สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2950 ไม่ข้ามผ่านตนแต่ข้ามผ่านสรรพชีวิต – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 2950 ไม่ข้ามผ่านตนแต่ข้ามผ่านสรรพชีวิต ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 2950 ไม่ข้ามผ่านตนแต่ข้ามผ่านสรรพชีวิต
หลังจากจ้งชิวปรากฏตัว บรรยากาศตึงเครียดใกล้ปะทุนั่นก็ปกคลุมไปด้วยความพิศวง
ว่ากันตามตรงเขามีพลังปราณแค่ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ แต่ฐานะกับถ้อยคำที่เขาพูดออกมากลับทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างฉงนอยู่ในใจ บรรยากาศยังแปรเปลี่ยนเป็นแปลกพิกลและกดดันขึ้นมา
จนกระทั่งเขาเอ่ยกับปากเองว่าร่างต้นรวมถึงรูปจำลองเจตจำนงของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลไม่เคยปรากฏตัวออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนยิ่งกังขา
ถ้าเจ้าแห่งคีรีดวงกมลไม่ได้ลงมือ แล้วใครกันที่ลงมือพาราชครูฟ้าสองคนอย่างเหลยอู่กับเซียวอิ๋งไปที่แหล่งสถานคุนหลุน
เป็นเพราะมีข้อกังขามากมาย ลัทธิพ่อมดที่มีเทียนอูเป็นผู้นำ ลัทธิฌานที่มีซื่อเป็นผู้นำ รวมถึงระดับนิรันดร์จากน่านฟ้าที่เก้าอย่างพวกหยวนเฟยหูต่างไม่บุ่มบ่ามเคลื่อนไหว
เรื่องราวผิดปกติเกินไป
สถานการณ์ในวันนี้มีตัวแปรเกิดขึ้นมากมาย ทำให้พวกเขาเกิดความระแวดระวังขึ้นในใจ
“จะล่าช้าต่อไปอีกไม่ได้แล้ว”
เทียนอูเงยตามองส่วนลึกของเวิ้งฟ้า เคราะห์นิรันดร์ของโหยวเป่ยไห่ครั้งนี้ยังดำเนินอยู่
“จากที่ข้าดู มีเพียงลงมือถึงจะดูออกว่าตกลงใครกำลังเล่นลูกไม้อยู่ และใครกันแน่ที่ถ่วงเวลาหรือทำเสแสร้ง”
หยวนเฟยหูเอ่ยเย็นชา
จ้งชิวสองมือไพล่หลัง สุขุมเยือกเย็นเช่นเดิม เอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบ คำนวณเวลาดู ผู้อาวุโสคนนั้นกำลังเร่งมาแล้ว”
เทียนอูหนังตากระตุก ตระหนักได้ว่า ‘ผู้อาวุโส’ ที่จ้งชิวพูดถึงนี้ เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นคนที่ทำให้เหลยอู่กับเซียวอิ๋งไม่อาจปรากฏตัวที่นี่ผู้นั้น!
“ลงมือ!”
เขาเก็บกลั้นไว้ไม่อยู่ ก้าวออกไปข้างหน้า
ถ้าเปิดศึกตอนนี้พวกเขาจะยังได้เปรียบโดยสมบูรณ์ แต่ทันทีที่มีตัวแปรอื่นปรากฏขึ้นอีก เป็นไปได้สูงยิ่งว่าสถานการณ์ในวันนี้จะพลิกผัน
นี่เป็นสิ่งที่เทียนอูไม่อาจทนได้โดยเด็ดขาด
เขาเป็นเพียงรูปจำลองเจตจำนงสายหนึ่ง ต่อให้ถูกทำลายก็ไม่เสียดาย! 艾琳小說
ตูม!
พอเทียนอูก้าวออกไป สถานการณ์ที่ตึงเครียดก็ปะทุขึ้นในชั่วพริบตา กลางฟ้าดินราวกับราตรีมาเยือน นรกสีดำไร้สิ้นสุดแถบหนึ่งอุบัติขึ้น เข้าปกคลุมทุกคนจากลัทธิแรกกำเนิดที่อยู่ไกลๆ
แทบจะในขณะเดียวกัน บรรพจารย์ลัทธิฌานซื่อ พุทธอดีตเจียซิว พุทธอนาคตเจียจิ้ง รวมถึงระดับนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าห้าคนก็เคลื่อนไหว
แสงธรรมแผ่กระจาย เสียงอสนีกัมปนาท ยามนี้กลิ่นอายระดับนิรันดร์อันน่าครั่นคร้ามปลดปล่อยออกมาในทันใด พลังกฎระเบียบของฟ้าดินแถบนี้ยังพังถล่มปั่นป่วนไปด้วย
มองเห็นด้วยตาเปล่าว่าระดับนิรันดร์อย่างพวกเจียซิว เจียจิ้ง หยวนเฟยหูถูกกฎระเบียบฟ้าดินสะท้อนกลับในชั่วพริบตาที่ลงมือ แต่พวกเขากลับไม่สนใจสักนิด สลายพลังที่สะท้อนกลับนั้นแล้วออกโจมตีอย่างแข็งกร้าว!
