สรุปเนื้อหา ตอนที่ 3051 หยั่งรู้ศุภโชค – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บท ตอนที่ 3051 หยั่งรู้ศุภโชค ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 3051 หยั่งรู้ศุภโชค
หลินสวินกับเหล่ายอดบุคคลจากดินแดนรกร้างโบราณนั่งลงกับพื้น ร่ำสุราสนทนา
ไม่นานหลินสวินก็เล่าประสบการณ์บางส่วนหลังตนจากเมืองเทพศุภโชคเมื่อปีนั้นออกมา
อย่างเช่นแจ้งมรรคนิรันดร์เมื่อไหร่ บุกเข้าไปในน่านฟ้าที่เก้าเมื่อไหร่ ทำไมครั้งนี้ถึงกลับมาแหล่งสถานศุภโชคอีก…
กระทั่งรู้ว่าเผ่าเทพตระกูลจี้แห่งยุคทวยเทพถูกหลินสวินเหยียบทำลาย เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าในที่นั้นล้วนสะเทือนไหวไม่น้อย แต่ละคนตกตะลึงพูดไม่ออก
“หากกล่าวถึงพลังต่อสู้ เกรงว่าพวกเราคงด้อยกว่าสหายน้อยหลินช่วงหนึ่งแล้ว”
ครู่ใหญ่ซิงเจียกล่าวทอดถอนใจ คนอื่นๆ ก็ล้วนจิตใจสั่นไหว
เฒ่าชราอย่างพวกเขาแจ้งมรรคนิรันดร์มาหลายปี แต่ปัจจุบันพลังปราณยังอยู่แค่ขั้นล่วงกฎเท่านั้น เทียบชั้นกับหลินสวินที่พลังปราณเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเหมือนกระแสน้ำหลังฝนไม่ติด
อีกทั้งต่อให้อยู่ขั้นล่วงกฎเหมือนกัน แต่หลินสวินสามารถกำราบผู้แข็งแกร่งขั้นสรรสร้างได้ พลิกทำลายเผ่าเทพตระกูลจี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฒ่าชราอย่างพวกเขาเทียบได้
เพียงชั่วขณะทุกคนต่างทอดถอนใจไม่หยุด
ไม่อาจปฏิเสธว่าหลินสวินในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวคนหนึ่งบนมรรคานิรันดร์แล้ว ส่องประกายไร้ขอบเขตราวกับดวงตะวันลอยเด่น
ต่อให้กวาดสายตามองทั่วหล้าก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตมากมายบนโลกเลื่อมใส ทำให้ระดับนิรันดร์ต้องหวาดกลัวอยู่สามส่วน!
“หากพูดเช่นนี้ เจ้าคิดฉวยโอกาสนี้ทำลายตระกูลเกาหยางกับตระกูลเจียงด้วยหรือ”
อู๋ยางพลันเอ่ยถาม
ประโยคเดียวทำให้สายตาทั้งที่นั้นจับจ้องหลินสวิน
หลินสวินพยักหน้าตามตรง “พวกเขาเป็นสุนัขรับใช้ที่ถูกผู้บงการหลังม่านนั่นบงการเหมือนตระกูลจี้ หากไม่ฆ่าพวกเขาภายหน้าต้องเกิดคลื่นลมไม่น้อยแน่”
ทุกคนสบตากันวูบหนึ่ง จิตใจพลันปั่นป่วนอีกครั้ง
เมื่อก่อนบรรดาอารยธรรมแห่งยุคสมัยนับร้อยในแหล่งสถานศุภโชคนี้ ใครกล้าพูดว่าจะไปท้าทายเผ่าเทพชั้นสูงสามตระกูลแห่งยุคทวยเทพบ้าง
เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของหลินสวินตอนนี้อีกครั้ง จะไม่ให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างไร
พูดได้ว่าทั่วแหล่งสถานศุภโชคมีแค่หลินสวินคนเดียวที่ครองรากฐานพลังกับความอาจหาญเช่นนี้! หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นป่าวประกาศเช่นนี้ เกรงว่าคงถูกคนหยามเหยียดว่าไม่เจียมตัวแน่
“แต่เจ้าน่าจะรู้ดี รอบแหล่งสถานศุภโชคนี้มีพลังของผู้บงการหลังม่านนั่นปกคลุม ถ้าเจ้าถูกจับจ้องเกรงว่าคงดึงดูดภัยพิบัติที่ไม่อาจคาดเดามา”
อู๋ยางกล่าว
หลินสวินเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนแล้ว เขากล่าวเสียงขรึม “นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมข้าถึงกลับมาเมืองเทพศุภโชค ที่นี่มีพลังของต้นกำเนิดศุภโชค ทั้งมีการคุ้มครองจากยอดสมบัติลายธาร หากว่าเกิดศึกใหญ่ แม้มีภัยพิบัติไม่อาจคาดเดาบังเกิด คิดดูแล้วก็มีวิธีคลี่คลาย”
ทุกคนพลันเข้าใจกระจ่าง
หลินสวินคือเจ้าเมืองเทพศุภโชค สามารถใช้พลังกฎระเบียบของเมืองนี้ได้ หากถูกกระหน่ำโจมตีจากอันตรายอย่างเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ แน่นอนว่าย่อมหลบหนีถอยกลับเข้าเมืองได้ทันที
“หากศัตรูพวกนั้นกล้าบุกมาจริง เฒ่าชราอย่างพวกเราย่อมไม่มีทางนั่งนิ่งดูดายเป็นธรรมดา” กรพรรดิสงครามลักษณ์เทพหลงเซี่ยงกล่าวอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
“ไม่ผิด แม้ว่าพวกเราจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่การจัดการพวกระดับเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
เฒ่าชราอย่างจักรพรรดินรกเลือดทมิฬ ต้นไม้เทพหมื่นดาราพากันเอ่ยปาก
หลินสวินยิ้มกล่าว “ข้าแค่ห่วงว่ามีกระจกสะท้อนเงาอย่างตระกูลจี้แล้ว พวกเขาจะกล้ามาหรือไม่”
ทุกคนต่างหัวเราะ ท่าทางผ่อนคลาย
กระทั่งกลางดึกงานเลี้ยงครานี้จึงปิดฉาก
หลินสวินจากมา มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ยอดเขาราตรีสงัดตั้งอยู่
เดิมที่นั่นเป็นที่พักของสือซาน ขุนพลของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ จากการพูดคุยกับพวกอู๋ยาง ทำให้หลินสวินรู้ว่าปีนั้นเมื่อเขาจากเมืองเทพศุภโชคไปไม่นาน สือซานก็จากไปเพียงคนเดียว ท่องไปในโลกอารยธรรมแห่งยุคสมัยอื่น ถึงปัจจุบันก็ไม่เคยกลับมา
นี่ทำให้หลินสวินอดเสียดายอยู่บ้างไม่ได้ เดิมเขายังคิดมาพบสือซาน พูดคุยเรื่องเกี่ยวกับซย่าจื้อ แต่ตอนนี้ทำได้เพียงถอดใจ
หลังมองส่งหลินสวินจากไป อู๋ยางพลันสะบัดแขนเสื้อ สร้างกระบวนค่ายกลผนึกบริเวณนั้น ตัดขาดการตรวจสอบจากโลกภายนอก
“อู๋ยาง เจ้าจะทำอะไร”
มีคนกล่าวมึนงง
อู๋ยางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งพลางกล่าวว่า “ยามหลินสวินเพิ่งจากไปได้ทิ้งสมบัติบางส่วนไว้ ต้องการให้เฒ่าชราอย่างพวกเราแบ่งกัน”
สมบัติ?
ทุกคนต่างยิ้มค้านอย่างอดไม่ได้
“ระดับพวกเรายังต้องการสมบัติอะไร เจ้าหลินสวินนี่ไม่เห็นพวกเราเป็นคนนอกเกินไปหน่อยหรือ” มีคนกล่าวพึมพำ
มีคนหัวเราะพลางกล่าว “นี่ก็คือน้ำใจของสหายน้อยหลิน ช่างสมบัติปะไร ความสูงส่งอยู่ที่น้ำใจ”
“อู๋ยาง เจ้าคืนสมบัติพวกนั้นกลับไปเถอะ คนแก่อย่างพวกเราจะรับสมบัติของเขาได้อย่างไร หากแพร่ออกไปคงทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะพวกเราแน่”
ท่าทีของจักรพรรดินรกเลือดทมิฬเด็ดเดี่ยวนัก
อู๋ยางกวาดสายตามองทุกคนพลางกล่าว “รอพวกเจ้าเห็นแล้วค่อยตัดสินใจเถอะ”
มือกระจ่างของนางโบกสะบัด
ฮูม!
แสงสมบัติสว่างไสวแถบหนึ่งปรากฏออกมา มีเจตวัตถุ วัตถุดิบเทพ สมบัติ ศาสตรามรรค ลูกกลอนโอสถ… หลากหลายประเภทละลานตา
ทุกคนต่างอึ้งงันในชั่วขณะเดียว สีหน้าฉายแววตกตะลึงอย่างไม่อาจระงับ
สมบัติกองพะเนินเหมือนภูเขาลูกย่อมพวกนี้ ถึงกับเป็นสมบัติล้ำค่าระดับนิรันดร์!!
ไม่มีสิ่งใดไม่ใช่ของหายากยิ่ง ล้วนเป็นสมบัติเทพที่มีประโยชน์ต่อการฝึกปราณของพวกเขามาก!
