Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3069

ตอนที่ 3069 ทะเลโชคชะตา

คิดถึงตรงนี้หลินสวินไม่ลังเลอีกต่อไป เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไปยังบริเวณที่แดนผนึกไร้นามตั้งอยู่ทันที

ไม่นานฟ้าดินที่แปลกประหลาดผืนหนึ่งปรากฏในสายตา

ท้องฟ้าของที่นี่พังถล่มเป็นหลุมดำขนาดใหญ่มากมาย สงัดเงียบไร้เคลื่อนไหว พาให้คนขนลุก

ส่วนบนผืนดินเต็มไปด้วยโกรกธารกับเหวลึก แน่นขนัดซ้อนกันเป็นคลื่น

นี่ก็คือแดน ‘ฟ้าถล่มดินทลาย’ อันมีชื่อเสียง

ตอนนั้นระฆังมหามรรคไร้กฎเคยพาหลินสวินมาที่นี่

และแดนผนึกไร้นามก็คือปลายสุดของฟ้าดินแปลกประหลาดผืนนี้ นั่นเป็นสถานที่ว่างเปล่ามืดมิดแห่งหนึ่ง ถูกความมืดของคืนรัตติกาลกลืนกินโดยสมบูรณ์

วันนี้เมื่อกลับมาที่นี่อีกครั้ง หลินสวินครอบครองพลังปราณขั้นสรรสร้างขั้นกลางแล้ว แต่ยามเห็นแดนผนึกไร้นามที่จมอยู่ในความมืดไกลออกไปนั่นก็ยังรู้สึกหวาดหวั่น

เงียบไปครู่หนึ่ง หลินสวินถึงก้าวเดินตรงไป

ฟ้าดินเงียบเชียบ ว่างเปล่าไร้เสียง เงียบจนน่ากลัว

หลุมดำขนาดใหญ่มากมายที่เกิดจากฟ้าถล่มราวกับดวงตาที่ว่างเปล่า เหวลึกและโกรกธารบนพื้นดินเหมือนปากเลือดที่อ้าอยู่มากมาย

เดินอยู่ในนั้นหลินสวินยังรู้สึกถึงความกดดันระลอกแล้วระลอกเล่า

ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือระหว่างทางไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น กระทั่งครึ่งเค่อหลังจากนั้นเงาร่างของหลินสวินเดินเข้าฟ้าดินว่างเปล่าที่ถูกความมืดกลบทับแห่งหนึ่ง

ที่นี่ขุ่นมัวทั้งแถบ ไม่มีฟ้า ไม่มีดิน และไม่มีภูผาธาราหมื่นลักษณ์ มีเพียงความมืดและความว่างเปล่าที่กดข่มใจคน

อยู่ในนี้พาให้คนขนลุกซู่

หลินสวินอดโคจรมรรควิถีของตนไม่ได้ ยิ่งระมัดระวังขึ้น

‘ทะเลโชคชะตานั่นอยู่ที่ไหนกันแน่’

จิตรับรู้ของเขาแผ่ออกไป สงบจิตสัมผัส

ครู่หนึ่งหลังจากนั้นจู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่าในความมืดไกลโพ้นมีเงาแสงพริบไหวอยู่ เหมือนกำลังหายใจ หากไม่สัมผัสโดยละเอียดยากจะสังเกตเห็นยิ่ง

หลินสวินพุ่งเข้าไปทันใด

ในที่สุดเขาก็ค่อยๆ มองเห็นชัด ว่าความจริงแล้วเงาแสงนั่นเป็นประตูที่ลึกลับบานหนึ่ง

ประตูบานนี้ปานมายา เลือนรางอยู่ในความมืด รอบๆ ประตูเต็มไปด้วยคลื่นพลังระเบียบอันลึกลับคลุมเครือ

เมื่อจิตรับรู้ของหลินสวินสัมผัส เรื่องแปลกประหลาดพลันบังเกิด…

รอบๆ ประตูบานนั้นปรากฏคลื่นพลังไร้รูปกลบท่วมร่างหลินสวินปานกระแสน้ำ ขณะที่ยังไม่ทันตอบสนอง ภาพตรงหน้าพลันมืดลง เงาร่างถูกม้วนไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้

‘ที่นี่ที่ไหน’

ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไร ยามการรับรู้ของหลินสวินกลับมา สิ่งแรกที่สะท้อนสู่สายตาคือทะเลที่กว้างใหญ่ผืนหนึ่ง

ทะเลนั่นกว้างใหญ่ไพศาลมาก ขวางกั้นอยู่บนเวิ้งฟ้า คลื่นทะเลขาวโพลนโหมซัดไกลออกไปไร้จุดสิ้นสุด มองไม่เห็นปลายทาง

และทะเลที่พลุ่งพล่านนี้ก็แปลงจากพลังมหามรรคปานต้องห้ามอย่างหนึ่ง เมื่อมองไปพาให้คนเกิดความรู้สึกเล็กจ้อยปานทรายเม็ดหนึ่งในทะเล

ทะเลไร้สิ้นสุด ทะยานบนเก้าชั้นฟ้า!

