Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2892

สรุปบท ตอนที่ 2892 พลิกสถานการณ์: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2892 พลิกสถานการณ์ – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2892 พลิกสถานการณ์ ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2892 พลิกสถานการณ์

คนกลุ่มนั้นทยอยยืนอยู่หน้าวังวนเรืองแสงมหึมานั่น

แต่ละคนล้วนมีหมอกควันอบอวล ไม่อาจมองเห็นหน้าตาได้ชัดเจน มีเพียงเถาเหลิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาที่เผยตัวในสายตา

เห็นชัดว่าเถาเหลิ่งหมดสติ ถูกคนบีบคอไว้จนไม่รู้เรื่องรู้ราว

เมื่อเห็นภาพนี้กับตาตนเอง หลินสวินหยัดร่างขึ้นแล้วยิ้มทันใด

เงาร่างชุดดำนั่นขมวดคิ้ว “หลินสวิน รีบส่งพลังระเบียบระดับเทพมาโดยเร็ว หากเจ้ากล้าเล่นตุกติก เถาเหลิ่งต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา!”

กลับเห็นหลินสวินถอนใจยาวกล่าว “ทุกท่าน พวกเจ้าเป็นถึงคนใหญ่คนโตของลัทธิแรกกำเนิด แต่กลับนำคนของสำนักตัวเองมาข่มขู่ข้าคนแซ่หลิน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป… ผู้คนจะมองลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราอย่างไร”

ประโยคเดียวทำให้อีกฝ่ายต่างอึ้งงัน

ไม่นานเงาร่างชุดดำก็ตวาดเสียงกรุ่นโกรธ “หลินสวิน เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร ถ้าถ่วงเวลาอีกอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ!”

หลินสวินยิ้มออกมา “พวกเจ้าทุ่มเทวางแผนมาถึงนี่ ด้วยไม่อยากเกรงใจข้าไม่ใช่หรือ มาถึงตอนนี้ก็ไม่ต้องปิดบังแล้ว เลี่ยงไม่ให้ข้าคนแซ่หลินดูแคลนพวกเจ้า”

“เจ้า…”

เงาร่างชุดดำบันดาลโทสะ เพิ่งหมายจะพูดอะไรคนตรงกลางก็เอ่ยปากแล้ว “ทุกท่าน แม้เดรัจฉานน้อยนี้จะน่ารังเกียจ แต่ประโยคนี้กลับกล่าวไม่ผิด พวกเราเลิกปิดบังเถอะ”

ฮูม!

เงาแสงบนตัวเขาไหววูบ เผยรูปลักษณ์แท้จริง เป็นฝูเหวินหลีรองหัวหน้าหอแรกนภานั่นเอง!

พอมองข้างกายเขา เมื่อเงาแสงพลิกตลบ ทุกคนล้วนเผยโฉมหน้าแท้จริง ถึงกับเป็นรองหัวหน้าหอสามคนอย่างฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิว

เงาร่างชุดดำก่อนหน้านี้ก็คือฉีเซียวอวิ๋น!

ตอนนี้เหล่าคนใหญ่คนโตล้วนจ้องมองหลินสวินด้วยแววตาเยียบเย็น หว่างคิ้วไม่อำพรางไอสังหารแม้แต่น้อย

“รองหัวหน้าหอสี่คนมาจัดการข้าคนแซ่หลินด้วยกัน ยังต้องใช้แผนการลับล่อเช่นนี้ ช่างทำให้คนได้เปิดโลกทัศน์จริงๆ”

หลินสวินทอดถอนใจนัก

ปีนั้นยามเข้าลัทธิแรกกำเนิดเขาเพิ่งมีพลังปราณแค่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ในสายตาเขาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เป็นถึงรองหัวหน้าหอพวกนี้ล้วนเป็นบุคคลที่เขาต้องแหงนมอง

ปัจจุบันเพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น ทุกอย่างล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว ทัศนียภาพดังเดิมแต่ผู้คนแปรเปลี่ยน!

สีหน้าพวกฝูเหวินหลีล้วนไม่น่าดูอยู่บ้างเล็กน้อย

สำหรับพวกเขา การใช้วิธีเช่นนี้จัดการหลินสวินนั้นขายหน้ามากจริงๆ ทั้งดูเสียศักดิ์ศรีอีกด้วย แต่เพื่อพลังระเบียบระดับเทพนั้น พวกเขาไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว

“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย เจ้าจะส่งระเบียบระดับเทพมาหรือไม่”

ชือเวินตวาดลั่น

มือเขาบีบคอเถาเหลิ่งไว้เพื่อข่มขู่

“ส่งตัวผู้อาวุโสเถาเหลิ่งมาก่อน” หลินสวินกล่าว “ข้ามาแล้ว ทุกท่านคิดว่าข้ายังหนีพ้นอีกหรือ”

ทุกคนพลันขมวดคิ้ว

“ส่งตัวเถาเหลิ่งให้เขา”

นัยน์ตาฝูเหวินหลีไหววูบพลางออกคำสั่ง

ชือเวินสะบัดมือเหวี่ยงตัวเถาเหลิ่งไป

เกือบจะเวลาเดียวกัน พวกเขาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าลงมือพร้อมกัน

ตูม!

