ตอนที่ 2911 อย่าหาว่าไม่เตือน
เสวียนเฟยหลิงกล่าว “เรื่องนี้ก็กล่าวได้ว่ากำลังหยั่งเชิงท่าทีลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราอยู่ ดูว่าพวกเราจะยอมเปิดศึกกับสิบยักษ์ใหญ่อมตะเพื่อปกป้องหลินสวินไว้หรือไม่กันแน่”
“เฮอะ เจ้าเฒ่าหวังจ้งเทียนนี่ก็ช่างวางอุบายดีทีเดียว”
ตู๋กูยงแค่นหัวเราะ
ฟางเต้าผิงกล่าวเสียงเข้ม “เรื่องนี้ไม่มีที่ให้ถอยแล้ว อีกทั้งยังต้องแสดงจุดยืนของลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราต่อโลกภายนอกด้วย หาไม่หากปล่อยให้สิบยักษ์ใหญ่อมตะเอาแต่ข่มขู่กันเช่นนี้ ก็จะเหมือนว่าพวกเราหวาดกลัวพวกเขา”
“ไม่ผิด เป็นเช่นนี้แหละ”
“ข้าเห็นด้วยกับความคิดของพี่ฟาง”
รองหัวหน้าหออย่างพวกอวี๋สิ่ง ถงเจาอวิ๋นต่างก็สนับสนุนข้อเสนอของฟางเต้าผิง
เสวียนเฟยหลิงเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้า
ในวันนั้นมีข่าวใหญ่แพร่ออกจากลัทธิแรกกำเนิด…
‘ใครก็ตามที่มองรองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิดหลินสวินเป็นศัตรู ล้วนเป็นศัตรูของลัทธิแรกกำเนิด!’
‘ใครก็ตามร่วมมือช่วยคนก่อกรรมทำชั่ว ทำร้ายผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน วันหน้าลัทธิแรกกำเนิดจะสังหารจนสิ้นซาก!’
สุดท้ายยังตั้งใจเพิ่มประโยค ‘อย่าหาว่าไม่เตือน!’ ขึ้นมาอีกด้วย
ทันทีที่ข่าวกระจายออกไป ทั่วหล้าล้วนแตกตื่น
ขุมอำนาจที่เดิมทียังตั้งท่าพร้อมกระโจนใส่ หมายจะสืบเสาะและจับตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินทั่วหล้าเหล่านั้น ในใจล้วนหนาวสะท้าน เริ่มถอยทัพกันแล้ว
เมื่อเทียบกับสิบยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปด ในสายตาคนทั่วหล้า ตัวตนของลัทธิแรกกำเนิดโดดเด่นหาใดเปรียบยิ่งกว่า มีรากฐานพลังสุดหยั่ง
ตอนนี้ยังแสดงท่าทีอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ประกาศกร้าวเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่หวั่นเกรง
“คิดอยากเป็นสุนัขให้พันธมิตรสงครามสิบตระกูลก็ต้องเตรียมตัวถูกเชือดไว้แล้ว หาไม่แม้แต่ตายก็ยังไม่รู้ว่าตายอย่างไร!”
มีคนทอดถอนใจ
“นี่จึงจะเป็นการต่อสู้ของยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง คนธรรมดาปะปนเข้าไปไม่มีทางมีจุดจบที่ดีเป็นอันขาด ระวังประตูเมืองไฟไหม้ ภัยลามปลาในคู[1]!”