‘เริ่มกันเถอะ’
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจปรากฏพลังนัยเร้นลับนานัปการราวกระแสน้ำทันที
ในความรางเลือนหลินสวินราวเห็นภาพต่างๆ ยามหยั่งรู้นัยเร้นลับนภาดาราศุภโชคเมื่อปีนั้นอีกครั้ง…
เงาร่างหนึ่งก้าวเดินอยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลา เมื่อไหร่ก็ตามที่ผ่านอารยธรรมแห่งยุคสมัยหนึ่ง เบื้องหลังเขาจะปรากฏกระบวนค่ายกลลึกลับยิ่งใหญ่ออกมา สำแดงระบบการฝึกปราณของอารยธรรมแห่งยุคสมัยนั้นในกระบวนค่ายกลอย่างชัดเจน
กระบวนค่ายกลนั้นก็คือลายเทพไร้ขอบเขต!
เงาร่างนี้แน่นอนว่าเป็นเฉินซีปู่ของเฉินหลินคง
เขาราวกับไม่กลัวการผูกมัดและแรงโจมตีของกาลเวลากับห้วงอากาศ ทั้งก้าวเดินในแต่ละยุคเหมือนเทพไท้
กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ เขาปรากฏตัวในพื้นที่ขุ่นมัวแห่งหนึ่ง
จากนั้นมหาเคราะห์หนึ่งพลันมาเยือน!
เคราะห์นี้ไร้รูปไร้ลักษณ์ ไร้สีไร้แก่น ถือกำเนิดจากความว่างเปล่า คล้ายว่าต่อให้เป็นกฎระเบียบมหามรรค กาลเวลา โชคชะตา ก็ถูกเคราะห์นี้ลบหายไปได้!
ความรู้สึกหายใจไม่ออกยากบรรยายจู่โจมสภาวะจิตของหลินสวินเหมือนเขาถล่มสมุทรคำราม เขารู้ว่านี่คือพลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ
เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้ เฉินซีในชุดเขียวถอนใจยาว ‘จริงดังคาด เบื้องหลังทุกอย่างนี้ล้วนมีคนบงการอยู่’
จากนั้นภาพพลันเปลี่ยนไป
ท่ามกลางความขุ่นมัวเฉินซีสร้างเมืองเทพศุภโชคด้วยตัวเอง ทั้งสร้างนภาดาราศุภโชคที่หลอมรวมระบบฝึกปราณของอารยธรรมแห่งยุคสมัยนับร้อยเอาไว้
สุดท้ายเฉินซีนำกระดองเต่าสีดำเกลี้ยงกลมชิ้นหนึ่งออกมาสะบัดเบาๆ กลายเป็นพลังกฎระเบียบไร้รูป ปกคลุมท้องฟ้าเหนือเมืองเทพศุภโชคทันที
ตั้งแต่นั้นมาเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่ระดับนิรันดร์นับไม่ถ้วนหน้าเปลี่ยนสีเมื่อกล่าวถึงก็ไม่เคยปรากฏหน้าเมืองเทพศุภโชคอีก!
ผ่านมาหลายปีเมื่อเห็นภาพคุ้นเคยมากมายนี้อีกครั้ง หลินสวินที่มีมรรควิถีระดับนิรันดร์แล้ว สภาวะจิตต่างออกไปเช่นกัน
เขาเพิ่งรู้ว่าพลังกฎระเบียบของเมืองเทพศุภโชคเกิดจากพลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชค!
กล่าวสรุปโดยง่าย เรียกได้ว่าเป็น ‘กฎระเบียบศุภโชค’
ทั้งเพิ่งรู้ว่ายอดสมบัติลายธารต้านการกระหน่ำโจมตีจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้ ด้วยมีสมบัตินี้จึงปกป้องพลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชคมาได้ถึงปัจจุบัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แม้ว่าพลังของผู้บงการหลังม่านนั่นจะปกคลุมทั่วแหล่งสถานศุภโชค แต่สาเหตุที่ยึดครองต้นกำเนิดของแหล่งสถานศุภโชคไม่ได้อย่างแท้จริงก็ด้วยมีลายธารขวางไว้!
‘นัยเร้นลับนิพพานของข้าสามารถต้าน ‘กฎระเบียบไท่ชู’ ที่ผู้บงการหลังม่านนั่นครอบครองได้ เห็นชัดว่าสมบัติลายธารชิ้นนี้ก็มีพลังแบบเดียวกัน…’
เวลานี้หลินสวินสัมผัสได้ถึงนัยเร้นลับของกฎระเบียบศุภโชค ทั้งเกิดการหยั่งรู้มากมาย
เขารู้ว่าสาเหตุที่เฉินซีปู่ของเฉินหลินคงท่องไปในทุกอารยธรรมแห่งยุคสมัย ทั้งไม่กลัวผู้บงการหลังม่านนั่น มีโอกาสสูงว่าเป็นเพราะหยั่งรู้และควบคุมนัยเร้นลับซึ่งแฝงอยู่ในสมบัติลายธารได้แล้ว!
…………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์