แสงมรรคชวนประหวั่นซัดสาด ศาสตรามรรคเจิดจรัสคำรามก้อง ฟ้าดาราแถบนี้สั่นสะเทือนขึ้นมา

การโจมตีทั้งหมดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ!

ทั้งทันทีที่ลงมือรองหัวหน้าหอสี่คนก็เผยประสบการณ์ต่อสู้ไร้ใดเปรียบออกมา ร่วมมือกันอย่างรู้ใจ จู่โจมกะทันหันเหมือนรับรู้กันเป็นอย่างดี!

หากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไปเกรงว่าคงรู้สึกลังเลแล้ว ควรช่วยเถาเหลิ่งหรือหลบคมดาบก่อนกันแน่

ขอแค่มีความคิดเช่นนี้ การเคลื่อนไหวย่อมชะลอลง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วต้องถูกศัตรูจำกัดแน่!

แต่ยามนี้การตอบสนองของหลินสวินกลับง่ายมาก มุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อช่วยเถาเหลิ่ง ไม่ลังเลหรือล่าช้าแม้เพียงเสี้ยว

นัยน์ตาพวกฝูเหวินหลีล้วนฉายแววเยียบเย็น

ในมุมมองพวกเขาการกระทำนี้ของหลินสวินไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย บางทีอาจช่วยเถาเหลิ่งได้ แต่พวกเขาสองคนจะถูกฝังกลบในการโจมตีนานัปการชั่วพริบตา!

แต่ครู่ต่อมาสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไป

พลันเห็น…

ร่างแยกห้าสายพุ่งออกมาจากตัวหลินสวิน ต่างคนต่างสำแดงวิชามรรค

ตูม!

ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน หมอกควันพวยพุ่งกัมปนาท

ร่างแยกทั้งห้าสลายการโจมตีทั้งหมด ส่วนร่างต้นหลินสวินแน่นอนว่าช่วยเถาเหลิ่งกลับไปได้อย่างฉิวเฉียดแต่ไร้อันตราย

พวกฝูเหวินหลีล้วนเผยสีหน้ายากจะเชื่อ

การโจมตีของพวกเขาสี่คนในครั้งนี้ สามารถกำจัดบุคคลระดับเดียวกันคนใดก็ตามอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินซึ่งอยู่ขั้นหลุดพ้นขั้นต้นต้านทานได้!

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

หลินสวินสำรวจร่างเถาเหลิ่งรอบหนึ่งก่อน เมื่อพบว่าไร้อาการบาดเจ็บจึงเก็บตัวเถาเหลิ่งไป จัดให้อยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง

จากนั้นเขาเหลือบสายตามองรองหัวหน้าหอสี่คนที่แปลกใจสงสัยไม่หยุดซึ่งอยู่ห่างไปแล้วยิ้มกล่าว “ข้าลืมไปว่าเรื่องที่เกิดระหว่างทางยามข้ากลับมาสำนัก ทุกท่านยังไม่รู้แน่ชัด มิน่าถึงกล้าไม่เกรงกลัวเช่นนี้”

น้ำเสียงเจือความนึกสนุก

ตอนนั้นเขาฆ่าขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์อย่างหวังจ้งหยวนกับจู่เหวินเหิงระหว่างทางหนี ผลงานการต่อสู้โดดเด่น หากเปลี่ยนเป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สักคนที่รู้เรื่องนี้ เกรงว่าคงไม่กล้าดูถูกเขาหลินสวินแน่

แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีแค่พวกฝูเหวินหลีสี่คนเท่านั้น นี่พิสูจน์ว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

“หมายความว่าอย่างไร”

พวกฝูเหวินหลีแต่ละคนขมวดคิ้ว

“ก็หมายความตามนั้น”

หลินสวินหัวเราะลั่นขึ้นมา ร่างต้นกับร่างแยกทั้งห้าของเขาพุ่งออกไปพร้อมกัน

“ฆ่า!”

“ใช้พลังทั้งหมดจัดการเดรัจฉานนี่โดยเร็ว!”

“ได้!”