“ดูจากเช่นนี้แล้ว ลัทธิแรกกำเนิดตั้งใจแน่วแน่ว่าจะปกป้องหลินสวินแล้ว”
“หลินสวินนี่… ช่างเป็นบุคคลที่เหมือนปริศนาคนหนึ่งชัดๆ ใครจะกล้าคิดว่าเขาจะมีอิทธิพลเหมือนอย่างวันนี้ได้”
…พร้อมกับข่าวที่แพร่กระจาย เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับหลินสวินก็กลายเป็นหัวข้อสนทนายอดนิยมที่สุดในแต่ละน่านฟ้า
คราวนี้คนมากมายถึงพบว่าก่อนหน้าที่หลินสวินจะเข้าสู่โลกยอดนิรันดร์ ชื่อของเขาก็กระจายเข้ามาในโลกยอดนิรันดร์ก่อนแล้ว ถูกขุมอำนาจใหญ่มากมายรู้จักอยู่ก่อนหน้านานแล้ว
และในช่วงหลายปีมานี้ ทุกเรื่องที่เขาทำต่างเรียกได้ว่าเรียกความสนใจจากทั่วทุกมุมโลก
อย่างเช่น เขาบุกจากน่านฟ้าที่หนึ่งไปยังน่านฟ้าที่หกตลอดทาง เข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิดด้วยตำแหน่งอันดับหนึ่ง สังหารผู้เข้าร่วมศึกมรรคอมตะหลายกลุ่มเป็นต้น
ผลงานการศึกโชกเลือดระดับนั้น แต่ละอย่างล้วนสามารถสะเทือนใต้หล้า ยามเมื่อรวมเข้าด้วยกันก็เห็นชัดว่าน่าจระหนกเป็นพิเศษ
ส่วนท่าทีที่ลัทธิแรกกำเนิดแสดงออกมา พันธมิตรสงครามสิบตระกูลเองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้สักนิดเช่นกัน ไม่นานก็ประกาศจุดยืนของพวกเขาต่อโลกภายนอก…
‘วันหน้า ต้องเหยียบทำลายลัทธิแรกกำเนิด!’
ประโยคเดียวสั้นๆ เพียงไม่กี่คำ ทว่าเท่ากับการประกาศศึกตรงๆ เผยจุดยืนอันแข็งกร้าวที่สุดของพันธมิตรสงครามสิบตระกูล
ทั่วหล้าล้วนสั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้
หลังจากพวกเสวียนเฟยหลิงรู้ข่าวก็ลงความเห็นสองคำอย่างเยือกเย็นยิ่ง
“ปากดี”
พวกเขารู้รากฐานพลังของสิบยักษ์ใหญ่อมตะดีที่สุด หากไม่มีการสนับสนุนจากเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าพวกนั้น หากไร้การช่วยเหลือจากลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน ลำพังแค่พลังของพวกเขา ต่อให้มอบความกล้ายิ่งใหญ่ให้พวกเขาก็ยังไม่กล้าเปิดศึกเต็มรูปแบบกับลัทธิแรกกำเนิด
ดังคาด ในอีกไม่กี่ปีต่อมา ภายใต้ความสนใจของผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนทั่วหล้า พันธมิตรสงครามสิบตระกูลกลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
เหมือนหายไปเงียบๆ อย่างไรอย่างนั้น
นี่ย่อมสร้างความกังขาให้ผู้คนทั่วหล้าเป็นธรรมดา ก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนั้น เหตุใดตอนนี้ถึงไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ เลยเล่า
มีเพียงพวกเสวียนเฟยหลิงที่รู้ดีที่สุด พันธมิตรสงครามสิบตระกูลกำลังเฝ้ารออยู่ไอรีนโนเวล
เฝ้ารอตอนที่หัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์โหยวเป่ยไห่แจ้งมรรคนิรันดร์!
…
คลื่นลมภายนอกผันเปลี่ยน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อหลินสวิน
เขาเอาแต่ปิดด่านฝึกปราณ
นี่เป็นปีที่ห้าสิบห้าที่เขาปิดด่านแล้ว
ในห้าสิบห้าปี พลังระเบียบและโอสถวิเศษล้ำค่าต่างๆ ที่รวบรวมในตัวเขาแทบจะถูกสูบเกลี้ยง
แต่ปราณของเขากลับค่อยๆ บรรลุถึงขั้นหลุดพ้นขั้นปลาย
แน่นอนว่าการพัฒนานี้เรียกได้ว่ารวดเร็วน่าอัศจรรย์แล้ว
สำหรับหลินสวิน สิ่งที่ได้รับอย่างแท้จริงในห้าสิบห้าปีกลับเป็นในด้านการหลอมระเบียบนิพพาน เขาในตอนนี้หลอมระเบียบนิพพานได้หกส่วนแล้ว!
