Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2972

สรุปบท ตอนที่ 2972 การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 2972 การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2972 การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 2972 การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

ซูไป๋เพิ่งก้าวออกจากห้องก็ปิดประตู

บรรยากาศในห้องเงียบลงไม่น้อย มีเพียงซย่าจื้อที่กินดื่มต่อไป

“คุณชาย ต้องการให้ข้าไปดูหน่อยไหม”

จินเทียนเสวียนเยวี่ยอดกล่าวไม่ได้

หลินสวินส่ายหัว “ให้เขาจัดการเองเถอะ”

“เพิ่งหย่อนก้นลงนั่งก็ถูกศัตรูมาหาถึงที่ เกรงว่าเรื่องวุ่นวายที่ศิษย์คนนี้ของเจ้าหามาคงไม่น้อย”

เสวียนจิ่วอิ้นเอ่ยปากชม

หลินสวินยิ้มกล่าว “หนทางผงาดของผู้แข็งแกร่งต้องมาพร้อมลมคาวฝนโลหิต หลายปีนี้ซูไป๋มาถึงเมืองจรดฟ้านี้ได้ เกรงว่าระหว่างทางคงผูกปมสร้างศัตรูไว้ไม่น้อย ปีนั้นยามข้ามาถึงเมืองจรดฟ้านี้ ปัญหาที่ก่อยิ่งมากกว่า เรื่องปกติ”

กู้ซีเอ่ยเสียงเบา “ที่ผู้อาวุโสกล่าวมาทั้งหมดถูกต้องที่สุด ซูไป๋มักพูดว่าความขัดแย้งทุกอย่างบนโลกล้วนเป็นหินลับดาบหลอมชำระมรรควิถีของตน เขาไม่เคยกลัวเรื่องวุ่นวาย เกรงแต่ว่าหินลับดาบจะไม่มากพอ”

หลินสวินอดกล่าวอย่างชื่นใจไม่ได้ “มีสภาวะจิตเช่นนี้ มหามรรคควรค่าแก่การรอคอย”

เขาเอ่ยถาม “พวกเจ้าจากดินแดนรกร้างโบราณมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

กู้ซีกล่าว “ประมาณหกสิบปีก่อน ตอนนั้นซูไป๋แจ้งมรรคระดับมกุฎจักรพรรดิแล้ว เขามุ่งมั่นเสาะหามรรคาที่เหนือกว่า ถึงพาข้าก้าวผ่านฟ้าดารา มุ่งหน้ามาแดนใหญ่พันศึกนี้ ทว่าพวกเราไม่มัวแต่เร่งเดินทาง ซูไป๋เห็นว่านี่เป็นการฝึกปราณ เดี๋ยวสัญจรเดี๋ยวหยุดพักตลอดทาง กระทั่งปัจจุบันเพิ่งมาถึงเมืองจรดฟ้านี้”

‘หกสิบปีก่อน…’

หลินสวินใคร่ครวญ “เช่นนั้นยามพวกเจ้าจากมา สถานการณ์ตระกูลหลินเป็นอย่างไร”

ปีนั้นเขาปิดด่านในลัทธิแรกกำเนิดเพื่อเตรียมทะลวงมรรคาอมตะ พวกรองหัวหน้าหอฝูเหวินหลีเคยระดมกำลังพลของยักษ์ใหญ่อมตะเบื้องหลังพวกเขามุ่งหน้าไปดินแดนรกร้างโบราณ วางแผนจับตัวญาติสนิทซึ่งเกี่ยวข้องกับเขามาเพื่อรบกวนสภาวะจิตของเขา

ต่อมาเสวียนเฟยหลิงมอบม้วนหยกเล่มหนึ่งแก่หลินสวิน ม้วนหยกนั้นจ้าวจิ่งเซวียนฝากไว้กับตระกูลเสวียน จากนั้นตระกูลเสวียนจึงส่งต่อมายังลัทธิแรกกำเนิด

ในม้วนหยกเขียนไว้เพียงประโยคเดียว ‘ตระกูลหลินของพวกเราทั้งบนล่างซ่อนตัวอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ท่านพี่โปรดวางใจ อย่ากังวล อย่าพะวง’

ผู้ส่งคือจ้าวจิ่งเซวียน

ม้วนหยกนี้ทำให้ความกังวลของหลินสวินเมื่อปีนั้นพลันหายไป

แต่สิ่งที่คาดการณ์ได้คือกำลังพลที่ฝูเหวินหลีส่งไปเมื่อปีนั้นเคยเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณในโลกชั้นล่างมาก่อนจริงๆ ไม่อย่างนั้นตระกูลหลินที่ครองอาณาเขตในจักรวรรดิจื่อเย่าคงไม่มีทางย้ายไปซ่อนตัวถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แน่! 艾琳小說

