Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3037

สรุปบท ตอนที่ 3037 ลักพาตัว: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 3037 ลักพาตัว จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 3037 ลักพาตัว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 3037 ลักพาตัว

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ผู้อาวุโส เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลกับผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยมีความสัมพันธ์กันอย่างไรหรือ”

จี้หวังถูถอนหายใจยาวกล่าวว่า “พูดไปเจ้าอาจไม่เชื่อ จากที่ข้าเข้าใจ ในสายตาคนผู้นั้นเผ่าเทพนิรันดร์ใหญ่ทั้งหมดในน่านฟ้าที่เก้า แม้แต่สุนับรับใช้ยังเทียบไม่ติด”

ประโยคเดียวมีทั้งการดูถูกตัวเอง และมีความขมขื่นและรันทดเช่นกัน

แม้แต่สุนัขรับใช้ยังเทียบไม่ติด!

อย่างน้อยสิบยักษ์ใหญ่อมตะในน่านฟ้าที่แปดยังเป็นสุนัขให้เผ่าเทพนิรันดร์ได้

แต่เผ่าเทพนิรันดร์เหล่านี้ เห็นชัดว่าไม่มีคุณสมบัติพอไปเป็นสุนัขให้ผู้บงการหลังม่านนั่น!

นี่ทำให้หลินสวินประหลาดใจยิ่ง และยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อขึ้นเรื่อยๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเผ่าเทพนิรันดร์กลับทำตามคำสั่งอยู่ตลอด”

“เจตนารมณ์ของคนผู้นั้นใครจะกล้าขัดขืน”

จี้หวังถูสูดหายใจลึกกล่าวว่า “ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า เมื่อครึ่งปีก่อนเป็นลัทธิฌานเช่นกันที่กระจายข่าวออกมา บอกว่าขอเพียงเผ่าเทพนิรันดร์ในน่านฟ้าที่เก้าฆ่าเจ้าหลินสวินได้แล้ว ระดับนิรันดร์พวกนั้นก็จะเลี่ยงการโจมตีของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้”

ในใจหลินสวินพลันสะท้าน ดังคาด ผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นอาจจะไม่สามารถควบคุมเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้อย่างสมบูรณ์ แต่กลับไปใช้ประโยชน์หรือแทรกแซงเคราะห์นี้ได้

“มิน่าตอนนั้นพวกเขาถึงได้ทุ่มเต็มที่เช่นนั้น”

ริมฝีปากหลินสวินเผยแววเยาะเย้ย “หากเป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจได้หรือไม่ว่าในโลกนิรันดร์ทั้งหมด ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นสุนัขให้ผู้บงการหลังม่านนั่นมีเพียงลัทธิฌาน”

รูปปั้นไท่ชูอันเร้นลับที่ลัทธิฌานมีในครอบครอง ไม่ว่าจะเรื่องจัดการเจ้าแห่งคีรีดวงกมลในน่านฟ้าที่เก้าเมื่อปีนั้น หรือจัดการกับเขาหลินสวินในตอนนี้

ทุกอย่างล้วนพิสูจน์ว่าลัทธิฌานกับผู้บงการหลังม่านนั่นมีความสัมพันธ์ที่ต่างจากทั่วๆ ไป!

“นี่… ข้าก็ไม่รู้ชัด”

จี้หวังถูส่ายหน้า

หลินสวินไม่ถามอะไรมากอีก เรื่องพวกนี้พัวพันถึงผู้บงการหลังม่าน แม้แต่คนอย่างเฉินหลิงคงยังไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงของผู้บงการหลังม่านนั่นได้มาตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น

วันนั้นหลินสวินก็พาจี้หวังถูกับคนตระกูลจี้ทั้งหมดที่เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วออกจากน่านฟ้าที่เก้าไปด้วยกัน

น่านฟ้าที่เจ็ด

หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด

ข่าวที่หลินสวินกลับมากระจายไปทั่วทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดทันที

เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงต่างไปต้อนรับ ส่วนพวกจ้าวจิ่งเซวียน เจ้าคางคก อาหู อาหลู่ก็หยุดเรื่องในมือทั้งหมดลงแล้วพากันมาหาเช่นกัน

และในวันนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในน่านฟ้าที่เก้าก็สะเทือนทั่วลัทธิแรกกำเนิด ทำให้เกิดเสียงฮือฮาและสะท้านสะเทือนนับไม่ถ้วน

สำหรับเรื่องเช่นนี้หลินสวินเห็นจนชินนานแล้ว

เย็นวันนั้นงานเลี้ยงใหญ่เปิดม่านขึ้นในเรือนมรรคกลาง หลินยงแนะนำฐานะของพวกซี จี้ซานไห่ให้กับทุกคน

นี่ทำให้เสวียนเฟยหลิงอดล้อไม่ได้ “ข้าก็คิดว่าเจ้าไปทำอะไรที่น่านฟ้าที่เก้า ที่แท้ก็ไปเป็นผู้กล้าช่วยสาวงามนี่เอง”