กฎเกณฑ์อมตะของตนสามารถประชันกับระเบียบปฐม พลังระเบียบระดับเทพได้อย่างแท้จริงแล้ว!
หลินสวินมีลางสังหรณ์แรงกล้าอย่างหนึ่ง ว่าหลังจากตนหลอมระเบียบนิพพานได้โดยสมบูรณ์แล้ว ก็จะสามารถหยั่งถึงกฎระเบียบอันเป็นส่วนหนึ่งของ ‘นิพพาน’ ได้!
ขั้นหลุดพ้น สามารถหยั่งรู้พลังกฎระเบียบ ฉะนั้นจึงไม่ถูกจองจำด้วยกฎระเบียบฟ้าดิน
ส่วนระดับนิรันดร์ ถึงขั้นสามารถควบคุมและใช้พลังกฎระเบียบได้!
กฎเกณฑ์อมตะของหลินสวินเป็นสิ่งที่หยั่งรู้มาจากระเบียบนิพพาน ยามนี้ยังหลอมระเบียบนิพพานไม่หยุด กฎเกณฑ์ที่เขาหยั่งรู้ได้ย่อมเกี่ยวข้องกับ ‘นิพพาน’
หรือก็คือกฎระเบียบนิพพาน
นิพพานมีอานุภาพน่าเหลือเชื่อมากมาย สามารถทำให้พลังระเบียบได้รับการสร้างใหม่และถือกำเนิดอีกครั้ง ทั้งสามารถควบคุมและทำลายพลังระเบียบได้
มาถึงตอนนี้ แม้หลินสวินจะหลอมระเบียบนิพพานได้ราวหกส่วนเท่านั้น แต่เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ายามตนเก็บน้ำเต้าม่วงเขียวเข้าสู่ในกาย พลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากสองชนิดนี้ ล้วนสามารถได้รับการฟูมฟักที่คล้ายคลึงกับยามอยู่ในระเบียบนิพพานได้เช่นเดียวกัน!
กล่าวโดยสรุป กฎเกณฑ์อมตะของหลินสวิน ได้รับสรรพคุณยอดเยี่ยมมากมายของระเบียบนิพพานมาแล้ว ดุจดั่งรังมารดา สามารถหลอมผสานพลังระเบียบเข้าไปหล่อเลี้ยงภายในร่างได้ ช่วยให้มันเติบโตและแปรสภาพ!
อิงจากคำพูดของอู๋ซวง กฎเกณฑ์อมตะที่หลินสวินครอบครองในตอนนี้ สามารถเทียบรัศมีกับพลังระเบียบระดับเทพได้นานแล้ว นี่ในขั้นหลุดพ้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง หนึ่งเดียวใต้หล้าได้อย่างแน่นอน
แต่สำหรับหลินสวินแล้ว นี่ยังไม่พอ
มีเพียงหลอมระเบียบนิพพานอย่างสมบูรณ์เท่านั้น จึงจะเรียกได้ว่า ‘เป็นหนึ่งไม่มีสอง’ ตามความหมายอย่างแท้จริง!
‘ไม่นานซย่าจื้อก็น่าจะตื่นขึ้นมาแล้ว…’
ในวันนี้หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ นับนิ้วคำนวณ ซย่าจื้อหลับใหลจนถึงตอนนี้เป็นเวลายี่สิบเก้าปีแล้ว!
และก่อนหน้านี้ซย่าจื้อเคยพูดว่า อย่างน้อยภายในสามสิบปีก็จะตื่นขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์