กู้ซีจัดระเบียบความคิดเล็กน้อย คราวนี้จึงเล่าออกมาอย่างไม่สะดุด

ปีนั้นหลังหลินสวินจากไป ไอวิญญาณฟ้าดินของโลกชั้นล่างมีแนวโน้มว่าจะระเบิดปะทุตลอด ดึงดูดความสนใจทั่วดินแดนรกร้างโบราณ

‘สำนักยุทธ์ก่อเกิด’ ที่หลินสวินสร้างมากับมือเมื่อปีนั้นนับวันยิ่งรุ่งเรือง กลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งของโลกชั้นล่างอย่างก้าวกระโดด ต่อให้เป็นขุมอำนาจใหญ่เผ่าอสูรมารในทะเลกลืนวิญญาณก็ไม่กล้าล่วงเกินแม้แต่น้อย

แต่เมื่อเจ็ดสิบปีก่อนเคยมีผู้แข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่งกลุ่มหนึ่งมาเยือนโลกชั้นล่างกะทันหัน ขานชื่อเรียกแซ่หมายจับตัวญาติมิตรทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน

ตอนนั้นผู้นำตระกูลเสวียน เสวียนซั่งเฉินมาถึงสำนักยุทธ์ก่อเกิดที่ตระกูลหลินอยู่ตั้งแต่พริบตาแรก นำข่าวมาบอกกล่าว ดังนั้นทุกคนจึงจากจักรวรรดิจื่อเย่าไปได้ก่อนที่เคราะห์สังหารนี้จะมาเยือน

สุดท้ายทุกคนในตระกูลหลินและสำนักยุทธ์ก่อเกิดล้วนย้ายมาตั้งถิ่นฐานใน ‘แดนลับดวงกมล’ ของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ นอกจากละทิ้งอาณาเขตเดิมแล้วก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร

ผ่านไปเช่นนี้ประมาณสิบปี ซูไป๋กับกู้ซีออกเดินทางจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เริ่มหนทางการฝึกปราณโดยมุ่งหน้ามาแดนใหญ่พันศึก

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้แล้วในใจหลินสวินสงบลงไม่น้อยทันที

“กลับไปครั้งนี้หากเจอบิดาเจ้า ข้าต้องเลี้ยงเหล้าเขาให้เต็มที่”

หลินสวินหันมองเสวียนจิ่วอิ้น

เสวียนจิ่วอิ้นยิ้มระรื่นกล่าว “เลี้ยงเขาทำไมเล่า เลี้ยงข้าก็พอแล้ว”

“ทำไมจะไม่ได้ มา ดื่มก่อนจอกหนึ่ง”

หลินสวินยิ้มพลางยกจอกสุรากระดกดื่มรวดเดียวหมด

เดิมเขายังคิดจะถามสถานการณ์ของญาติๆ ตระกูลหลิน แต่คิดดูแล้วก็ช่างเถิด

ซูไป๋กับกู้ซีจากมาประมาณหกสิบปีแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นในหกสิบปีนี้พวกเขาย่อมไม่มีทางรู้แน่

ตนกลับไปดูด้วยตัวเองจะมั่นใจที่สุด

ไม่นานซูไป๋ก็กลับมา สีหน้าราบเรียบนิ่งสงบ

“จัดการแล้วหรือ” หลินสวินถาม

ซูไป๋พยักหน้ากล่าว “จัดการแล้วขอรับ เมื่อครู่ทำให้อาจารย์ต้องเป็นห่วงเรื่องเล็กๆ แล้ว”

กู้ซีมองเขาวูบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ เรื่องเล็กหรือ ตลอดทางนี้ศัตรูที่ผูกปมมีไม่น้อยเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจใหญ่แห่งโลกยอดนิรันดร์ เป็นเรื่องเล็กได้อย่างไร

แต่เห็นว่าซูไป๋ไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนี้ต่อหน้าอาจารย์หลินสวิน สุดท้ายกู้ซีจึงอดกลั้นไว้

หลินสวินยิ้มกล่าว “วันนี้พวกเราศิษย์อาจารย์พบกันที่นี่ถือเป็นเรื่องดี มา ดื่มเหล้า”

ซูไป๋เผยรอยยิ้มเช่นกัน ยกจอกเหล้าพลางกล่าว “ศิษย์ขอดื่มให้อาจารย์ก่อน!”

