่นใจว่ารากฐานหนาแน่น พลังปราณแข็งแกร่ง แต่ในการประชันกับหลินสวินกลับล้วนดูหม่นแสง

ผูซงจื่อถอนหายใจ “ด้วยมรรควิถีของเขาในตอนนั้น ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นขั้นกลางมาเองก็คงทำอะไรเขาไม่ได้”

พวกเขาประสบการณ์กว้าง ในหลายปีมานี้เคยเห็นความองอาจของผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นมามากมาย เปรียบเทียบคร่าวๆ ก็รู้ว่าแม้หลินสวินเพิ่งแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้น แต่ความแข็งแกร่งของมรรควิถีสามารถเทียบกับขั้นหลุดพ้นขั้นกลางได้!

แต่อย่างไรนี่ก็เป็นการเปรียบเทียบจากประสบการณ์ในอดีต หลินสวินแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันแน่ และสามารถประชันกับผู้แข็งแกร่งได้ถึงระดับใด พวกเขาเองก็ไม่กล้าไปตัดสิน

ถึงอย่างไรหนทางที่หลินสวินเดินก็คือมรรคายอดอมตะ ไม่สามารถใช้หลักเหตุผลทั่วไปวัดได้

ครู่ใหญ่หลังจากนั้นจู่ๆ หลินสวินที่ต่อสู้อยู่ก็พูดขึ้น “ศิษย์พี่ แม่นางซานไห่ พอเท่านี้ดีหรือไม่”

ขณะพูดเขาก็ถอยห่างออกมาด้วย

เห็นชัดว่าจิ่งจงเยวี่ยยังไม่หนำใจ แต่ก็รู้ดีว่าขืนต่อสู้ต่อไป หลินสวินอาจจะไม่แพ้ และเกรงว่าเขาจะยืนหยัดไม่อยู่

หลินสวินหยุดการต่อสู้ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการไว้หน้าศิษย์พี่อย่างเขา

“เจ้ายังออมมืออยู่อีกหรือ”

แววตาของจี้ซานไห่ซับซ้อนอยู่บ้าง นางรู้ชัดว่าต่อให้สู้กันมาถึงตอนนี้ หลินสวินก็ไม่ได้เผยพลังต่อสู้เต็มที่ออกมาอย่างแท้จริง

ส่วนพวกเขาลงมือพร้อมกัน ยังไม่สามารถบีบให้หลินสวินใช้พลังทั้งหมดได้ เทียบกันคร่าวๆ ก็ตัดสินได้แล้ว

“เพิ่งทะลวงขั้น ยืนหยัดได้ไม่นาน”

หลินสวินยิ้มพูด

การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว

หลินสวินเริ่มนั่งสมาธิ สร้างความมั่นคงให้มรรควิถีอีกขั้น

เป็นอย่างที่เขาพูด ตอนนี้เขาเพิ่งแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้น นัยเร้นลับและศักยภาพแฝงในระดับขั้นนี้ยังต้องศึกษาและเคี่ยวกรำให้มากขึ้น

แต่จากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ก็ทำให้หลินสวินสัมผัสได้คร่าวๆ ว่าพลังต่อสู้ที่ตนครอบครองอยู่ตอนนี้อยู่ในระดับใด

คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถสงบได้เช่นกัน

“พวกเจ้าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลแต่ละคน… แข็งแกร่งขึ้นเช่นนี้ทุกคนเลยหรือ” ถานหลิวอวิ๋นอดถามไม่ได้ เมื่อครู่นี้เขาเกือบพูดคำว่า ‘วิปริต’ ออกมาแล้ว

จิ่งจงเยวี่ยคิดๆ แล้วตอบอย่างจริงจัง “ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยแน่”

คนอื่นๆ มองหน้ากัน ในใจยิ่งไม่สามารถสงบได้

จู่ๆ จี้ซานไห่ก็เอ่ยว่า “พรุ่งนี้ศึกมรรคอมตะนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว ตอนจากไปทุกท่านต้องระวังสักหน่อย”

ในใจพวกจิ่งจงเยวี่ยวูบไหว

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์