ตอนที่ 3049 ตั้งศิลาประกาศศึก
ครู่ใหญ่หลินสวินถึงเก็บจิตรับรู้ไป ในใจผ่อนคลายลงไม่น้อย
พรสวรรค์ของหลินฝานและซูไป๋ไม่ได้ถูกตัดออกอย่างสิ้นเชิง แต่ถูกกระทบกระเทือนในระดับหนึ่ง นี่จะต้องส่งผลกระทบต่อมรรคาของพวกเขาอย่างแน่นอน
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นย่อมหมดปัญญาไร้ทางช่วย
แต่สำหรับผู้ครอบครองพลังระเบียบนิพพาน ปัญหานี้กลับสามารถคลี่คลายได้ง่ายดาย เพียงแค่ใช้พลังของนัยเร้นลับนิพพานสร้างพรสวรรค์ของพวกเขาขึ้นใหม่ก็พอแล้ว
หลินสวินบอกเรื่องราวเหล่านี้กับหลินฝานและซูไป๋ ทั้งสองต่างดีใจและผ่อนคลายลง
“ท่านพ่อ ครั้งนี้ทำให้ท่านกังวลแล้ว”
บนใบหน้าหล่อเหลาของหลินฝานปรากฏความละอาย
หลินสวินเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “ยามข้าฝึกปราณในวัยเยาว์ก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสมากมาย นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผ่านเรื่องนี้ไป เชื่อว่าพวกเจ้าคงจะสัมผัสได้ว่าระดับนิรันดร์แข็งแกร่งเพียงใด ต่อไปตั้งใจฝึกปราณก็พอ”
หลินฝานและซูไป๋พยักหน้าพร้อมกัน
“ท่านพ่อ นี่คือที่ไหนหรือ” หลินฝานถาม
หลังจากเขากับซูไป๋ถูกจับในโลกยอดนิรันดร์ก็อยู่ในสภาพหมดสติมาโดยตลอด กระทั่งคืนนี้ถึงเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา จึงไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
“แหล่งสถานศุภโชค ในเผ่าเทพตระกูลจี้แห่งโลกยุคทวยเทพ”
หลินสวินเล่าความเป็นมาลวกๆ “ว่ากันถึงที่สุด เป้าหมายของพวกเขาก็เพื่อจัดการข้า กลับเป็นการทำให้พวกเจ้าทั้งสองพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“อาจารย์ ข้าจดจำคำพูดของท่านมาโดยตลอด ยิ่งเสพสุขกับผลประโยชน์มากแค่ไหน ก็ต้องแบกรับภาระหน้าที่และอันตรายที่สอดคล้องกันมากเท่านั้น เรื่องพวกนี้ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไร ท่านอย่าได้โทษตัวเอง”
ซูไป๋ที่เงียบมาโดยตลอดตอนนี้อดพูดไม่ได้
“ศิษย์พี่ซูไป๋พูดถูก”
หลินฝานพูดเสริมพร้อมรอยยิ้ม
หลินสวินมองพวกเขาทั้งสองแล้วนึกถึงตนเองในวัยเยาว์กับอวิ๋นชิ่งไป๋ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว คนหนึ่งครอบครองพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน อีกคนเกิดมาพร้อมกระดูกกระบี่…
สิ่งที่แตกต่างกันคือ ระหว่างพวกเขาไม่ใช่ศัตรูกัน
เรื่องราวในอดีตเหมือนควันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ด้วยฐานะและมรรควิถีของหลินสวินในตอนนี้ ย้อนมองบุญคุณความแค้นกับอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้น ก็เหลือเพียงความสงสารและเห็นใจต่อคนผู้นี้
ชีวิตไม่อาจกำหนดได้ดั่งใจ ต้องโหดร้ายปานไหน!
“ฝานเอ๋อร์ ซูไป๋ ตอนนี้ระดับนิรันดร์ของตระกูลจี้ถูกข้ากวาดล้างแล้ว เจ้าคิดว่าหลังจากนี้ข้าควรจัดการคนอื่นๆ ในตระกูลอย่างไร”
จู่ๆ หลินสวินก็ถามขึ้น
หลินฝานและซูไป๋ต่างอึ้งไป ตระหนักได้ว่าหลินสวินต้องการทดสอบจิตใจของพวกเขาต่อเรื่องนี้
“ท่านพ่อ ตัวหัวหน้าถูกกำจัดไปแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
หลินฝานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
หลินสวินไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ สายตามองไปยังซูไป๋ “เจ้าจะทำอย่างไร”
ซูไป๋พูดด้วยสีหน้านิ่งสงบ “เรื่องในวันนี้มีอาจารย์เป็นคนจัดการ ย่อมต้องให้อาจารย์เป็นผู้ตัดสิน แต่ในอนาคตข้าจะต้องมาที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน เพื่อแก้แค้นเรื่องวันนี้”
สายตาของหลินสวินมองไปยังหลินฝานอีกครั้ง กล่าวว่า “หากอิงตามการตัดสินใจของเจ้า ต่อไปคนตระกูลจี้ที่รอดชีวิตพวกนี้จะแก้แค้นตระกูลหลินของพวกเราจะทำอย่างไร”
หลินฝานพูดโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ “ขอเพียงแค่ข้าแข็งแกร่งกว่าพวกเขา พวกเขาย่อมไม่มีโอกาสแก้แค้น ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกปราณอย่างพวกเราต่อสู้ตลอดชีวิต เลี่ยงการสร้างศัตรูมากมายไม่ได้ มีหรือที่จะกลัวการแก้แค้นเหล่านั้น”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวด้วยแววตาหนักแน่น “การมีอยู่ของศัตรู มีแต่จะกระตุ้นให้ข้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด!”
