Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3053

ตอนที่ 3053 เก้ายอดเคราะห์มรรค

แดนแรกกำเนิดไร้ขอบเขต สายธารยุคสมัยไหลบ่าพลิกตลบกระเทือนใจคน

เงาร่างหลินสวินยืนอยู่กลางอากาศพลางเอ่ยถามในใจเงียบๆ ‘นัยเร้นลับที่ข้าสัมผัสได้ตอนนี้ล้วนมาจากพลังซึ่งซ่อนอยู่ในลายธารใช่หรือไม่’

เจตจำนงที่คุ้นเคยดังขึ้น ‘ใช่’

‘พูดเช่นนี้ เคราะห์ขั้นสรรสร้างที่ข้าควรต้องรับก็จะมาเยือนที่นี่ด้วยหรือ’

‘ใช่’

‘เมื่อข้ามเคราะห์นี้ข้าจะมีรากฐานพลังหลุดพ้นจากการสับเปลี่ยนยุคสมัยใช่หรือไม่’

‘ใช่’

‘อานุภาพของเคราะห์นี้เป็นอย่างไร’

‘ในสายธารยุคสมัยมีเก้าอารยธรรมการฝึกปราณชั้นยอดอยู่ เคราะห์ที่เจ้าต้องก้าวผ่านก็คือเคราะห์ชั้นยอดที่เกิดจากเก้าอารยธรรมการฝึกปราณซึ่งถูกเรียกว่า ‘เก้ายอดเคราะห์มรรค’ เคราะห์มรรคครานี้แบ่งเป็นเก้าด่าน เมื่อก้าวเข้าไปในสายธารยุคสมัยด่านเคราะห์จะปรากฏ’

‘ที่แท้เป็นเช่นนี้’

ข้อสงสัยในใจหลินสวินพลันหายไป

เขารู้ว่านัยเร้นลับที่ตนสัมผัสได้ล้วนเป็นเจตจำนงซึ่งมาจากยอดสมบัติลายธาร

ทั้งในที่สุดก็เข้าใจว่าเคราะห์ขั้นสรรสร้างที่ตนต้องเผชิญต่างจากผู้ฝึกปราณในระดับขั้นเดียวกันโดยสิ้นเชิง รวมตัวจากด่านเคราะห์ที่เกิดจากเก้าอารยธรรมแห่งยุคสมัยชั้นยอด

นี่ต้องน่ากลัวมากแน่

แต่สำหรับหลินสวินแล้วกลับมีความล่อใจยากต้านทาน

ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากหลังข้ามด่านเคราะห์นี้ เมื่อแจ้งมรรคขั้นสรรสร้างแล้วยังมีรากฐานพลังหลุดพ้นจากการสับเปลี่ยนยุคสมัยด้วย!

หลินสวินสูดหายใจลึก หลับตาลงเงียบๆ

เวลาล่วงเลยไปทีละน้อย

กระทั่งพลังทั้งหมดอย่างสภาวะจิต พลังปราณ พลังขับเคลื่อน จิตวิญญาณปรับสู่สภาพยอดเยี่ยม หลินสวินจึงลืมตาแล้วก้าวออกไป เงาร่างเขาก้าวเข้าสู่สายธารยุคสมัยกว้างใหญ่ไพศาลนั้น

ตูม!

คลื่นยักษ์ซัดสาดคล้ายอารยธรรมแห่งยุคสมัยมากมายพุ่งเข้าใส่ ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต แค่กลิ่นอายนั้นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกตัวเล็กจ้อยหาใดเปรียบ

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าจิตใจคงหลงทางอยู่ในนั้นชั่วพริบตา

หลินสวินสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่บนสายธารถาโถมโหมกระหน่ำ แววตานิ่งสงบ จิตใจว่างเปล่า เหลือบแลการสับเปลี่ยนยุคสมัย ท่าทางสุขุมเหมือนนายเหนือหัวคนหนึ่ง

เพียงครู่เดียวเท่านั้น

ตูม!

เงาร่างเขาปรากฏอยู่ในอารยธรรมแห่งยุคสมัยแปลกตาแห่งหนึ่ง จากนั้นกลิ่นอายของด่านเคราะห์หนึ่งพลันมาเยือน เก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินล้วนกลายเป็นสีดำสนิท

เมฆาเคราะห์หนาทึบบีบกดจนห้วงอากาศบิดเบี้ยวปั่นป่วน

หลินสวินเงยหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาล้ำลึกดุจหุบเหวเผยจิตต่อสู้วูบหนึ่ง

ตูม!