ภาพเช่นนี้ทำเอาหลินสวินอดตะลึงไม่ได้ นี่เป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นทะเลโชคชะตาในคำเล่าขาน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแปลงจากพลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานคุนหลุน!

เพียงแต่หลินสวินคิดไม่ถึงว่าทะเลโชคชะตานี้จะตั้งอยู่บนเวิ้งฟ้า ทำให้คนทำได้เพียงเงยหน้ามองเหมือนมดตัวหนึ่ง

“เอ๋ คิดไม่ถึงว่าจนป่านนี้แล้วยังมีคนมา ผิดคาดจริงๆ”

จู่ๆ เสียงชราเสียงหนึ่งดังขึ้นจากไกลๆ

ในใจหลินสวินสั่นไหว สายตามองไปไกลๆ

ก็เห็นว่านี่คือฟ้าดินไพศาลราวกับไร้สิ้นสุด เทือกเขาเรียงตัวสูงต่ำ พื้นดินกว้างใหญ่ เพียงแต่เทาหม่นไปทุกที่ ถูกหมอกสีขาวเทาปกคลุม ดูลึกลับหาใดเปรียบ

เพียงแต่เสียงแก่ชรานั่นมาจากไหนกันแน่ กลับไม่สามารถจับตำแหน่งได้ในทันที

หลินสวินไม่เผยสีหน้า สังเกตรอบด้านต่อไป

ตอนนี้เขาอยู่ใจกลางแท่นมรรคเก่าแก่แห่งหนึ่ง

และรอบๆ แท่นมรรคมีพลังระเบียบคละคลุ้งอยู่ ปกป้องแท่นมรรคไว้ปานปราการชั้นหนึ่ง

‘ดูท่าว่าหากไปจากแท่นมรรคนี้ ก็เท่ากับสูญเสียงการปกป้องบางอย่างไป’

หลินสวินเข้าใจรางๆ แล้ว

ฟ้าดินแถบนี้แปลกตายิ่งสำหรับเขา นอกจากคาดเดาได้ว่าเป็นทะเลโชคชะตา เรื่องอื่นๆ เขาไม่รู้สักนิด นี่ทำให้เขาไม่อาจไม่ระวังตัวเพิ่มขึ้น

“สหายยุทธ์ ไหนๆ ก็มาแล้วเหตุใดไม่ออกจากแท่นมรรคโชคชะตาเล่า”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะแฝงแววเยาะเย้ยดังขึ้น “ควรรู้ว่าตั้งแต่นี้ไปแม้เจ้าจะอยากไปจากทะเลโชคชะตานี้ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว”

สายตาหลินสวินมองไป ในที่สุดก็มองเห็นรางๆ ว่าในหมอกเทาหม่นไกลออกไปมีเขาเล็กลูกหนึ่ง เงาร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเขาเล็กนั้น

เพียงแต่เพราะการขวางกั้นของพลังระเบียบรอบๆ แท่นมรรค ทำให้เขาไม่สามารถใช้จิตรับรู้ไปสัมผัสได้

“เหอะๆ เจ้าเฒ่าซิง ดูเหมือนเจ้าจะอยู่ไม่สุขอีกแล้ว เจ้าไม่กลัวว่าสหายยุทธ์ที่มาใหม่คนนี้จะเป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่ง ซัดเจ้าจนคุกเข่าร้องขอชีวิตหรือ”

เสียงผู้หญิงที่เย็นเยียบเสียงหนึ่งดังขึ้นเนิบๆ

“อย่าพูดเช่นนี้ จะทำให้สหายยุทธ์ที่มาใหม่เข้าใจผิดได้ง่าย”

เงาร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเขาเล็กซึ่งถูกเรียกว่า ‘เจ้าเฒ่าซิง’ รีบอธิบาย

ทันใดนั้นเสียงทุ้มหนาเสียงหนึ่งดังขึ้น “คำพูดไร้สาระมากจริงๆ พวกเจ้าหุบปากให้หมด ข้าคุยกับสหายยุทธ์ที่มาใหม่คนนี้เอง”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง กลางฟ้าดินเทาหม่นไกลออกไปมีเงาร่างสูงใหญ่ยิ่งสายหนึ่งปรากฏกลางอากาศ ราวกับภูเขาสันโษลูกหนึ่ง ทั้งร่างสวมชุดเกราะสีแดงทึบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์