ในที่สุดหลินสวินก็ยิ้มออกมา พูดคล้ายปลาบปลื้ม “เจ้ามีใจเมตตา แต่ถึงอย่างไรก็ยังขาดประสบการณ์ ไม่เข้าใจความชั่วร้ายและอันตรายบนโลก อย่างวันนี้ ด้วยความสามารถของข้าสามารถกวาดล้างระดับนิรันดร์ของตระกูลจี้ได้ แต่เหตุใดพวกเขายังกล้าลงมือกับพวกเจ้า ประการแรกเพราะพวกเขามั่นใจว่าสามารถจัดการข้าได้ ประการที่สองเพราะเบื้องหลังพวกเขายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าหนุนหลัง”
พูดถึงตรงนี้หลินสวินเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “นี่ก็หมายความว่า ในอนาคตเจ้าอาจจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้ แต่ยามลูกและคนในครอบครัวของเจ้าพบเจอการคุกคามจากศัตรูขึ้นมาจะทำอย่างไร”
หลินฝานอึ้งไปทันที จมสู่ภวังค์ความคิด
และตอนนี้สายตาของหลินสวินมองมายังซูไป๋แล้ว เอ่ยว่า “การตัดสินใจของเจ้าดีมาก ผิดพลาดตรงไหนก็แก้ให้ตรงจุด แต่จำไว้ว่าต่อไปอย่าให้ความสำคัญกับอาจารย์อย่างข้ามากเกินไป การตัดสินใจของข้าไม่สามารถเป็นตัวแทนเจตจำนงของเจ้าได้ อาจารย์ข้าบอกว่าศิษย์ไม่จำเป็นต้องด้อยกว่าอาจารย์ แต่สำหรับข้า ลูกศิษย์สามารถด้อยกว่าอาจารย์ได้ ขอเพียงแค่ยึดมั่นในสภาวะจิต แสวงหามรรคาแห่งตนก็เพียงพอแล้ว”
ซูไป๋สั่นไปทั้งตัว คารวะอย่างเคร่งขรึม “ศิษย์น้อมรับคำสอน”
หลินสวินตบไหล่เขาเบาๆ “อย่ากดดันตัวเองเกินไป เช่นนี้จะส่งผลต่อใจแสวงมรรคของเจ้า และจะกลายเป็นภาระอย่างหนึ่ง”
ซูไป๋พยักหน้า ความยึดมั่นในใจถูกตีจนแหลกละเอียด ทั้งร่างล้วนผ่อนคลายขึ้นมา
ตั้งแต่กราบเป็นศิษย์ของหลินสวินในปีนั้น เขาก็ยึดเรื่องการไล่ตามหลินสวินเป็นเป้าหมาย กลัวเพียงว่าหากช้าเกินไปจะทำให้อาจารย์ผิดหวัง ดังนั้นในหลายปีมานี้เขาแทบจะปฏิบัติกับตนเองอย่างเข้มงวดถึงขีดสุด ไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็คิดอยู่เสมอว่าจะทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างไร จะทำอย่างไรเพื่อให้อาจารย์ไม่ผิดหวัง…
ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นการมอบแรงกดดันและภาระชิ้นใหญ่ยิ่งมาให้ตนเองอย่างไร้รูป
ช่วยไม่ได้ อาจารย์ผู้นี้ของเขาแข็งแกร่งเกินไป ทำให้เขาไล่ตามสุดชีวิตก็ยังตามไม่ทัน กลับเป็นยิ่งไกลขึ้นอย่างต่อเนื่อง…
คำพูดของหลินสวินใฝในตอนนี้ไม่ได้เป็นแก่นอัศจรรย์มหามรรคอะไร ตื้นเขินเบาบางมาก แต่สำหรับซูไป๋ กลับทำให้เขาคลายปมในใจได้อย่างสิ้นเชิง เหมือนกับได้ตื่นเต็มตา
“รอหลังจัดการปัญหาของตระกูลจี้แล้ว ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง”
หลินสวินว่าพลางพลันสะบัดแขนเสื้อ ถอนประทับผนึกเวลาแล้วพาหลินฝานกับซูไป๋มุ่งหน้าออกไป
……
หนึ่งเค่อหลังจากนั้น
พลังระเบียบระดับเทพสามชนิดที่ปกคลุมเหนือห้วงอากาศเขาเทพเฟิ่งฉีของเผ่าเทพตระกูลจี้ รวมถึงทรัพย์สมบัติที่ตระกูลจี้สั่งสมมาล้วนถูกหลินสวินเก็บไป
ตระกูลจี้เองก็ได้จ่ายค่าตอบแทนมาแล้ว ระดับอมตะถูกกำจัดทั้งหมด ระดับจักรพรรดิล้วนถูกทำลายปราณ จุดจบเหมือนกับบรรดาเผ่าเทพนิรันดร์แห่งน่านฟ้าที่เก้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์