สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2917 เปิดฉากแก้แค้น – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 2917 เปิดฉากแก้แค้น ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2917 เปิดฉากแก้แค้น
เขาเทพหลังมังกร
ครั้นเห็นเทือกเขาทรงพลังยาวเหยียดลูกนี้ นัยน์ตาหลินสวินก็ฉายแววรำลึกเสี้ยวหนึ่ง
หลังจากช่วยชิงอำนาจมาจากตระกูลลั่วสายรองในปีนั้น เขาก็พักอยู่บนยอดเขาต้นกกในเขาเทพหลังมังกร
เขาในปีนั้นเป็นระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ
แต่เมื่อกลับมาวันนี้ก็เป็นระดับอมตะขั้นหลุดพ้นขั้นปลายแล้ว
ปัจจุบันไม่อาจเทียบกับอดีต
ทั่วเขาเทพหลังมังกรปกคลุมด้วยพลังระเบียบของระเบียบปฐพี ทั้งยังวางกระบวนผนึกเป็นชั้นๆ
เพียงแต่ในสายตาหลินสวินตอนนี้ ฝีมือเช่นนี้ไม่อยู่ในสายตานานแล้ว
นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งหลินสวินก็ก้าวเดินไปข้างหน้า
สามารถพูดได้ว่าปีนั้นหลังจากเข้าสู่โลกยอดนิรันดร์แล้ว ศัตรูส่วนใหญ่ของเขามาจากน่านฟ้าที่หกนี่ทั้งสิ้น
อย่างเช่นในแคว้นเทพวารีนภานี้ก็มีตระกูลเหยา ตระกูลหลิง ในที่อื่นของน่านฟ้าที่หกยังมีเผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างตระกูลเหวิน เหิง จู้ เฮ่อ
ในช่วงหลายปีนั้นหลินสวินถูกพวกเขาตามล่าจนตกที่นั่งลำบาก แม้พลิกร้ายเป็นดีได้บ่อยครั้ง แต่ความแค้นเช่นนี้มีหรือหลินสวินจะลืมได้
ตีงูไม่ตาย ย่อมโดนแว้งกัด!
และการแก้แค้นที่มาจากหลินสวินก็เริ่มเปิดฉากตั้งแต่วันนี้เช่นกัน
…
เหยาฉางฉงกำลังปิดด่านนั่งสมาธิ
จู่ๆ ในใจเขาก็หนาวสะท้านขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ลืมตาโดยพลัน
จากนั้นก็เห็นร่างสูงสง่าสายหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร
“สหายยุทธ์เป็นใคร บุกเข้ามาตระกูลเหยาของข้าเพื่อการใด”
เหยาฉางฉงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ฝืนระงับความตระหนกในใจแล้วทำให้ตัวเองสงบลง
“ที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตของพวกเจ้าตระกูลเหยา” หลินสวินกล่าวง่ายๆ “ตอนนี้ให้โอกาสรอดชีวิตกับเจ้าครั้งหนึ่ง ไปขอความช่วยเหลือจากผู้นำตระกูลเหยาเหยาหนานหลี”
เหยาฉางฉงขมวดคิ้วกล่าว “สหายยุทธ์หมายความว่าอย่างไร”
ขณะพูดร่างของเขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นทันที พุ่งเข้าใส่หลินสวินประหนึ่งอสนีบาตรุนแรง
ปึง
เหยาฉางฉงเพียงรู้สึกเหมือนชนกำแพงที่ไม่อาจทำลายได้ ทั้งร่างถูกสะเทือนออกไปและร่วงหล่นบนพื้นอย่างแรง ศีรษะมึนงง ดาวสีทองผุดพรายขึ้นตรงหน้า
หลินสวินยืนนิ่งดังเดิม ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ขยับแม้แต่เส้นขน กล่าวด้วยสายตาเย็นชา “ให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่ถนอมให้ดีๆ…”
ปึง!
เสียงเพิ่งสิ้นสุดร่างเหยาฉางฉงก็ระเบิดออก กลายเป็นถ้าถ่านปลิวว่อนจนหมด
แค่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง ในสายตาหลินสวินตอนนี้ เพียงขยับความคิดเดียวก็กำจัดได้แล้ว
เขาหมุนตัวออกจากเรือนของเหยาฉางฉง
และยามนี้ในเขาเทพหลังมังกรเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาแล้ว
“แย่แล้ว! มีศัตรูบุกเข้ามา ปราณของพวกผู้อาวุโสสายรองถูกทำลายสิ้น!”
“ศัตรูน่าหวาดกลัว รีบหนีเร็ว!”
“รีบไปขอความช่วยเหลือจากผู้นำตระกูล!”