ไม่เพียงไม่ถูกกำราบ กลับเป็นว่าเริ่มกำราบอีกฝ่ายแล้ว!

“ตาย!”

ไม่นานหลินสวินส่งเสียงคำรามยาว เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถล่มใส่ดังตึง ซัดทวนศึกสีดำที่ฉีเซียวอวิ๋นถือไว้จนลอยออกไปอย่างแรง เตากระบี่เปี่ยมอานุภาพไม่เสื่อมถอย กระแทกตัวฉีเซียวอวิ๋นเต็มกำลัง

พรูด!

ฉีเซียวอวิ๋นจมูกปากกบเลือด หน้าอกยุบลงไป พลังป้องกันทั่วร่างระเบิดกระจุย กายมรรคเพลิงแดงฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าไปซัดฝ่ามือใส่

ปัง!

ฉีเซียวอวิ๋นยังไม่ทันได้หลบหลีก ร่างกายก็ระเบิดออก ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านลอยล่องทั่วฟ้า

สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าหอแรกนภามาไม่รู้กี่ปีคนหนึ่งถูกกำจัดเช่นนี้!

ภาพเหตุการณ์นั้นทำให้พวกฝูเหวินหลีหน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง ก้นบึ้งจิตใจหนาวสะท้าน

เวลานี้พวกเขาเพิ่งรับรู้ได้ในที่สุดว่าทำไมหลินสวินถึงกล้ามาคนเดียว เพราะพลังต่อสู้ของเขาตอนนี้ ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแต่แรก!

“ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมข้าคนแซ่หลินถึงรอดกลับมาสำนักได้ บอกพวกเจ้าเลยว่าหวังจ้งหยวนกับเจ้าเฒ่าอีกเก้าคนจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะ รวมถึงราชครูดินจู่เหวินเหิงแห่งลัทธิพ่อมด ล้วนถูกข้าคนแซ่หลินสังหาร”

แววตาหลินสวินลุ่มลึกเยียบเย็น เสียงราบเรียบดังก้องทั่วลาน “พวกรองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิงล้วนรู้เรื่องนี้ ข้าเจตนาให้พวกเขาปิดบังไม่บอกพวกเจ้า คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะโง่ลงมือกับข้าคนแซ่หลินจริงๆ นี่จะต่างอะไรกับรนหาที่ตาย”

สีหน้าพวกฝูเหวินหลีไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม

“ฆ่า!”

พวกเขาทุกคนใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดราวกับสู้สุดชีวิต สำแดงวิชาก้นหีบออกมาจนหมด

น่าเสียดายที่ยังเปล่าประโยชน์

หลินสวินกับร่างแยกของเขาร่วมมือกันจนเรียกได้ว่าแนบสนิทไร้ช่องโหว่ ต่อสู้กันแบบหกต่อสาม สกัดและกำราบพวกฝูเหวินหลีได้อยู่หมัด

“ตาย!”

ไม่นานกายมรรควารีดำตวาดลั่น ตีขนาบพร้อมกายมรรคไม้เขียว ฆ่าชือเวินตายคาที่ในคราเดียว ร่างกายเขาล้วนถูกซัดกระจุย พลังจิตกลายเป็นจุณ สภาพการตายชวนสยอง

“ไป!”

ฝูเหวินหลีกับทังชิวล้วนถูกกระตุ้นจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าดิ้นรนอีก หลบหนีกันทันที ทั้งใช้วิชาลับที่เหมือนสิ่งต้องห้ามด้วย

การทำเช่นนี้ก็เพื่อรับประกันว่าจะหนีสำเร็จ

เวลาเดียวกันนั้นกลับเห็นหลินสวินใช้อภินิหารพรสวรรค์เช่นกัน…

ประทับผนึกเวลา!

กฎกาลเวลากลางฟ้าดินถูกชักนำทันที เกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง กาลเวลาหลากสายเกี่ยวรัดควบรวม กลายเป็นพลังผนึกปกคลุมฟ้าดาราแถบนี้ไว้

ปึง! ปึง!

เสียงทึบหนักดังขึ้น ฝูเหวินหลีกับทังชิวที่สำแดงวิชาลับต้องห้ามเพื่อหลบหนีกระแทกประทับผนึกเวลาโดยตรง เนื่องจากวิชาลับต้องห้ามที่สำแดงรวดเร็วดุดันเกินไป การกระแทกพลังผนึกเต็มแรงเช่นนี้ทำให้สายตาพวกเขาพร่าเลือน ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด

ครั้นมองดูประทับผนึกเวลา ก็เห็นว่าแค่เกิดคลื่นเป็นระลอก

มั่นคงแข็งแรงยิ่งนัก

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์