Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3041

สรุปบท ตอนที่ 3041 พบรูปปั้นหินอีกครั้ง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3041 พบรูปปั้นหินอีกครั้ง – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 3041 พบรูปปั้นหินอีกครั้ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 3041 พบรูปปั้นหินอีกครั้ง

จี้กุยเจินหน้าตาคล้ายชายหนุ่ม แต่ความจริงแล้วเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด

เขามาจากยุคอันดับหนึ่งในหมู่ยุคก่อนในแหล่งสถานศุภโชค ซ้ำยังมีมรรควิถีขั้นสรรสร้าง ไปที่ใดล้วนได้รับความเคารพจากผู้คน มีหรือจะเคยถูกตบหน้าเช่นนี้

ครู่หนึ่งความอัปยศรุนแรงก็กระตุ้นให้พลังจิตเขาปั่นป่วนเดือดพล่าน

เมื่อเห็นจี้กุยเจินถูกตบเช่นนี้ เกาหยางหลีและเจียงเจวี๋ยก็เปลี่ยนเป็นเชื่อฟังขึ้นไม่น้อย

หลินสวินก้มมองดูทั้งสามคน กล่าวว่า “ใครจะบอกข้าว่าลูกชายและลูกศิษย์ของข้าตอนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่”

“แหล่งสถานศุภโชค”

เกาหยางหลีคล้ายรู้ชัดยิ่งว่าหากขัดขืนก็ไม่อาจเลี่ยงการบาดเจ็บทางกายได้ ดังนั้นจึงให้ความร่วมมืออย่างเห็นได้ชัด “ถ้าไม่เกินความคาดหมาย พวกเขาน่าจะถูกพาไปยุคทวยเทพแล้ว นอกจากนั้นหากภายในสามวันพวกเราไม่พาเจ้าไปยุคทวยเทพ ลูกชายกับลูกศิษย์ของเจ้าก็ต้องถูกปลิดชีพ”

นัยน์ตาดำของหลินสวินไหววูบ ถามอีกครั้ง “พวกเจ้าออกมาจากแหล่งสถานศุภโชคได้อย่างไร”

คำถามนี้สำคัญมาก

และเป็นจุดที่ทำให้หลินสวินเดาสถานที่ไม่ออกเช่นกัน

เพราะแหล่งสถานศุภโชคเป็นดั่งกรงขัง ผู้ฝึกปราณในอารยธรรมยุคสมัยมากกว่าร้อยที่กระจายตัวอยู่ในนั้นไม่มีทางหนีออกมาได้แม้แต่น้อย

เกาหยางหลีปิดปากทันที ราวกับว่าคำถามนี้เป็นเรื่องต้องห้ามเกินไป ทำให้เขาไม่กล้าเผยความลับในนั้น

หลินสวินใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า “ดูท่าการปรากฏตัวของพวกเจ้าก็มีความเกี่ยวข้องกับผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นขั้นสรรสร้างมีหรือจะเสี่ยงชีวิตมาเยือนโลกยอดนิรันดร์ได้อย่างไม่เกรงกลัว”

“เจ้า…” เกาหยางหลีหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ

หลินสวินกล่าว “ไม่ต้องแปลกใจไป เรื่องเช่นนี้เดาได้ง่ายมาก ข้าแค่ประหลาดใจว่าผู้บงการหลังม่านนั่นติดต่อกับพวกเจ้าได้อย่างไร”

เกาหยางหลีนิ่งเงียบอีกครั้ง

เจียงเจวี๋ยที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความเย็นชา “ข้ารับรองได้ว่าเจ้าไม่มีทางได้คำตอบจากปากของพวกเราแน่นอน ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดู”

นางสงบนิ่งมากอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางไม่หวั่นเป็นตาย

หลินสวินยื่นมืออกไปคว้าคอของนาง จ้องใบหน้าเย็นชางดงามนั่นของนางพลางกล่าว “วางใจ ข้าไม่ให้พวกเจ้าตายง่ายๆ เช่นนี้หรอก”

ปึง!

จากนั้นร่างสูงเพรียวแบบบางของเจียงเจวี๋ยก็ระเบิดออก เลือดเนื้อยังไม่ทันแตกเป็นเสี่ยงก็พลันถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา

จากนั้นก็เห็นพลังกฎระเบียบลี้ลับเป็นสายๆ โผล่ออกมาจากฝ่ามือหลินสวิน ผนึกควบรวมเป็นเตาหลอมมายาใบหนึ่งทันที

นี่เป็นการควบรวมจาก ‘กฎระเบียบแปรมรรค’ ‘กฎระเบียบแปรร่าง’ ‘กฎระเบียบแปรโลหิต’ ในห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