คนตระกูลเหยาสายรองที่อยู่ทั่วเขาเทพหลังมังกรตื่นตกใจ ร้องเอะอะหนีตายราวกับสุนัขไร้เจ้าของ เสียงหวีดร้อง เสียงตะโกน เสียงตะคอกดังขึ้นตรงนู้นทีตรงนี้ที
หลินสวินไม่ได้สนใจความอลหม่านเหล่านี้ เอามือไพล่หลังเดินมาถึงนอกเขาเทพหลังมังกรราวกับเดินเล่นชมสวน
เขาไม่ได้สังหารคนไปทั่ว
ก่อนหน้านี้ก็แค่ทำลายปราณของพวกระดับจักรพรรดิบางส่วนเท่านั้น แต่ต้นจนจบสังหารไปแค่เหยาฉางฉงคนเดียว
ส่วนปลาน้อยกุ้งน้อยเหล่านั้นเขาคร้านจะใส่ใจ
ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่เรื่องดี สังหารสิ้นซากก็โหดร้ายเกินไป ดังนั้นแค่โค่นผู้นำและถอนรากฐานตระกูลทิ้งก็เพียงพอแล้ว
ทว่าหลินสวินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสำหรับเผ่าจักรพรรดิอมตะแล้ว การกระทำเช่นนี้ของเขาโหดร้ายยิ่งกว่าฆ่าพวกเขาเป็นร้อยเท่า
เพราะเคยชินกับการอยู่สูงมาตลอด เมื่อหล่นร่วงสู่เหวลึกทันที การโจมตีระดับนั้นย่อมทุกข์มรมานยิ่งกว่าฆ่าพวกเขา
เมื่อไม่มีอำนาจเหมือนในอดีต พวกเขาที่ร่วงหล่นไปในโลกปุถุชนจะต้องถูกขุมอำนาจนับไม่ถ้วนจับจ้อง คนที่รอซ้ำเติม คนที่ฉวยโอกาสเหยียบย่ำ คนที่อ้าปากรองับผลประโยชน์ย่อมมีไม่น้อย
นี่จึงจะเป็นการทรมานอันโหดเหี้ยมที่สุด
…
ตอนที่ผู้นำตระกูลเหยาเหยาหนานหลีพาเหล่าคนใหญ่คนโตที่อานุภาพดุดันมาถึง ก็เห็นว่า…
หน้าประตูภูเขาของเขาเทพหลังมังกรมีเก้าอี้โยกตัวหนึ่งตั้งอยู่โดดๆ
ชายหนุ่มคนนหึ่งเอนตัวบนเก้าอี้โยก มือขวาถือน้ำเต้าสุรา มือซ้ายเคาะเท้าแขนเบาๆ ท่าทางผ่อนคลายสบายใจ
“ผู้นำตระกูล เป็นคนผู้นี้ที่สังหารผู้อาวุโสสายร้องของตระกูลเรา!”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งโกรธจัด ดวงตาแดงก่ำ
เหยาหนานหลีแววตาเย็นเยียบ มองออกไปไกลๆ แต่ในใจกลับสงสัยอยู่บ้าง
คนผู้หนึ่งหลังก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้กลับกล้ารั้งอยู่ที่นี่ด้วยท่าทีเช่นนี้ นี่ผิดปกติอย่างไม่ต้องสงสัย
“ขอบังอาจถามนามของท่าน และเหตุใดต้องสังหารคนตระกูลเหยาสายรองของข้า”
เหยาหนานหลีเอ่ยเสียงขรึม เสียงปานฟ้าร้องดังก้องกลางฟ้าดิน
บรรยากาศเย็นเยียบ
เหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลเหยาท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ
การมาครั้งนี้ของเหยาหนานหลีนำกำลังพลชั้นยอดของตระกูลมาด้วย ในนั้นยังมีระดับอมตะที่เหลืออยู่สองคนด้วย ล้วนครอบครองมรรควิถีขั้นดับเทพ!