คนไม่น้อยล้วนขำตามๆ กัน

แต่ซีกลับสีหน้าสงบนิ่ง ไม่พูดอะไร

ส่วนจี้ซานไห่กะพริบตางาม ยิ้มหวานกล่าว “สตรีใต้หล้านี้ใครจะต้านบุรุษอัศจรรย์อย่างหัวหน้าหอหลินได้เล่า น่าเสียดาย เขาแต่งภรรยาและมีลูกนานแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงเกี้ยวเขาสักรอบจริงๆ”

จ้าวจิ่งเซวียนสังเกตซีกับจี้ซานไห่อยู่ตลอด เมื่อเห็นจี้ซานไห่พูดเช่นนี้ในใจก็ถอนหายใจโล่งอก ไม่ได้กังวลอะไรอีก

ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้ผสมโรงกับหัวข้อเช่นนี้ วางตัวเป็นคนนอกอย่างรู้ความ ไม่เช่นนั้นต้องเป็นการหาเรื่องใส่ตัวแน่นอน

จนกระทั้งตกดึกงานเลี้ยงถึงสิ้นสุดลง

หลังงานเลี้ยงจบลง หลินสวินก็กลับถ้ำสถิตของตน

ก่อนหน้านี้เขานำทรัพย์หลังศึกที่ได้จากเผ่าเทพนิรันดร์ส่วนหนึ่งมอบให้พวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงจัดการแล้ว

เชื่อว่าด้วยสติปัญญาของผู้อาวุโสเหล่านี้ ย่อมสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์หลังศึกพวกนี้ได้อย่างเหมาะสม นี่เป็ฯเรื่องดีต่อทุกคนในลัทธิแรกกำเนิดด้วย

“ท่านพี่ ข้าเป็นห่วงฝานเอ๋อร์อยู่บ้าง”

ในถ้ำสถิต ร่างบอบบางอ่อนช้อยของจ้าวจิ่งเซวียนแอบอิงอยู่ในอกหลินสวิน กล่าวเสียงเบา “ข้าเคยกำชับเขาว่าทุกๆ หนึ่งเดือนต้องส่งข่าวแจ้งว่าปลอยภัยกลับมาบ้าง แต่ตอนนี้… ผ่านไปสองเดือนแล้วฝานเอ๋อร์ยังไม่ส่งข่าวกลับมาเลย”

หลินสวินลูบใบหน้างามขาวกระจ่างนุ่มนวลของจ้าวจิ่งเซวียนเบาๆ กล่าวว่า “ตอนฝานเอ๋อร์จากไปไม่ใช่ว่าพกสมบัติลับมากมายติดตัวไปด้วยหรือ ถ้าเกิดเรื่องอันตรายขึ้นมาจริงๆ ต้องถูกเจ้าสัมผัสได้ทันทีแน่นอน”

จ้าวจิ่งเซวียนส่งเสียงอืมคราหนึ่งแล้วกล่าว “ก็ใช่ เพียงแต่…”

นางยังจะพูดอะไรต่อ แต่ริมฝีปากชมพูอวบอิ่มนั่นก็ถูกหลินสวินก้มลงไปจูบ ทันใดนั้นความคิดอะไรล้วนหายไปหมดแล้ว

ราตรีนี้เงียบงัน

เช้าวันรุ่งขึ้น

หลินสวินที่อารมณ์เบิกบานทำอาหารดีๆ รสชาติเยี่ยมไว้เต็มโต๊ะด้วยมือตัวเอง

ซย่าจื้อที่จนกระทั่งเช้าตรู่ถึงเพิ่งเดินออกมาจากเรือนิรันดร์กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ อดกล่าวไม่ได้ว่า “พี่จิ่งเซวียน เมื่อคืนเจ้ากับหลินสวินทำอะไรกันหรือ ทำไมถึงต้องให้ข้าอยู่ในเรือนิรันดร์”

จ้าวจิ่งเซวียนหน้าแดงทันที ลำคอเรียวขาวหิมะแผ่สีชมพูขึ้นชั้นหนึ่ง แสร้งทำสงบนิ่งพูดปัดคลุมเครือ “ไม่มีอะไร แค่คุยบางเรื่องกับเขา”

ซย่าจื้อกล่าวอย่างอยากรู้ “เรื่องอะไรหรือ”

จ้าวจิ่งเซวียนอดเหลือบมองหลินสวินปราดหนึ่งไม่ได้ คล้ายกำลังบอกว่าเจ้าพูดเถิด

หลินสวินเห็นท่าทางเขินอายของจ้าวจิ่งเซวียนก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ซย่าจื้อ พี่จิ่งเซวียนของเจ้าไม่ได้เจอข้ามานานแล้ว จึงมีเรื่องมากมายต้องคุยกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่วนคุยเรื่องอะไรไม่สำคัญสักนิด”

นัยน์ตาคู่งามราวดวงดาวของซย่าจื้อจ้องหลินสวิน กล่าวว่า “หลินสวิน เจ้าโกหก”

หลินสวิน “?”