ภายใต้สายตาที่มองอย่างตกตะลึงของพลังจิตเจียงเจวี๋ย เลือดเนื้อของนางก็ถูกหลอมไปทั้งหมดภายใน ‘เตาหลอม’ นั่น

จนสุดท้ายกลายเป็นศิลาโลหิตนิรันดร์ที่แดงฉานพร่างพราวขนาดหนึ่งกำปั้น หินมรรคนิรันดร์ที่แผ่กลิ่นอายน่าตกใจ รวมถึงพลังกฎเกณฑ์นิรันดร์กลุ่มหนึ่ง ล้วนบริสุทธิ์หาใดเปรียบ มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ดั้งเดิม

ภาพนี้ทำเอาจี้กุยเจินกับเกาหยางหลีสะท้านทั้งที่ไม่หนาว สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน

“สำหรับข้า แทนที่จะฆ่าพวกเจ้าไม่สู้เอาพวกเจ้ามาหลอมเป็นพลังมหามรรคเช่นนี้ นี่เป็นสมบัตินิรันดร์ที่หาได้ยากยิ่งเป็นที่สุด”

หลินสวินกล่าวเรียบๆ “แน่นอนว่าอย่างที่ข้าเพิ่งพูดไป จะไม่ให้พวกเจ้าตายไปง่ายๆ เช่นนี้ เรื่องที่น่าขมขื่นที่สุดในโลกนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่สามารถ!”

สีหน้าของจี้กุยเจิน เกาหยางหลีและเจียงเจวี๋ยล้วนเปลี่ยนเป็ฯไม่น่ามทองอย่างที่สุด

“เหอะๆ ต่อให้เป็นเช่นนี้เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้รู้อะไรจากปากพวกข้า!” พลังจิตของเจียงเจวี๋ยหัวเราะเยาะ

นางไม่เกรงกลัว

เพราะจิตวิญญาณระดับนิรันดร์มีพลังแข็งแกร่งยิ่ง บางทีอาจถูกฆ่าได้ แต่ถ้าคิดจะค้นวิญญาณนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สักนิด

หลินสวินย่อมรู้จุดนี้เช่นกัน

เพียงแต่นี่ก็ไม่คณามือเขาเช่นกัน ไอรีนโนเวล

ก็เห็นเขารวบนิ้วเป็นดาบ สำแดงพลังดาบกาลเวลาฟันใส่พลังจิตของเจียงเจวี๋ย

ฮูม!

เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเพียงพริบตาพลังของเจียงเจวี๋ยที่เดิมอบอวลด้วยกลิ่นอายระดับนิรันดร์ พลันเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว ร่วงลงไปถึงระดับอมตะถึงค่อยๆ หยุดลง!

ภาพน่าเหลือเชื่อนี้ทำเอาเจียงเจวี๋ยตะโกนอย่างขวัญเสีย “เจ้าถึงกับตัดทอดระดับมหามรรคของข้า!”

สำหรับระดับนิรันดร์ ยังจะมีการลงโทษอะไรโหดร้ายไปมากกว่านี้อีก

จี้กุยเจินและเกาหยางหลีพลันสั่นเทิ้มไปทั้งร่างทันที ราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง พวกเขาดูออกแล้วว่านี่เป็นพลังของกาลเวลา ก่อนหน้านี้นานมาแล้วจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ก็เคยครอบครองอภินิหารต้องห้ามเช่นนี้!

“ไม่ทำเช่นนี้แล้วจะรู้เรื่องบางอย่างในความทรงจำของจิตวิญญาณเจ้าได้อย่างไร” ขณะหลินสวินกล่าวก็เริ่มทำการค้นวิญญาณเจียงเจวี๋ย

ตูม!

ความทรงจำที่คล้ายกระแสน้ำไหลบ่าถูกหลินสวินคว้าจับไว้ ชาติกำเนิด การเติบโต ประสบการณ์ฝึกปราณที่เกี่ยวกับเจียงเจวี๋ย… ล้วนปรากฏออกมาทั้งหมด

แต่ไม่นานหลินสวินก็ขมวดคิ้ว

เพราะในความทรงจำของเจียงเจวี๋ยกลับไม่มีเรื่องที่เขาอยากรู้ อย่างเช่นเรื่องที่เจียงเจวี๋ยออกเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นคำสั่งของขุมอำนาจใด

ในความทรงจำวิญญาณของจี้กุยเจิน ทำให้เขาได้เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด

เช่นว่าหลินฟานกับซูไป๋ถูกเฒ่าชรานามว่า ‘กงเหยียหลิ่ว’ พาไปแหล่งสถานศุภโชคเมื่อวาน

แต่ตามแผนของจี้กุยเจิน กงเหยียหลิ่วได้พาหลินฟานกับซูไป๋ไปขังไว้ในตระกูลจี้ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของยุคทวยเทพ

อีกทั้งจี้กุยเจินยังนัดแนะกับกงเหยียหลิ่ว ว่าถ้าเขา เกาหยางหลี หรือเจียงเจวี๋ยคนใดคนหนึ่งประสบเคราะห์ ให้ฆ่าหลินฟานกับซูไป๋ทันที

นี่ทำให้หลินสวินตกใจจนเหงื่อไหลหลั่งออกมาอย่างอดไม่ได้ โชคดีที่ก่อนหน้าไม่ได้ฆ่าสามคนนี้ทันที ไม่เช่นนั้นผลลักพธ์ที่ตามมาคงไม่อาจจินตนาการได้เป็นแน่

ขณะเดียวกันหลินสวินก็ได้รู้ในที่สุดว่าพวกจี้กุยเจินออกมาจากแหล่งสถานศุภโชคได้อย่างไร

ที่แท้ในมือจี้กุยเจินครอบครองรูปปั้นหินที่สลักคำว่า ‘ไท่ชู’ ไว้รูปหนึ่ง และเพราะหยิบยืมพลังของมัน ทำให้พวกเขาทะลวงออกมาจากการปิดผนึกของแหล่งสถานศุภโชคได้อย่างง่ายดาย

ส่วนก่อนพวกเขาจะมาโลกยอดนิรันดร์ ไม่ว่าจะเป็นเกาหยางหลี เจียงเจวี๋ย หรือว่าเฒ่าชรานามกงเหยียหลิ่ว ล้วนถูกจัดให้อยู่ในศาสตรามรรคนิรันดร์ชิ้นหนึ่งที่จี้กุยเจินพกติดตัว และให้จี้กุยเจินพาออกจากแหล่งสถานศุภโชค

ดังนั้นเกาหยางหลีกับเจียงเจวี๋ยจึงไม่รู้ว่าพวกเขาออกมาได้อย่างไร

รูปปั้นไท่ชู!

ในใจหลินสวินสั่นไหว เริ่มค้นสิ่งของบนตัวจี้กุยเจินทันที

ไม่นานรูปปั้นหินรูปหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาหลินสวิน

มันสูงเก้าชุ่น คล้ายหยกแต่ไม่ใช่หยก ดำขลับทั้งชิ้น เห็นชัดว่ารูปปั้นเป็นรูปคน รูปร่างสูงโปร่ง เพียงแต่ใบหน้าไม่ชัดเจน แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง

ส่วนที่ใต้รูปปั้นสลักอักษรมหามรรคที่ลี้ลับหาใดเปรียบไว้สองคำ… ‘ไท่ชู’!

ตัวอักษรนั่นประหนึ่งร่องรอยมหามรรคสูงสุด ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามอบอวล ทำให้หลินสวินที่มองเพียงปราดเดียวก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันแปลกประหลาด ราวกับว่าไปแตะของที่งสูงส่งยิ่งชิ้นหนึ่งโดยไม่ทันระวัง ทำเอาคนรู้สึกใจสั่นเป็นพิเศษ!

เป็นมันนี่เอง!

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ระงับความสั่นไหวในใจ

ยามอยู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เขากับศิษย์พี่หลิงเสวียนจื่อเคยคุยกันเรื่อง ‘รูปปั้นไท่ชู’ หลิงเสวียนจื่อเคยลอบเข้าไปในลัทธิฌาน สืบค้นตำราในลัทธิฌานและรู้เรื่องบางอย่างของสมบัติลี้ลับชิ้นนี้

ตามการคาดเดาของหลิงเสวียนจื่อ ด้วยของสิ่งนี้จะทำให้ติดต่อกับผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นได้!

และตอนนี้บนตัวจี้กุยเจินก็มีรูปปั้นไท่ชูนี่รูปหนึ่ง ดังนั้นการเคลื่อนไหวของพวกเขาในครั้งนี้ เป็นเพราะได้รับคำสั่งจากผู้บงการหลังม่านนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย!

หลินสวินถึงขั้นสงสัยว่า บางทีผู้บงการหลังม่านนั่นอาจจะรู้เรื่องที่ตนแจ้งมรรนิรันดร์สำเร็จนานแล้ว และอาจจะรู้แล้วด้วยซ้ำว่าไม่ว่าลัทธิฌาน ลัทธิพ่อมด หรือว่าเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลนั่นล้วนหมดประโยชน์แล้ว

ดังนั้นผู้บงการหลังม่านที่ไม่ยอมแพ้ไปเช่นนี้ ถึงได้เริ่มอาศัยพลังของขุมอำนาจอารยธรรมยุคสมัยในแหล่งสถานศุภโชคมาจัดการตน!

…………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์