ครืน…
ในพื้นที่ไร้สิ้นสุดของน่านฟ้าที่เจ็ด ยามนี้สรรพชีวิตหลายร้อยล้านต่างพบอย่างน่าพรั่นพรึง ว่าเวิ้งฟ้าอันกว้างไกลนั้นเกิดรอยแยกน่าตกตะลึงขึ้นราวกับถูกถล่มโจมตี
คล้ายฟ้าจะถล่มลงจริงๆ!
กฎระเบียบมหามรรคยังมีเค้าว่าจะพังทลาย ถึงกับส่งผลกระทบต่อการโคจรของระเบียบทั้งน่านฟ้า ภูผาธารา เวิ้งฟ้ากว้างใหญ่ล้วนเกิดเภทภัยน่าเหลือเชื่อต่างๆ ตามไปด้วย
นั่นเป็นภัยพิบัติอย่างแท้จริง!
อย่างกับจะทำลายโลก!
“นี่…”
“สวรรค์!”
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…”
เสียงร้องหวาดหวั่นนับไม่ถ้วนดังขึ้นตามสถานที่มากมายในน่านฟ้าที่เจ็ด ยามนี้ผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไรต่างรู้สึกสิ้นหวัง
นี่ก็คือพลังของระดับนิรันดร์!
ทุกการเคลื่อนไหวส่งผลให้กฎระเบียบน่านฟ้าแห่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงและปั่นป่วนได้ แข็งแกร่งจนไม่อาจคาดคิด
และตอนนี้ไม่ได้มีระดับนิรันดร์เพียงคนเดียวที่ลงมือ!
เมื่อเห็นพวกเฒ่าชราอย่างเทียนอู ซื่อโจมตีโดยไม่สนใจสิ่งใด พวกหยวนชู ซวีอิ่นก็สบตากันแล้วไม่ลังเลอีก
เพียงแต่ก็ในตอนที่พวกเขาจะลงมือ จู่ๆ ก็มีเสียงระฆังเสียงหนึ่งดังขึ้น
แกร๊ง!
เสียงระฆังนั้นยิ่งใหญ่ หนักแน่น และน่าเกรงขามประหนึ่งเสียงแห่งสรรพชีวิตทั่วหล้า ดังก้องท้องฟ้าเหนือทะเลหมื่นดารา กระจายไปบนเวิ้งฟ้าของน่านฟ้าที่เจ็ด
ชั่วพริบตานี้กฎระเบียบฟ้าดินที่เหมือนพังทลายแปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นหาใดเทียบราวกับได้รับการซ่อมแซม
เวิ้งฟ้าไร้ขอบเขตที่กำลังจะถล่มลงนั้นคืนสู่ความสงบและกว้างไกลดังเก่า ปรากฏการณ์ภัยพิบัติอันน่าเหลือเชื่อต่างๆ คล้ายถูกมือใหญ่ไร้รูปมือหนึ่งขจัดไป ทำให้สิ่งมีชีวิตมากมายในน่านฟ้าหลุดพ้นจากความรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวเช่นนั้น
เหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างเทียนอู ซื่อต่างใจสั่นระรัว ดวงตาพลันนิ่งขึง
แกร๊ง!
เสียงระฆังดังขึ้น เกิดพลังน่ากลัวไร้รูปกดข่มให้แสงมรรคทั้งร่างพวกเทียนอูปั่นป่วน อานุภาพจู่โจมยังถูกเสียงอันยิ่งใหญ่ของระฆังนั้นสลายไป
แม้แต่พวกหยวนชู ซวีอิ่นยังเผยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างอดไม่ได้
เสียงระฆังคือสรรพชีวิต นี่เป็นพลังของระฆังมหามรรคไร้กฎแหล่งสถานคุนหลุน!
ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็จำได้แล้วว่าเมื่อนานมาแล้วเขาเคยได้ยินเสียงระฆังนี้อยู่หลายครั้ง เพียงแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถึงกับปรากฏขึ้นกะทันหันในตอนนี้
มิหนำซ้ำอานุภาพยังแข็งแกร่งเช่นนี้ด้วย!
แกร๊ง!
เสียงระฆังดังขึ้นอีกระลอก ประตูน้ำวนมหึมาบานหนึ่งพลันปรากฏขึ้นกลางห้วงอากาศ
สายตาทุกคู่ในนั้นล้วนหันมองไป
ในตอนนี้แม้แต่พวกเทียนอู ซื่อ หยวนเฟยหูยังล้วนยั้งมือ หว่างคิ้วปรากฏแววฉงน
ไม่ต้องสงสัย ตัวแปรที่ใหญ่ที่สุดของสถานการณ์ในวันนี้ปรากฏตัวแล้ว!