นัยน์ตาซูไป๋หรี่ลงน้อยๆ กล่าวว่า “ไม่ผิด” ไอรีนโนเวล

“ไปกับข้าสักรอบ”

เสียงนางสงบนิ่งมาก แต่กลับไม่มีคลื่นอารมณ์สักนิด นัยน์ตาทั้งคู่กลับคล้ายดาบอันคมกริบจ้องมองซูไป๋ ในแววตามีกลิ่นอายสำรวจและออกคำสั่งอย่างหนึ่ง

“มีเรื่องอะไร” ซูไป๋เอ่ยถาม

หญิงสาวกล่าว “วางใจ หากอาจารย์เจ้าไม่ปรากฏตัวออกมาก่อนเจ้าไม่ตายหรอก”

ในใจซูไป๋พลันสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปน้อยๆ กล่าวว่า “หมายความว่าอย่างไร”

หญิงสาวสีหน้าเรียบเฉยกล่าว “เจ้าอ่อนแอ่เกินไป ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะรู้”

ซูไป๋สูดหายใจลึก กล่าวว่า “เช่นนั้นบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร”

หญิงสาวคิดครู่หนึ่ง จากนั้นเผยยิ้มบางๆ ออกมา เพียงแต่รอยยิ้มนั่นกลับนำมาซึ่งความรู้สึกที่พาให้คนใจสั่น “ในเมื่อเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นก็จำไว้ให้ดี ข้าชื่อเจียงเจวี๋ย มาจากยุคทวยเทพ”

เสียงยังคงก้องสะท้อน เบื้องหน้าซูไป๋มืดลงทันที พลันสูญเสียความรู้สึกทั้งหมดไป

ในน่านฟ้าที่หกเช่นเดียวกัน

บนทะเลทรายผืนหนึ่ง หลินฝานมองคนที่อยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

นี่เป็นชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่ง ท่วงท่าสง่างาม บนหน้าระบายยิ้มที่ทำให้คนรู้สึกเหมือนลมวสันต์ พาให้คนเกิดความรู้สึกดีขึ้นในใจได้ง่ายๆ

แต่ในสายตาหลินฝาน ทั่วร่างชายหนุ่มชุดดำนี่กลับแผ่กลิ่นอายที่ทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามถึงชีวิต

เวลานี้เองชายหนุ่มชุดดำยิ้มกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม ไม่ต้องดิ้นรนแล้ว ในพื้นที่นี้สมบัติลับและไพ่ตายพวกนั้นบนตัวเจ้าล้วนช่วยเจ้าไม่ได้อีกต่อไป ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู”

หลินฝานขมวดคิ้วกล่าว “เจ้าเป็นใครกันแน่”

ชายชุดดำกล่าวลวกๆ “ข้าหรือ นามเกาหยางหลี มาจากยุคทวยเทพ ถ้าพ่อของเจ้าเห็นข้าต้องรู้ว่าข้าเป็นใครแน่นอน”

หลินฝานนัยน์ตาฉายแววเย็นเยียบ กล่าวว่า “เจ้าเป็นศัตรูของท่านพ่อข้าหรือ “

ชายชุดดำที่เรียกตัวเองว่าเกาหยางหลีหัวเราะกล่าว “เจ้าหนูอย่างเจ้านับว่าฉลาด แต่เจ้าวางใจ ข้ามาที่นี่เพียงแค่อยากจะหารือกับพ่อของเจ้าเรื่องหนึ่งก็เท่านั้น ถ้าเขารับปาก ทุกคนก็จะมีความสุขอย่างยิ่ง ถ้าเขาไม่รับปาก เกรงว่าคงต้องเกิดเรื่องไม่ดีอยู่บ้าง”

หลินฝานมองไปรอบๆ แล้วกล่าวว่า “เอาชีวิตข้ามาข่มขู่ท่านพ่อข้า ดูท่าพวกเจ้าคงไม่กล้าไปเป็นศัตรูกับท่านพ่อข้าซึ่งๆ หน้าสักนิด”

น้ำเสียงเผยแววเยาะหยัน

ชายชุดดำกลับกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ตอนนี้โลกยอดนิรันดร์นี้ ชื่อเสียงของบิดาเจ้าล้วนเลื่องลือไปทั่ว แม้แต่เผ่าเทพนิรันดร์พวกนั้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แม้พวกข้าจะไม่ได้สนเรื่องพวกนี้แต่ก็ต้องเตรียมตัวไว้บ้าง เจ้าว่าใช่หรือไม่”

เขายิ้มมองหลินฝาน ราวกับกำลังพูดคุยกับสหายเก่า

ทว่าทั้งหมดนี้กลับทำให้ใจของหลินฝานจมดิ่ง ตระหนักถึงความไม่เข้าทีอย่างสิ้นเชิงแล้ว

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์