ตอนที่ 3037 ลักพาตัว
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ผู้อาวุโส เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลกับผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยมีความสัมพันธ์กันอย่างไรหรือ”
จี้หวังถูถอนหายใจยาวกล่าวว่า “พูดไปเจ้าอาจไม่เชื่อ จากที่ข้าเข้าใจ ในสายตาคนผู้นั้นเผ่าเทพนิรันดร์ใหญ่ทั้งหมดในน่านฟ้าที่เก้า แม้แต่สุนับรับใช้ยังเทียบไม่ติด”
ประโยคเดียวมีทั้งการดูถูกตัวเอง และมีความขมขื่นและรันทดเช่นกัน
แม้แต่สุนัขรับใช้ยังเทียบไม่ติด!
อย่างน้อยสิบยักษ์ใหญ่อมตะในน่านฟ้าที่แปดยังเป็นสุนัขให้เผ่าเทพนิรันดร์ได้
แต่เผ่าเทพนิรันดร์เหล่านี้ เห็นชัดว่าไม่มีคุณสมบัติพอไปเป็นสุนัขให้ผู้บงการหลังม่านนั่น!
นี่ทำให้หลินสวินประหลาดใจยิ่ง และยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อขึ้นเรื่อยๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเผ่าเทพนิรันดร์กลับทำตามคำสั่งอยู่ตลอด”
“เจตนารมณ์ของคนผู้นั้นใครจะกล้าขัดขืน”
จี้หวังถูสูดหายใจลึกกล่าวว่า “ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า เมื่อครึ่งปีก่อนเป็นลัทธิฌานเช่นกันที่กระจายข่าวออกมา บอกว่าขอเพียงเผ่าเทพนิรันดร์ในน่านฟ้าที่เก้าฆ่าเจ้าหลินสวินได้แล้ว ระดับนิรันดร์พวกนั้นก็จะเลี่ยงการโจมตีของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้”
ในใจหลินสวินพลันสะท้าน ดังคาด ผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นอาจจะไม่สามารถควบคุมเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้อย่างสมบูรณ์ แต่กลับไปใช้ประโยชน์หรือแทรกแซงเคราะห์นี้ได้
“มิน่าตอนนั้นพวกเขาถึงได้ทุ่มเต็มที่เช่นนั้น”
ริมฝีปากหลินสวินเผยแววเยาะเย้ย “หากเป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจได้หรือไม่ว่าในโลกนิรันดร์ทั้งหมด ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นสุนัขให้ผู้บงการหลังม่านนั่นมีเพียงลัทธิฌาน”
รูปปั้นไท่ชูอันเร้นลับที่ลัทธิฌานมีในครอบครอง ไม่ว่าจะเรื่องจัดการเจ้าแห่งคีรีดวงกมลในน่านฟ้าที่เก้าเมื่อปีนั้น หรือจัดการกับเขาหลินสวินในตอนนี้
ทุกอย่างล้วนพิสูจน์ว่าลัทธิฌานกับผู้บงการหลังม่านนั่นมีความสัมพันธ์ที่ต่างจากทั่วๆ ไป!
“นี่… ข้าก็ไม่รู้ชัด”
จี้หวังถูส่ายหน้า
หลินสวินไม่ถามอะไรมากอีก เรื่องพวกนี้พัวพันถึงผู้บงการหลังม่าน แม้แต่คนอย่างเฉินหลิงคงยังไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงของผู้บงการหลังม่านนั่นได้มาตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น
วันนั้นหลินสวินก็พาจี้หวังถูกับคนตระกูลจี้ทั้งหมดที่เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วออกจากน่านฟ้าที่เก้าไปด้วยกัน
…
น่านฟ้าที่เจ็ด
หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด
ข่าวที่หลินสวินกลับมากระจายไปทั่วทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดทันที
เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงต่างไปต้อนรับ ส่วนพวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหู อาหลู่ก็หยุดเรื่องในมือทั้งหมดลงแล้วพากันมาหาเช่นกัน
และในวันนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในน่านฟ้าที่เก้าก็สะเทือนทั่วลัทธิแรกกำเนิด ทำให้เกิดเสียงฮือฮาและสะท้านสะเทือนนับไม่ถ้วน