ทันใดนั้นกลางฟ้าดินมืดมิดกดดันมีเสียงฟ้าผ่าประหนึ่งยามจักรวาลแรกกำเนิดดังก้อง สะเทือนจนฟ้าดินไร้ระเบียบ ห้วงอากาศปั่นป่วน

จากนั้นแสงเทพเจิดจรัสหาใดเปรียบสายแล้วสายเล่าแหวกผ่านความมืดมิด พุ่งออกมาจากส่วนลึกของเมฆาเคราะห์นั้น

นั่นคือเงาร่างประหนึ่งเทพผู้ยิ่งใหญ่มากมาย

มีบัวเทพยืนหยัดค้ำฟ้า เบื้องบนเชื่อมเก้าสวรรค์ เบื้องล่างเชื่อมเก้านรก ระหว่างใบสาดละอองแสงขุ่นมัวราวน้ำตก อานุภาพของกลิ่นอายบังฟ้าคลุมตะวัน

มีต้นเทพชางอู๋หยั่งรากอยู่กลางอากาศ กิ่งก้านเหมือนเส้นทางเชื่อมต่อไปยังปวงสวรรค์หมื่นพิภพ ใบเหมือนโลกมากมายแขวนอยู่ตรงกิ่งก้าน

มีมดสีสำริดทั้งตัวเผยพลังค้ำฟ้า

มีนายเหนือหัวควบคุมวัฏจักรแล้ววัฏจักรเล่ามาเยือน…

ทุกกลิ่นอายล้วนแข็งแกร่งถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ เหนือกว่าขั้นล่วงกฎ ทั่วร่างมีกลิ่นอายทำลายล้างของด่านเคราะห์ยิ่งใหญ่ทรงพลังพวยพุ่ง

ขณะเดียวกันในใจหลินสวินเกิดการหยั่งรู้อัศจรรย์ขึ้นมา…

นี่คือ ‘ยอดเคราะห์เก้าวิญญาณ’!

มาจากยุคเซียนยุทธ์ หรือก็คือยุคก่อน ทุกเงาร่างนั้นเป็นตัวแทนของบุคคลซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในอารยธรรมเซียนยุทธ์!

หรือกล่าวได้ว่าด่านเคราะห์แรกนี้สื่อถึงเคราะห์ชั้นยอดที่เพ่งเล็งผู้แข็งแกร่งซึ่งแจ้งมรรคขั้นสรรสร้างในยุคเซียนยุทธ์

ตูม!

ไม่ให้เวลาหลินสวินใคร่ครวญมากเกินนัก ทันทีที่เงาร่างทรงพลังดุจเทพผู้ยิ่งใหญ่เก้าสายนั้นปรากฏตัวก็พุ่งเข้าใส่หลินสวิน

บัวเทพแรกกำเนิดพลิ้วไหว แผ่ไอคลุมเครือไร้ขอบเขต หวดเฆี่ยนเหมือนสายโซ่เทพ

ต้นเทพชางอู๋พลันส่ายสั่นดังสวบสาบ แต่ละกิ่งก้านล้วนมีใบไม้ร่วงหล่น กลายเป็นมายาโลกแห่งแล้วแห่งเล่าทับซ้อนกันเข้ามา

ในบริเวณอื่นๆ ก็มีเจตกระบี่ชั้นยอดปรากฏ ตัดทำลายแหวกเวิ้งฟ้า มีวิชามรรคสยบหล้าเคลื่อนขวางทลายฟ้ามลายดิน มีเสียงคำรามราวอสนีบาตบดขยี้ตะวันจันทราภูผาธารา มี…

เพียงพริบตาเงาร่างหลินสวินถูกพลังน่ากลัวถึงขั้นไม่อาจจินตนาการมากมายฝังกลบ

ด่านเคราะห์เช่นนี้ไม่ใช่แค่น่ากลัวแล้ว เรียกว่าวิปริตชัดๆ ราวกับสิ่งต้องห้าม เพียงชั่วขณะหลินสวินก็บาดเจ็บสาหัส สีหน้าซีดเผือด หมดสภาพไม่น่าดู

ต้องรู้ว่าระดับพลังของเขาตอนนี้สามารถข้ามขั้นใหญ่ไปสังหารขั้นสรรสร้างขั้นกลางได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับบาดเจ็บต่อเนื่องในด่านเคราะห์แรก!

แต่ไม่นานหลินสวินก็ยืนมั่น ปลดปล่อยพลังที่ตนครอบครองเต็มกำลัง สู้กับศัตรูสิบทิศเพียงลำพัง ทุ่มสุดความสามารถ

ลืมความเป็นตาย ลืมเวลา ลืมทุกอย่าง… เหลือเพียงจิตต่อสู้ไม่ยอมแพ้โหมกระหน่ำพลุ่งพล่าน

ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!

