Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2998

สรุปบท ตอนที่ 2998 เจตจำนงของรูปปั้นไท่ชู: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2998 เจตจำนงของรูปปั้นไท่ชู – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 2998 เจตจำนงของรูปปั้นไท่ชู ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 2998 เจตจำนงของรูปปั้นไท่ชู

แดนฌาน

อาณาเขตของหอบรรพจารย์ลัทธิฌาน ทั้งถูกเรียกว่า ‘แดนธรรมสว่างไสว’

ตั้งแต่ ‘ซื่อ’ บรรพจารย์ผู้ก่อตั้งลัทธิฌานเปิดสำนักที่นี่ ไม่ว่าเรื่องทางโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ลัทธิฌานยังอยู่ในสี่หอบรรพจารย์ตลอด คงอยู่ชั่วนิรันดร์

แดนลับธรรมตะวัน สถานที่ปิดด่านของพุทธปัจจุบันเจียหนาน

หืม?

เจียหนานที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง ปิดด่านตลอดมาตลอดหลายปีนี้ลืมตาขึ้นเงียบๆ หว่างคิ้วเผยแววจริงจังวูบหนึ่ง ในใจเขาพลันสั่นระรัว สังเกตเห็นกลิ่นอายของมหาเคราะห์นิรันดร์!

‘ก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน ทำไมยังเกิดจุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคนิรันดร์อีก’

ยามนี้เจียหนานอึ้งงันและยากจะเชื่ออย่างอดไม่ได้

เวลานี้เสียงแหบชราหนึ่งพลันดังขึ้น “เจียหนาน รีบมายังถ้ำสถิตของข้า”

เจียหนานใจสะท้าน หยัดร่างขึ้นทันที เงาร่างหายไปกลางอากาศโดยไร้สุ้มเสียง

ในถ้ำสถิตแห่งหนึ่งที่มีบัวเทพเก้าสีมากมายเบ่งบาน ภิกษุชราเคราขาวดุจหิมะรูปหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่ง ร่างผอมบางสันหลังโก่งงอ

เจียหนานเพิ่งมาถึงที่นี่ก็ก้มหัวคำนับ “คารวะอาจารย์ลุง”

ภิกษุชราเคราขาวดุจหิมะนี้คือฟ่านอั้นผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิฌานในปัจจุบัน

ศิษย์เพียงคนเดียวที่บรรพจารย์ซื่อรับมา ตั้งแต่ลัทธิฌานเพิ่งก่อตั้ง ฟ่านอั้นก็ติดตามฝึกปราณข้างกายซื่อแล้ว

“กลิ่นอายของเคราะห์นิรันดร์เมื่อครู่เจ้าน่าจะสังเกตเห็นแล้วกระมัง” ฟ่านอั้นเอ่ยปากกล่าว เสียงแหบชราต่ำลึก

เจียหนานพยักหน้า “ขอรับ”

ฟ่านอั้นลุกขึ้นจากเบาะรองนั่ง นัยน์ตาขุ่นมัวมองเจียหนานกล่าวว่า “ปีนั้นยามบรรพจารย์จากไป เคยทิ้งของไว้สามอย่างได้แก่ ‘คทามหายานสมประสงค์’ ที่ควบคุมระเบียบระดับเทพของพวกเราลัทธิฌาน รูปจำลองเจตจำนงของบรรพจารย์ รวมถึงรูปปั้นหินที่สลักคำว่า ‘ไท่ชู’ ไว้สองคำ”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “ปีนั้นรูปปั้นไท่ชูเผยเจตจำนง ดังนั้นจึงสั่งจี้คงให้นำรูปจำลองเจตจำนงที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ ทั้งพาเหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักออกเคลื่อนพล ร่วมมือกับลัทธิพ่อมด หมายจับตัวหลินสวินผู้สืบทอดของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลนั่น แต่สุดท้าย… กลับล้มเหลว”

สีหน้าเจียหนานเผยแววอึมครึม

ปีนั้นพวกเขาลัทธิฌานเรียกว่าพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่จี้คงกับเหล่าขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ที่พังพินาศทั้งกองทัพ แม้แต่รูปจำลองเจตจำนงของบรรพจารย์ พุทธอดีตเจียซิว พุทธอนาคตเจียจิ้งก็หายไปอย่างแปลกประหลาด!

ฟ่านอั้นกล่าวเสียงต่ำลึก “ตอนนี้รูปปั้นไท่ชูเผยเจตจำนงที่สองออกมาแล้ว”

“อะไรนะ!?” เจียหนานพลันตกตะลึง “หรือว่า… อยากให้พวกเราไปจัดการลัทธิแรกกำเนิดอีกรึ”

นัยน์ตาขุ่นมัวของฟ่านอั้นเปลี่ยนเป็นล้ำลึกเกินคาดเดา “ไม่ ไปจัดการหลินสวิน”

หลินสวิน!