สำหรับเรื่องเช่นนี้หลินสวินเห็นจนชินนานแล้ว
เย็นวันนั้นงานเลี้ยงใหญ่เปิดม่านขึ้นในเรือนมรรคกลาง หลินยงแนะนำฐานะของพวกซี จี้ซานไห่ให้กับทุกคน
นี่ทำให้เสวียนเฟยหลิงอดล้อไม่ได้ “ข้าก็คิดว่าเจ้าไปทำอะไรที่น่านฟ้าที่เก้า ที่แท้ก็ไปเป็นผู้กล้าช่วยสาวงามนี่เอง”
คนไม่น้อยล้วนขำตามๆ กัน
แต่ซีกลับสีหน้าสงบนิ่ง ไม่พูดอะไร
ส่วนจี้ซานไห่กะพริบตางาม ยิ้มหวานกล่าว “สตรีใต้หล้านี้ใครจะต้านบุรุษอัศจรรย์อย่างหัวหน้าหอหลินได้เล่า น่าเสียดาย เขาแต่งภรรยาและมีลูกนานแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงเกี้ยวเขาสักรอบจริงๆ”
จ้าวจิ่งเซวียนสังเกตซีกับจี้ซานไห่อยู่ตลอด เมื่อเห็นจี้ซานไห่พูดเช่นนี้ในใจก็ถอนหายใจโล่งอก ไม่ได้กังวลอะไรอีก
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้ผสมโรงกับหัวข้อเช่นนี้ วางตัวเป็นคนนอกอย่างรู้ความ ไม่เช่นนั้นต้องเป็นการหาเรื่องใส่ตัวแน่นอน
จนกระทั้งตกดึกงานเลี้ยงถึงสิ้นสุดลง
หลังงานเลี้ยงจบลง หลินสวินก็กลับถ้ำสถิตของตน
ก่อนหน้านี้เขานำทรัพย์หลังศึกที่ได้จากเผ่าเทพนิรันดร์ส่วนหนึ่งมอบให้พวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงจัดการแล้ว
เชื่อว่าด้วยสติปัญญาของผู้อาวุโสเหล่านี้ ย่อมสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์หลังศึกพวกนี้ได้อย่างเหมาะสม นี่เป็ฯเรื่องดีต่อทุกคนในลัทธิแรกกำเนิดด้วย
“ท่านพี่ ข้าเป็นห่วงฝานเอ๋อร์อยู่บ้าง”
ในถ้ำสถิต ร่างบอบบางอ่อนช้อยของจ้าวจิ่งเซวียนแอบอิงอยู่ในอกหลินสวิน กล่าวเสียงเบา “ข้าเคยกำชับเขาว่าทุกๆ หนึ่งเดือนต้องส่งข่าวแจ้งว่าปลอยภัยกลับมาบ้าง แต่ตอนนี้… ผ่านไปสองเดือนแล้วฝานเอ๋อร์ยังไม่ส่งข่าวกลับมาเลย”
หลินสวินลูบใบหน้างามขาวกระจ่างนุ่มนวลของจ้าวจิ่งเซวียนเบาๆ กล่าวว่า “ตอนฝานเอ๋อร์จากไปไม่ใช่ว่าพกสมบัติลับมากมายติดตัวไปด้วยหรือ ถ้าเกิดเรื่องอันตรายขึ้นมาจริงๆ ต้องถูกเจ้าสัมผัสได้ทันทีแน่นอน”
จ้าวจิ่งเซวียนส่งเสียงอืมคราหนึ่งแล้วกล่าว “ก็ใช่ เพียงแต่…”
นางยังจะพูดอะไรต่อ แต่ริมฝีปากชมพูอวบอิ่มนั่นก็ถูกหลินสวินก้มลงไปจูบ ทันใดนั้นความคิดอะไรล้วนหายไปหมดแล้ว
ราตรีนี้เงียบงัน
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลินสวินที่อารมณ์เบิกบานทำอาหารดีๆ รสชาติเยี่ยมไว้เต็มโต๊ะด้วยมือตัวเอง
ซย่าจื้อที่จนกระทั่งเช้าตรู่ถึงเพิ่งเดินออกมาจากเรือนิรันดร์กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ อดกล่าวไม่ได้ว่า “พี่จิ่งเซวียน เมื่อคืนเจ้ากับหลินสวินทำอะไรกันหรือ ทำไมถึงต้องให้ข้าอยู่ในเรือนิรันดร์”
จ้าวจิ่งเซวียนหน้าแดงทันที ลำคอเรียวขาวหิมะแผ่สีชมพูขึ้นชั้นหนึ่ง แสร้งทำสงบนิ่งพูดปัดคลุมเครือ “ไม่มีอะไร แค่คุยบางเรื่องกับเขา”
ซย่าจื้อกล่าวอย่างอยากรู้ “เรื่องอะไรหรือ”
จ้าวจิ่งเซวียนอดเหลือบมองหลินสวินปราดหนึ่งไม่ได้ คล้ายกำลังบอกว่าเจ้าพูดเถิด
หลินสวินเห็นท่าทางเขินอายของจ้าวจิ่งเซวียนก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ซย่าจื้อ พี่จิ่งเซวียนของเจ้าไม่ได้เจอข้ามานานแล้ว จึงมีเรื่องมากมายต้องคุยกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนคุยเรื่องอะไรไม่สำคัญสักนิด”
นัยน์ตาคู่งามราวดวงดาวของซย่าจื้อจ้องหลินสวิน กล่าวว่า “หลินสวิน เจ้าโกหก”
หลินสวิน “?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์