ประตูน้ำวนมีแสงเคลื่อนสดใส ลอยอยู่กลางอากาศ กลิ่นอายไพศาลอันลึกลับแผ่กระจาย เงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาจากในนั้นท่ามกลางสายตาทั้งหมดที่จับจ้อง
ชุดป่าน เท้าเปล่า รูปลักษณ์หล่อเหลา ดวงตาทั้งสองลึกล้ำและสงบนิ่ง กลางฝ่ามือเขายังถือระฆังสำริดที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายหนักแน่นไพศาลใบหนึ่ง
เป็นเขา!
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าจริงๆ”
หยวนชูแววตาแปลกไป
เขาก็ท่องผ่านยุคสมัยผันเปลี่ยนมากมาย และเคยพบชายหนุ่มจักจั่นทองเช่นกัน
ทั้งยังเคยได้ยินว่ามีจักจั่นตัวหนึ่งเหมือนเวียนว่ายอยู่ในวัฏจักร ในแต่ละวัฏจักรล้วนต้องข้ามพันเคราะห์ร้อยพิบัติ ถูกมองว่าเป็นตำนานบนมรรคานิรันดร์
เคยมีคำร่ำลือว่าจักจั่นนี้ ‘เกิดมามรรคสูงเหนือฟ้า ไม่ข้ามผ่านตนแต่ข้ามผ่านสรรพชีวิต!’
ซวีอิ่นแววตาประหลาด เอ่ยถอนใจเบาๆ ว่า “ถ้าไม่ใช่สหายยุทธ์ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าบนโลกนี้ยังมีใครมีพลังได้อย่างเจ้า ขอถามประโยคเดียว ชาตินี้ภพนี้ยุคนี้ สหายยุทธ์จะผ่านพันเคราะห์ร้อยพิบัติ หลุดพ้นจากวัฏจักรโดยสมบูรณ์หรือไม่”
จักจั่นทองยิ้มเอ่ย “ยังขาดอีกนิดเดียว”
อีกนิดเดียวคือเท่าไรกัน
ไม่มีใครรู้
แต่ไม่ว่าใครต่างรู้ว่าการปรากฏตัวของจักจั่นทองทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ใครก็ควบคุมไม่ได้อีกแล้ว!
“จักจั่นทอง ราชครูฟ้าจากลัทธิพ่อมดของข้าทั้งสองคนถูกเจ้าพาไปหรือไม่”
เทียนอูเสียงเยียบเย็น หลังจากจักจั่นทองปรากฏตัว สีหน้าเขาก็เย็นชาและอึมครึมลงอย่างประหลาด
“ไม่ผิด”
ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ผู้แข็งแกร่งที่บรรลุนิรันดร์อย่างพวกเขา หากต่อสู้โดยไม่สนใจสิ่งใด สรรพชีวิตใต้หล้านี้ก็จะวอดวาย”
เขาหยุดไป สายตากวาดมองทุกคนที่นั่น “ข้ามาคราวนี้ไม่ได้คิดจะคลี่คลายความแค้นระหว่างพวกท่าน แต่เพื่อเลือกสถานที่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับทุกท่านสักที่หนึ่ง เช่นนี้ก็จะปกป้องสรรพชีวิตทั่วหล้าทั้งหมดได้”
เทียนอูเอ่ยเสียงเย็น “ใช้การทำเพื่อสรรพชีวิตมาเป็นข้ออ้าง ต้องการจะช่วยคีรีดวงกมลก็เท่านั้น จักจั่นทอง ข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าบนโลกนี้ล้วนเลื่อนลอยไม่อาจจับต้องได้ ข้าล่ะอยากรู้นักว่าแค่เจ้าคนเดียวจะหยุดยั้งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างไร!”
ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มน้อยๆ หันไปมองพวกหยวนชู ซวีอิ่นแล้วพูดว่า “สหายยุทธ์ทุกท่าน ต้องการไปจบเรื่องนี้ที่แหล่งสถานคุนหลุนหรือไม่”
“ได้”
พวกหยวนชูตกลง
ขอเพียงไม่ทำร้ายลัทธิแรกกำเนิด พวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธข้อเสนอเช่นนี้
“ทุกท่านว่าอย่างไร”
สายตาชายหนุ่มจักจั่นทองมองไปที่พวกเทียนอู ซื่อ หยวนเฟยหูที่อยู่ไกลออกไปอีก
“ต้องการให้พวกเรารับปากด้วยคำพูดนี้ของเจ้า เข้าข้างตัวเองจริงๆ”
เทียนอูเอ่ยเย็นชา
ซื่อพนมมือทั้งสอง เอ่ยเคร่งขรึมว่า “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าสหายยุทธ์จะมีความสามารถพาพวกเราไปหรือไม่แล้ว”
เห็นชัดว่าเขาก็ไม่ตกลงเช่นกัน!
หยวนเฟยหูกับระดับนิรันดร์คนอื่นดวงตาวาบไหว แม้ไม่ได้เอ่ยปาก แต่พวกเขาก็ไม่มีทางยอมจากไปเพียงเท่านี้โดยไม่ต้องสงสัย
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์