เผชิญหน้ากับกำลังรบสำคัญเช่นนี้ หากเป็นผู้ฝึกปราณในน่านฟ้าที่หกคนอื่นๆ เกรงว่าคงไม่มีทางสงบนิ่งได้นานแล้ว
แต่กับหลินสวินที่เอนนอนอยู่บนเก้าอี้โยก ภาพเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาสักนิด
ก็เห็นเขาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “มาครบแล้วหรือ”
เหยาหนานหลีสีหน้าอึมครึม “ท่านหมายถึงเรื่องใด”
หลินสวินเอ่ยเสียงเบา “สิ่งที่สำคัญที่สุดของครอบครัวหนึ่งก็คือการพร้อมหน้าพร้อมตา เจ้าคิดว่าอย่างไร”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย “ทุกท่านวางใจ ลูกหนี้มีเจ้าหนี้ ข้าคนแซ่หลินไม่ใช่คนคลั่งที่ฆ่าคนไปทั่ว นอกเจ้าพวกเจ้า คนในตระกูลเหยาคนอื่นๆ ล้วนรอดชีวิต เพียงแต่ข้าไม่กล้ารับรองว่าเมื่อไม่มีตระกูลเหยาคุ้มครองแล้ว คนน่าสงสารที่ไร้บ้านให้กลับเหล่านี้จะต้องเผชิญความทรมานและทุกข์ยากเพียงใดหลังจากนี้”
เหยาหนานหลีคำรามลั่น “ต่อให้พวกเราตระกูลเหยาพังพินาศ คนแซ่หลินอย่างเจ้าก็หนีไม่พ้น พันธมิตรสงครามสิบตระกูลต้องแล่เนื้อเถือหนังเจ้าเป็นพันหมื่นชิ้นแน่!!”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ข้ากลับมาน่านฟ้าที่หกครั้งนี้ ที่รอคอยคือการมาพันธมิตรสงครามสิบตระกูล แต่น่าเสียดาย เกรงว่าทุกท่านจะไม่เห็นภาพนั้นแล้ว”
ขณะพูดเขาก็โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
ประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลาย พลังมหามรรคน่าสะพรึงแผ่กระจาย คนใหญ่คนโตตระกูลเหยาอย่างพวกเหยาหนานหลีถูกเผาปานผักหญ้า พริบตาเดียวก็กลายเป็นเถ้าสลายไปในอากาศ
ไม่ไกลนักคนรุ่นเยาว์ตระกูลเหยาบางส่วนเห็นภาพทั้งหมดนี้ ล้วนรู้สึกราวกับพังทลาย นั่งพังพาบกับพื้น
หลินสวินหยิบน้ำเต้าสุรามาดื่มอึกหนึ่งแล้วหยุดรอครู่หนึ่ง
สวบ!
กายมรรคไม้เขียวเคลื่อนย้ายมาจากไกลๆ
ร่างต้นของหลินสวินพลันเข้าใจทันที เขาแรกอุดรถูกทำลายแล้ว ที่ตั้งตระกูลเหยาถูกเหยียบราบ คนใหญ่คนโตตระกูลเหยาอื่นๆ ที่เฝ้าอยู่ในนั้นล้วนถูกกายมรรคไม้เขียวทำลายปราณ
เมื่อเก็บกายมรรคไม้เขียวแล้ว หลินสวินก็มองออกไปไกลๆ
นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!
ในเขตแคว้นเทพวารีนภา นอกจากตระกูลเหยาแล้วยังมีตระกูลหลิง
“หืม?”
และในยามที่หลินสวินเพิ่งจะจากไป จู่ๆ ก็ขมวดคิ้ว สายตามองไปในทุ่งกว้างที่ห่างจากเขาเทพหลังมังกรไปไกลลิบ
ในจิตรับรู้ของเขา ในทุ่งกว้านผืนนั้นก็มีเงาร่างสายหนึ่งกำลังตะบึงเข้าอย่างบ้าคลั่ง
หลินสวินรออยู่ที่เดิมไม่ขยับ
แต่เขาเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นี้ชัดเจนแล้ว นี่เป็นชายคนหนึ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าตอบแห้งเผือดสียิ่งกว่าขอทานข้างถนน
เห็นชัดว่าเขาสัมผัสถึงคลื่นการต่อสู้บนเขาเทพหลังมังกรนี้ จึงทะยานมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง
วิ่งพลางตะโกนออกมาเหมือนจะขาดใจ “หลินสวิน! หลินสวินเป็นเจ้าใช่หรือไม่”
นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัด ในที่สุดก็จำชายที่ตกต่ำลงคนนี้ได้ เผยสีหน้ายากจะเชื่อออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เจ้าหมอนี่กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
เขาเคลื่อนย้ายไปตรงๆ ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชายน่าสังเวชที่บ้าคลั่งนั่น
“หลีกไป! อย่าคิดขวางทาง!”
ชายน่าสังเวชนัยน์ตาแดงก่ำ ยื่นมือจะผลักหลินสวิน
แต่กลับผลักไม่ไปสักนิด เขาเงยหน้าด้วยความโมโห เพียงแต่พอได้เห็นหลินสวินชัดๆ ก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาดทันที ดวงตาเบิกกว้าง
“หลินสวิน… เป็นเจ้าจริงๆ…”
เสียงแหบพร่าราวกับร้องไห้ดังออกมาจากริมฝีปากของเขา ดวงตารื้นแดง
จากนั้นเขาก็นั่งลงกับพื้น ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาอีกอย่างกลั้นไม่อยู่ ก็ไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือว่าเศร้าโศกเสียใจกันแน่
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์