เมื่อเคราะห์นี้ปิดฉาก จิตต่อสู้และวิชาต่อสู้ที่หลินสวินครอบครองได้รับการขัดเกลาถึงขีดสุด อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมายามเคลื่อนไหวก็มีอานุภาพเหมือนกำราบปวงสวรรค์

ด่านเคราะห์ที่สี่ชื่อว่ายอดเคราะห์มายาสวรรค์ มาจากยุคมายา

สิ่งที่เคราะห์นี้เพ่งเล็งคือสภาวะจิต

พูดเปรียบเทียบกันแล้ว ยามหลินสวินข้ามด่านเคราะห์นี้ถือว่าง่ายดายที่สุด ด้วยสภาวะจิตของเขาขัดเกลาถึงขั้นเป็นประวัติการณ์นานแล้ว เคยมองทะลุเรื่อง ‘เมื่อเท็จกลายเป็นจริง จริงย่อมกลายเป็นเท็จ’ เคยหยั่งรู้การ ‘สรรสร้างจากความว่างเปล่า’ จนชัดเจนแจ่มแจ้ง เคยผ่านการทดสอบน่าเหลือเชื่อมากมาย…

ต่อให้พลังในด่านเคราะห์นั้นน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ สามารถปั่นป่วนจิตใจระดับนิรันดร์โดยง่าย แต่ก็ไม่อาจส่งผลต่อจิตใจของหลินสวินได้

ด่านเคราะห์ที่ห้าชื่อว่ายอดเคราะห์จิตวิญญาณ มาจากยุควิญญาณ

สิ่งที่เคราะห์นี้เพ่งเล็งคือจิตวิญญาณ เรียกได้ว่าเป็นด่านเคราะห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในแต่ละยุค

เมื่อผ่านเคราะห์นี้หลินสวินมีความรู้สึกว่าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย น่ากลัวเกินไปแล้ว ราวสู้อยู่ระหว่างความเป็นความตาย ถึงตอนท้ายเขาถึงขั้นเหลือเพียงความคิดเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น

เมื่อเคราะห์นี้จบสิ้นรูปจำลองจิตวิญญาณของเขาเกิดใหม่ถึงขีดสุด ทั้งนอกและในพลังจิตถูกนัยเร้นลับกฎระเบียบแน่นหนาตัดสลับ

ด่านเคราะห์ที่หกชื่อว่ายอดเคราะห์ยอดมาร มาจากยุคมาร

สิ่งที่เคราะห์นี้มุ่งเป้าคือการทดสอบสภาวะจิตซึ่งน่าหวาดกลัวยิ่งกว่า เมื่ออยู่ภายใต้มหาเคราะห์ สิ่งที่หลินสวินเผชิญหน้าคือการทดสอบเกี่ยวกับดีชั่ว ขาวดำ ถูกผิดมากมาย

สังหารหนึ่งช่วยชีวิตนับพันคน ฆ่าหรือไม่ฆ่า

มีคนเคยคร่าชีวิตคนเมืองหนึ่ง แต่จากนั้นกลับตัวกลับใจแก้ไขความผิด ต่อมาช่วยชีวิตคนสิบเมือง ควรพิพากษาคนผู้นี้อย่างไร

การทดสอบแบบเดียวกันปรากฏในด่านเคราะห์นี้ทั้งหมด กระทบสภาวะจิตของหลินสวินหลายครั้ง โจมตีความเข้าใจและการวิเคราะห์ที่มีต่อเรื่องทางโลกของเขา

ยังดีที่ตั้งแต่เริ่มฝึกปราณตอนเด็กถึงปัจจุบัน การกระทำของหลินสวินยืนหยัดกับเรื่องดีชั่ว ขาวดำ อะไรผิดอะไรถูกอยู่เสมอ ดังนั้นสภาวะจิตจึงไม่เคยถูกด่านเคราะห์พวกนี้สั่นคลอนอย่างแท้จริง

สุดท้ายเมื่อข้ามด่านเคราะห์นี้แล้ว จิตมรรคดวงนั้นของเขากระจ่างและมั่งคงยิ่งกว่าเดิม

ด่านเคราะห์ที่เจ็ดชื่อว่าเคราะห์ปราชญ์ไพศาล มาจากยุคปราชญ์

นับตั้งแต่เคราะห์นี้เริ่มต้นพลังด่านเคราะห์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จิตมรรค พลังปราณ จิตวิญญาณ พลังมหามรรคของหลินสวินต่างเริ่มถูกโจมตีราวกับจะทำลายล้าง

ด้วยยามข้ามด่านเคราะห์นี้ก็เหมือนการต่อสู้มหามรรค!

เจ้ามองข้าเป็นมารนอกรีต ข้ามองเจ้าเป็นพวกหลุดจากตำรา ความขัดแย้งเช่นนี้คือความไม่ลงรอย ไม่เกี่ยวกับความแค้น สนแค่ความสูงต่ำของมหามรรคโดยแท้!

ตอนข้ามด่านเคราะห์นี้เองที่หลินสวินเพิ่งรู้สึกถึงวิกฤติอย่างแท้จริง

……………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์