สรุปเนื้อหา ตอนที่ 3042 พลังกฎระเบียบของผู้บงการหลังม่าน – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 3042 พลังกฎระเบียบของผู้บงการหลังม่าน ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 3042 พลังกฎระเบียบของผู้บงการหลังม่าน
หลินสวินใจสั่น
ยิ่งพินิจรูปปั้นไท่ชูนี่อย่างละเอียดก็ยิ่งใจสั่นขึ้นเรื่อยๆ คล้ายว่ารูปปั้นหินนี้มีเวทมนตร์ประหลาดอย่างหนึ่ง นำพากระแสหยาวเยือกน่าหวาดหวั่นที่ยากจะต้านมาสู่ใจคน
แต่ขณะเดียวกันก็มีแรงกระตุ้นที่ไม่อาจควบคุมปรากฏขึ้นในใจ ทำให้หลินสวินอดไม่ได้ อยากจะก้าวไปอีกขั้นโดยใช้จิตรับรู้สัมผัสพลังของรูปปั้นหินนี้
แรงกระตุ้นเช่นนี้รุนแรงมาก รุนแรงถึงขั้นทำให้จิตรับรู้ของหลินสวินได้รับผลกระทบ สภาวะจิตเองก็เผยความปรารถนาเป็นระลอก
และก็เป็นตอนนี้เอง ทันใดนั้นเสียงของซย่าจื้อก็ดังขึ้นข้างหู “หลินสวิน เจ้าเป็นอะไรไป”
เสียงกระจ่างใสดั่งเสียงสวรรค์ ยามนี้กลับเหมือนฟ้าร้อง ทำให้หลินสวินสะดุ้งตื่นจากแรงกระตุ้นและความปรารถนาสุดขีดนั่นทันที
เขาพลันตกใจจนเหงื่อเย็นไหลท่วมกาย สีหน้ายังซีดขาวน้อยๆ
รูปปั้นหินที่ชั่วร้ายนี่!
ในใจหลินสวินพลิกม้วน ไม่อาจสงบได้
ความรู้สึกใจสั่น กระหาย ถูกกระตุ้นก่อนหน้านี้ราวกับมือยักษ์ไร้รูปที่กุมจิตรับรู้และจิตใจของเขาไว้ทั้งหมด
ถ้าไม่ใช่ซย่าจื้อส่งเสียงทันเวลา เกรงว่าเขาคงใช้จิตรับรู้ไปสัมผัสรูปปั้นหินนี้อย่างอดไม่ไหวไปแล้ว!
ถ้าเป็นเช่นนั้น…
ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
หลินสวินไม่อาจรู้ เพียงแต่ตอนที่เขามองไปยังรูปปั้นหินนี่ สีหน้าก็เจือความหวาดระแวงและระมัดระวังแล้ว
“ซย่าจื้อ เมื่อครู่เจ้าได้ยินเสียงถอนหายใจหรือไม่” หลินสวินพลันเอ่ยถาม
ซย่าจื้อเดินเข้ามายืนข้างหลินสวินอย่างมีชีวิตชีว่า ส่ายหัวกล่าวว่า “ไม่มี เมื่อครู่สีหน้าของเจ้าผิดปกติ คล้ายถูกคนดูดวิญญาณ ข้าจึงส่งเสียงเรียก”
หลินสวินอึ้ง “ไม่ได้ยินหรือ…”
พริบตาที่เขาได้สติก่อนหน้านี้ เขาได้ยินเสียงถอนหายใจชัดๆ เลือนรางคล้ายมีคล้ายไม่มี แผ่วเบายิ่ง ยามคิดคว้าจับกลับสัมผัสไม่ถึงอีก
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จมสู่ภวังค์ ไอรีนโนเวล
ในความทรงจำของวิญญาณจี้กุยเจินก็ไม่มีเรื่องที่ว่าเขาได้รับรูปปั้นหินไท่ชูมาได้อย่างไร เหมือนถูกลบ ว่างเปล่าไปหมด
นี่ทำให้หลินสวินไม่รู้แม้แต่น้อยว่าจี้กุยเจินสื่อสารกับรูปปั้นหินไท่ชูนี่อย่างไร
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
‘หรือว่า… รูปปั้นไท่ชูนี่จึงจะเป็นกระบวนท่าสังหารที่แท้จริง’
ทันใดนั้นหลินสวินนึกความเป็นไปได้อย่างหนึ่งออก ดูเผินๆ ครั้งนี้เป็นพวกจี้กุยเจินมาจัดการตน แต่ความจริงรูปปั้นไท่ชูนี่ต่างหากที่เป็นเคราะห์สังหารใหญ่ที่สุดซึ่งพุ่งเป้ามายังตน
หากการคาดเดานี้เป็นจริง เช่นนั้นเมื่อครู่หากตนใช้จิตรับรู้ไปสัมผัสโดยไม่ระวัง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจจะประสบเคราะห์ไปแล้ว!