เจียหนานนัยน์ตาหดรัด ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง “กลิ่นอายมหาเคราะห์นิรันดร์ซึ่งปรากฏเมื่อครู่นั้น คงไม่ใช่หมอนี่ชักนำมากระมัง”

ฟ่านอั้นถอนหายใจเบาๆ “ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้อีก แม้แต่ข้ายังตกใจ คิดไม่ถึงว่าเขาได้จุดเปลี่ยนแจ้งมรรคเสี้ยวนั้นมาอย่างไร”

เจียหนานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เจตจำนงของรูปปั้นไท่ชูบอกว่าอย่างไร”

“ข้าแค่สัมผัสได้ถึงเจตจำนงชั้นยอดสายหนึ่ง ไม่มีคำพูดหรืออักษรอย่างเป็นรูปธรรม”

ฟ่านอั้นกล่าวเสียงขรึม “เจตจำนงนี้ง่ายมาก หลินสวินชักนำมหาเคราะห์นิรันดร์มา ทำให้คนผู้นั้นสังเกตเห็น ออกคำสั่งให้พวกเราลัทธิฌานมุ่งหน้าไปกำจัดทันที”

ฟ่านอั้นเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “ทั้งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังมีลัทธิพ่อมดกับเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเข้าร่วมด้วย”

เจียหนานกล่าว “ครั้งนี้ดูเหมือนไม่ต่างอะไรกับการไปโจมตีลัทธิแรกกำเนิดครั้งก่อน”

“ไม่ แตกต่างกัน ด้วยตอนนี้ลัทธิแรกกำเนิดไม่มีระดับนิรันดร์บัญชาการแล้ว ถ้าเจ้าหลินสวินนี่เลือกข้ามด่านเคราะห์ในลัทธิแรกกำเนิด ระเบียบระดับเทพของลัทธิแรกกำเนิดต้องเสียอานุภาพทั้งหมดแน่”

แววตาฟ่านอั้นลึกลับเยียบเย็น “ทั้งภารกิจครั้งนี้เจ้ายังไม่ต้องห่วงว่าจะประสบเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ถึงขั้นว่า… หากทำสำเร็จ ภายหน้าก็ไม่ต้องห่วงว่าจะประสบเคราะห์นี้อีก”

เจียหนานใจสะท้าน กล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่รูปปั้นไท่ชูนั้นพูดเองหรือ”

ฟ่านอั้นกล่าว “พูดเอง? ไม่ถึงขั้นนั้น แต่สิ่งที่แน่ใจได้คือนี่เป็นเจตจำนงซึ่งมาจากคนผู้นั้น”

เจียหนานสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งกล่าวว่า “อาจารย์ลุง คนผู้นั้นมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ เขา… เป็นคนหรือเป็นพลังกฎระเบียบที่ไม่อาจจินตนาการอย่างหนึ่ง”

ฟ่านอั้นส่ายหัว “เรื่องนี้อาจมีแค่บรรพจารย์ที่พอรู้อยู่บ้าง”

เจียหนานใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ได้ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง!”

“เจ้าออกเดินทางเสียตอนนี้ หากเร่งเดินทางเต็มกำลัง สามารถไปถึงลัทธิแรกกำเนิดได้ในสิบชั่วยาม”

ฟ่านอั้นกล่าว

เจียหนานพยักหน้าแล้วหันหลังจากไป

กระทั่งมองส่งเงาร่างเขาจากไป ฟ่านอั้นนั่งบนเบาะรองใหม่อีกครั้ง หยิบรูปปั้นหินสีดำสนิทถ้วนทั่ว คล้ายหยกแต่ไม่ใช่หยกออกมาจากอก

เห็นชัดว่ารูปปั้นหินคือรูปคน ร่างสูงโปร่งแต่ใบหน้าเลือนราง แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง

ใต้รูปปั้นหินสลักคำว่า ‘ไท่ชู’ ไว้สองคำ

ก่อนหน้านี้เจตจำนงสายนั้นก็แผ่อบอวลออกมาจากคำว่าไท่ชูนี้

‘ใช่แล้ว เจ้า… เป็นใครกันแน่’ นัยน์ตาฟ่านอั้นจ้องมองรูปปั้นหิน นิ่งงันเหม่อลอย

ลัทธิพ่อมด

ยอดเขารัศมีหมื่นจั้งพลันสั่นสะเทือน จากนั้นร่างผอมบางหนึ่งเดินออกมาจากยอดเขาทีละก้าว

“ขอเพียงข้าไม่เจอภัยคุกคามจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ อย่าว่าแต่ฆ่าหลินสวิน ต่อให้ไปเหยียบประตูทางเข้าลัทธิแรกกำเนิดข้าก็ไม่นิ่วหน้าแม้แต่นิด”

ร่างผอมบางนี้กล่าวเสียงเยียบเย็น

เมื่อมองโดยละเอียดเขาสวมชุดหนังสัตว์ ผิวหนังที่เผยออกมาเหมือนหล่อจากสำริด ใบหน้าดำด้านดุจแกะสลัก ส่วนลึกของนัยน์ตามีลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นสีเลือดดุจนรกวาววาม

ราชครูฟ้าถานอู่!