งานเลี้ยงดำเนินต่อไปหลายชั่วยามจึงสิ้นสุด

สุดท้ายหลินสวินค่อยเอ่ยถาม “อยากกลับทางเดินโบราณฟ้าดาราพร้อมข้าไหม”

ซูไป๋ลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าว “อาจารย์ ศิษย์อยากก้าวเดินตามหนทางที่อาจารย์เคยผ่านเมื่อปีนั้น บุกไปถึงโลกยอดนิรันดร์ในคราเดียว แต่ศิษย์จะเชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์”

ยานลำน้อยนำพาพวกหลินสวินข้ามผ่านโลกฟ้าดาราหลายแห่ง จากการคาดคะเนของหลินสวิน อีกสามวันก็ไปถึงทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างราบรื่น

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ตั้งแต่นั้นตลอดทางหลินสวินเจอเงาร่างที่เหยียบย่างกลางฟ้าดารามากมาย เกือบทั้งหมดล้วนเป็นระดับจักรพรรดิขึ้นไป ถึงขั้นเจอเงาร่างของระดับอมตะเป็นครั้งคราว

นี่ทำให้หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้

แน่นอนว่าในหมู่ระดับอมตะพวกนั้น ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์ ไม่อยู่ในสายตาหลินสวินโดยสิ้นเชิง

แต่ต้องรู้ว่านี่คือโลกพันจักรวาล พ้นขอบเขตของโลกยอดนิรันดร์นานแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีเฒ่าชรามากขนาดนี้มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน แน่นอนว่าผิดปกตินัก

เท่าที่หลินสวินรู้คือในโลกพันจักรวาลมีแค่โลกฟ้าดาราสิบอันดับแรกที่เผยร่องรอยของระดับอมตะ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เคี่ยวกรำบนมรรคามาไม่รู้กี่วันเวลา

“พวกเขาคงไม่ได้ไปทางเดินโบราณฟ้าดาราเหมือนพวกเรากระมัง”

เสวียนจิ่วอิ้นกล่าวล้อเล่น

“อาจเป็นไปได้”

หลินสวินพูด จากนั้นพลันสังเกตเห็นกลิ่นอายระดับอมตะสายหนึ่งพุ่งมาจากฟ้าดาราที่ห่างออกไป เขาทะยานเข้าไปทันที “สหายยุทธ์โปรดหยุดก่อน”

นี่คือชายชราชุดดำคนหนึ่ง กลิ่นอายทั้งตัวแข็งแกร่งยิ่ง ข้างกายยังมีระดับจักรพรรดิอีกกลุ่มหนึ่ง กระบวนรบแข็งแกร่งนัก

เดิมทีชายชราชุดดำยังขมวดคิ้วคล้ายไม่พอใจอยู่บ้าง

แต่เมื่อสังเกตเห็นกลิ่นอายเสี้ยวหนึ่งที่หลินสวินเผยออกมา เขาพลันสั่นสะท้านไปทั้งตัว ประสานมือคารวะกล่าวทันที

“ผู้น้อยเวิ่นเทียนฉี มาจากโลกใหญ่เร้นนภา คารวะสหายยุทธ์”

หลินสวินผงกศีรษะเล็กน้อยพลางกล่าว “บังอาจถามสักประโยค ตลอดทางนี้ข้าเห็นคนมากมายทะยานผ่านฟ้าดารามุ่งหน้าไปทางเดียวกัน นี่เป็นเพราะเหตุใด”

เวิ่นเทียนฉีกล่าวอย่างแปลกใจ “สหายยุทธ์ไม่รู้หรือ”

หลินสวินกล่าว “โปรดชี้แนะด้วย”

เวิ่นเทียนฉีรีบร้อนกล่าว “ไม่กล้าชี้แนะ ผู้น้อยแค่รู้ว่าประมาณสิบปีก่อนมีข่าวแพร่ออกมา ว่าแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในทางเดินโบราณฟ้าดาราเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าเหลือเชื่อ ภายในนั้นเกิดศุภโชคที่เรียกได้ว่าเป็นเลิศไม่น้อย”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “แต่ถึงอย่างไรก็เป็นข่าวลือ น้อยคนนักที่จะใส่ใจ แต่ไม่นานมานี้มีข่าวพร้อมมูลกระจายออกมา ว่ามีคนได้รับศุภโชคเย้ยฟ้าอย่างหนึ่งในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ได้ยินว่านั่นเป็นกระบี่มรรคซึ่งอบอวลด้วยกลิ่นอายนิรันดร์เล่มหนึ่ง ความเป็นมาชวนตะลึงหาใดเปรียบ!”

เมื่อพูดตรงนี้นัยน์ตาของเวิ่นเทียนฉีเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนขึ้นมา “หลังจากข่าวเช่นนี้กระจายออกไป ทั่วโลกพันจักรวาลล้วนรับรู้ เหล่าคนที่สหายยุทธ์เห็นก่อนหน้านี้น่าจะเหมือนผู้น้อย คิดมุ่งหน้าไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อสืบเสาะให้รู้ชัด”

หลินสวินฟังจบแล้วอดเลิกคิ้วไม่ได้ เมื่อสิบปีก่อนในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือ

………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์