เพียงแต่หลินสวินกลับไม่อาจยืนยันเรื่องพวกนี้
‘ข้าอยากดูนักว่าเจ้ากำลังเล่นปาหี่อะไร…’
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง โคจรกฎเกณฑ์นิรันดร์เป็นเตาหลอมโดยตรง แล้วกำราบรูปปั้นไท่ชูสูงเก้าชุ่นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายประหลาดนี้ลงในนั้น
กฎเกณฑ์นิรันดร์ของเขาควบรวมขึ้นจากพลังระเบียบนิพพานที่สมบูรณ์ มีประโยชน์อย่างน่าเหลือเชื่อ และก็เพราะระเบียบนิพพานเช่นกันที่ทำให้เขาก้าวสู่มรรคายอดอมตะ ถึงขั้นทำให้เขาถูกผู้บงการหลังม่านมองเป็นภัยคุกคาม!
ด้วยเหตุนี้หลินสวินถึงเลือกใช้กฎเกณฑ์นิรันดร์เข้ากำราบ
ดังคาด ภาพน่าเหลือเชื่อปรากฏออกมาแล้ว…
รูปปั้นระเบิดแตกเป็นผุยผง และคำว่า ‘ไท่ชู’ สองคำที่สลักอยู่ข้างใต้ก็กลายเป็นสายฟ้าสีเทาสายหนึ่งในชั่วพริบตา
มันบางราวเส้นผม เล็กถึงทขีดสุด แต่ทันทีที่ปรากฏก็ปลดปล่อยอานุภาพน่าครั่นครามไม่อาจจินตนาการ ทำให้ร่างกายและจิตใจของหลินสวินราวกับจมสู่ถ้ำน้ำแข็ง สัมผัสถึงกลิ่นอายร้ายกาจที่รุนแรงยิ่งยวด
ประหนึ่งความตายบีบใกล้เข้ามา!!
หลินสวินใจเต้นงตึกตัก มือเท้าเย็นเฉียบ กลิ่นอายน่าสะพรึงนั่นทำให้เขาเกิดความรู้สึกสิ้นหวังไร้แรงต้าน
ก็เป็นยามนี้เอง นัยเร้นลับนิพพานในกฎเกณฑ์นิรันดร์ทั้งตัวเขาบังเกิดคลื่นน่าตกใจ เข้าข่มสายฟ้าสีเทาที่เล็กบางราวขนวัวสายนี้!
ปึงๆๆ!
เสียงปะทะน่าตระหนกดังขึ้น สายฟ้าสีเทานั่นเข้าปะทะไม่หยุด พยายามสลัดออกจากการกำราบของนัยเร้นลับนิพพาน แต่เมื่อนัยเร้นลับนิพพานทะยานกึกก้องไม่หยุด การโจมตีทั้งหมดของสายฟ้าสีเทาก็ล้วนถูกลบล้างไป และกำราบมันได้ในที่สุด
หลินสวินที่สังเกตเห็นภาพนี้หลั่งเหงื่อเย็นชุ่มโชกไปทั่วร่าง
ชั่วพริบตาเมื่อครู่เหมือนกับเดินผ่านประตูผีมารอบหนึ่ง กลิ่นอายความตายรุนแรงทำเอาเขาหวาดผวามาถึงตอนนี้
ครั้นมองดูสายฟ้าสีเทานั่นอีกครั้ง แม้จะถูกกำราบแต่ยังไม่ได้ถูกหลอม กลับพุ่งทะลวงอยู่ในนัยเร้นลับนิพพานไม่หยุด คล้ายพยายามหาทางรอด
ให้ความรู้สึกเหมือนนัยเร้นลับนิพพานเป็นบ่อปลา ส่วนสายฟ้าสีเทานี่ก็คือปลาตัวหนึ่ง พยายามหลบหนีจากบ่อปลา แต่ย่อมเป็นการเสียแรงเปล่า
หลินสวินสูดหายใจลึกสองสามครา กระทั่งสภาวะจิตสงบลงถึงค่อยเริ่มสังเกตสายฟ้าสีเทานี้
มันบางเหมือนขนวัว ไม่สะดุดตายิ่ง แต่กลับแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงถึงขั้นคาดไม่ถึงซึ่งแปลงมาจากพลังกฎระเบียบลึกลับแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง ลำพังแค่มองดูก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวัง
‘จริงด้วย สิ่งที่อบอวลบนรูปปั้นไท่ชูเมื่อครู่ก็คือกลิ่นอายประหลาดชนิดนี้!’
หลินสวินแววตาไหววูบ เข้าใจรางๆ แล้ว
สายฟ้าสีเทาคือสิ่งที่อักษรมหามรรคเร้นลับ ‘ไท่ชู’ สองคำแปลงออกมา และอักษรมหามรรคนี่ก็เป็นสิ่งที่ผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยทิ้งไว้
นี่หมายความว่าสายฟ้าสีเทานี่ เป็นไปได้ว่าจะเป็นพลังกฎระเบียบที่ผู้บงการหลังม่านนั่นครอบครอง!