ภาพชวนตระหนกนั้นทำเอาพวกเสวียนเฟยหลิงตาค้างแข็ง ต่อให้ผ่าสมองออกมาพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินถึงกับใช้วิธีนี้ข้ามด่านเคราะห์

กลืนอสนีเคราะห์หรือ

เย้ยฟ้าเกินไปแล้ว!

‘นี่ก็คือพลังชีวิตมหามรรคที่แฝงอยู่ในอสนีเคราะห์หรือ…’

หลินสวินสัมผัสพลังชีวิตอสนีเคราะห์ที่สั่งสมอยู่ในทุกอณูบนผิวหนัง ทั่วร่างมีความรู้สึกอัศจรรย์ ราวกับดูดกลืนสิ่งหล่อเลี้ยงที่ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง

ตูม!

ไม่รอให้เขาสัมผัสขึ้นไปอีกขั้น ส่วนลึกเมฆาเคราะห์แน่นหนามีเสียงฟ้าร้องทึบหนักดังก้องอีกครั้ง ปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้า สะเทือนทั่วสิบทิศ

แค่อานุภาพซึ่งอัดแน่นในเสียงนั้นก็ทำให้ระดับอมตะขวัญหนีดีฝ่อ

จากนั้นแสงเคราะห์หลากสายแหวกผ่านเมฆาเคราะห์ เบียดเสียดแน่นขนัดเหมือนกฎระเบียบตรวนเทพป่วนคลั่ง เปล่งประกายเจิดจรัส

แสงเคราะห์เหล่านี้งดงามจริงๆ ตระการตาไร้ขอบเขต แต่น่ากลัวถึงขั้นไม่อาจจินตนาการเช่นกัน ทันทีที่ปรากฏก็กลายเป็นทวนศึกเปี่ยมพลังพิพากษาและปลิดชีพมากมาย แทงผ่านอากาศไปทางหลินสวิน

ตึง!

เตาหลอมซึ่งวิวัฒน์มาจากกฎเกณฑ์อมตะรอบตัวหลินสวินถูกทวนแสงเคราะห์เล่มหนึ่งโจมตีใส่ เกิดเสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เตาหลอมพลันสั่นไหว

จากนั้นทวนศึกแต่ละเล่มรวมตัวพุ่งเข้ามา พลังทำลายล้างนั้นซัดจนเตาหลอมระเบิดออกทันที

พวกเสวียนเฟยหลิงตกใจจนหน้าถอดสี

เพียงแต่ครู่ต่อมาก็เห็นว่าเตาหลอมซึ่งถูกทำลายนั้นทรุดตัวกลายเป็นหุบเหวหนึ่ง ลึกล้ำยากหยั่งถึง ขยายตัวไม่รู้กี่เท่าทันที เขมือบกลืนท้องนภาโดยพลัน

ตูม!

แสงเคราะห์แน่นหนาที่เหมือนทวนพิพากษานั้นล้วนถูกเหวลึกกลืนกินท่ามกลางเสียงกัมปนาท หายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลินสวินเพียงส่งเสียงอึดอัดในลำคอคราหนึ่ง เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง โคจรมรรควิถีของตนเต็มกำลัง พลังกฎเกณฑ์อมตะที่เปลี่ยนเป็นเหวลึกนั้นกู่ก้องต่อเนื่อง หลอมทวนแสงเคราะห์มากมายที่ติดอยู่ในนั้น…

“เจ้าหมอนี่วิปริตเกินไปแล้วกระมัง”

“ตอนหัวหน้าหอโหยวเป่ยไห่แจ้งมรรคดูหมดสภาพและน่าอนาถเพียงใด แล้วมองดูหลินสวินสิ… ไม่อาจเทียบได้โดยสิ้นเชิง…”

“กฎเกณฑ์อมตะของเขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว สั่นคลอนกฎระเบียบฟ้าดิน ทั้งกำราบพลังเคราะห์นิรันดร์นั้นได้อย่างแข็งกร้าว!”

พวกเสวียนเฟยหลิงเห็นภาพทั้งหมดนี้ในสายตา ทุกคนล้วนสั่นสะท้านไม่หยุด สีหน้าเปลี่ยนเป็นมึนงงอยู่บ้างเล็กน้อย

“นี่เพิ่งเริ่มต้นด่านเคราะห์ก็แข็งแกร่งเช่นนี้ เกรงว่าต่อจากนี้คงน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ”

ตู๋กูยงมุ่นคิ้วกล่าว

เขาเคยสังเกตการณ์ยามโหยวเป่ยไห่แจ้งมรรคกับตา สังเกตเห็นชัดเจนว่าอานุภาพมหาเคราะห์นิรันดร์ที่หลินสวินข้าม เหนือกว่ามหาเคราะห์นิรันดร์ที่โหยวเป่ยไห่เผชิญหน้าตอนนั้นอยู่มาก!

ในใจทุกคนเครียดขมึงอย่างอดไม่ได้

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์