ทันทีที่คิดถึงจุดนี้หลินสวินก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
ผู้บงการหลังม่านลึกลับมาโดยตลอด ในยุคสมัยมากมายที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของผู้บงการหลังม่านนี้ และไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนหรือวิวัฒน์มาจากกฎระเบียบอะไรกันแน่
ต่อให้เป็นบุคคลยอดเยี่ยมอย่างเฉินหลินคง เฉินซี ก็ล้วนกำลังหาเบาะแสของผู้บงการหลังม่าน
เมื่อได้รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากปากหลินสวิน สีหน้าเสวียนเฟยหลิงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหาใดเปรียบ กล่าวว่า “พูดเช่นนี้ เจ้าคิดจะไปแหล่งสถานศุภโชคอย่างนั้นหรือ”
หลินสวินพยักหน้า “ไม่ผิด ก่อนจากไปข้าจะทิ้งระเบียบระดับเทพแปดสายกับกายมรรควารีดำไว้ดูแลลัทธิแรกกำเนิด เช่นนี้ต่อให้มีศัตรูมาจากแหล่งสถานศุภโชคอีกก็บุกลัทธิแรกกำเนิดไม่ได้ และข้าจึงจะวางใจได้โดยสมบูรณ์”
เสวียนเฟยหลิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวว่า “ต้องระวังตัวด้วย!”
หลินสวินประสานมือน้อยๆ “ผู้อาวุโส ก่อนข้ากลับมา อย่าให้ข่าวพวกนี้แพร่งพรายออกไป จะได้ไม่ทำให้คนอื่นกังวล”
“ได้!” เสวียนเฟยหลิงพยักหน้า
จากนั้นหลินสวินก็กลับไปถ้ำสถิต นั่งอยู่เบื้องหน้าจ้าวจิ่งเซวียนที่กำลังหลับลึกอยู่พักใหญ่ถึงค่อยหมุนตัวจากมาเงียบๆ
“ซย่าจื้อ พวกเราไปกันเถิด”
วันนี้หลินสวินกับซย่าจื้ออาศัยพลังของ ‘กระบี่ศุภโชค’ มุ่งหน้าไปแหล่งสถานศุภโชค
…
แหล่งสถานศุภโชค
แดนเทพต้าฉิน เขตหวงห้ามที่เก้า
วู้ม!
ห้วงอากาศสั่นไหวระลอกหนึ่ง จากนั้นเงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏกลางอากาศ
พริบตานั้นพลังกฎระเบียบน่าสะพรึงก็กดดันลงมา ความรู้สึกที่มอบให้หลินสวินก็ราวกับอยู่ภายใต้การบีบรัดของกรงขังไร้รูปแห่งหนึ่ง หมายจะบดขยี้ตนเอง
หลินสวินเก็บกลิ่นอายนิรันดร์ทั่วร่างทันที ทันใดนั้นพลังกฎระเบียบน่าครั่นครามที่กดดันหาใดเปรียบก็หายไป เปลี่ยนเป็นไร้รูป
ปีนั้นหลินสวินที่มีมรรควิถีระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า ก็เคยอาศัยกระบี่ศุภโชคเข้าสู่แหล่งสถานศุภโชค และมาถึงเขตหวงห้ามที่เก้าของแดนเทพต้าฉิน
แต่เขาในตอนนี้เป็นระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎสัมบูรณ์แล้ว เมื่อมาถึงที่นี่อีกครั้ง สภาวะจิตจึงต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“หืม”
จู่ๆ หลินสวินก็สังเกตได้อย่างฉับไวว่าใกล้ๆ เขตหวงห้ามที่เก้ามีกลิ่นอายอมตะขั้นหลุดพ้นสายหนึ่งอยู่
มิหนำซ้ำกลิ่นอายสายนี้กำลังเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศเต็มกำลัง มุ่งหน้าหนีออกไปไกล
เห็นได้ชัดว่าระลอกคลื่นห้วงอากาศที่เกิดขึ้นยามหลินสวินมาถึงถูกคนผู้นี้สังเกตเห็นแล้ว และเลือกหนีจากไปทันที
หลินสวินแววตาไหววูบ คว้าไปกลางห้วงอากาศทันใด
เงาร่างเฒ่าชราสายหนึ่งซึ่งอยู่กลางอากาศไกลออกไปพลันร่วงลงมาจากการเคลื่อนย้าย ไม่รอให้ยืนได้มั่นก็ถูกพลังฝ่ามือของหลินสวินคว้าไว้ และมาอยู่เบื้องหน้าหลินสวินราวกับหนีบแมลง
เฒ่าชราผู้นี้สวมชุดดำ ผมขาวราวหิมะ ในแดนเทพต้าฉินที่ไม่มีระดับนิรันดร์ เรียกได้ว่าเป็นตัวตนสูงส่งที่สุด
แต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัวและหวาดผวา ทั่วร่างสั่นเทิ้มโดยไม่อาจควบคุม
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์