Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3070

สรุปบท ตอนที่ 3070 บัวชะตามหามรรค: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 3070 บัวชะตามหามรรค – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 3070 บัวชะตามหามรรค ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 3070 บัวชะตามหามรรค

เห็นหลินสวินเดินออกจากแท่นมรรค ในบริเวณใกล้เคียงพลันเงียบกริบทั้งแถบ

เงาร่างที่ซ่อนในมุมมืดเหล่านั้นต่างประหลาดใจมาก ล้วนคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะไร้กลัวเกรงและสงบเช่นนี้

โดยเฉพาะเมื่อได้ยินการประกาศศึกของหลินสวิน ทำเอาในใจพวกเขาล้วนอดเสียววาบไม่ได้

ไม่ใช่มังกรแกร่งไม่ข้ามธาร การที่หลินสวินดูเยือกเย็นเช่นนี้ ความจริงท่าทีกลับแข็งกร้าวถึงขีดสุด ทำให้พวกเขาไม่กล้าผลีผลามลงมือ

ไกลออกไปร้อยจั้ง

ชายร่างสูงใหญ่ดุจภูเขาหัวคิ้วก็ขมวดเช่นกัน แววตาวาบประกาย ภายในใจทั้งแปลกใจและสงสัย

หลินสวินเห็นเช่นนี้มุมปากก็อดเจือรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่งขึ้นมาไม่ได้

ไม่อาจไม่พูด คนพวกนี้รอบคอบอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นเพราะรอบคอบเช่นนี้ ทำให้สถานการณ์ไม่อาจเปลี่ยนเป็นร้ายแรงเกินไปได้

“เหล่าอิน เจ้ามาทดสอบฝีมือสหายยุทธ์หน้าใหม่ผู้นี้สักหน่อย”

ไกลออกไปเสียงแก่ชรานั่นดังขึ้น

ชายร่างสูงใหญ่ที่ถูกเรียกว่าเหล่าอินพยักหน้า เขาสะบัดมือคราหนึ่ง

ฮูม…

ทันใดนั้นประกายเทพสีม่วงพราวระยับชั้นหนึ่งกลายเป็นม่านฟ้า ปิดครอบฟ้าดินแถบนี้ไว้

นี่คือพลังระเบียบระดับเทพสมบูรณ์อย่างหนึ่ง

เมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินกล่าวคล้ายขบคิด “ที่แท้ทุกท่านก็ห่วงว่าแรงสะเทือนที่เกิดจากการต่อสู้จะรุนแรงเกินไป และจะถูกคนอื่นๆ รับรู้สินะ”

ไม่ได้แตกตื่น ไม่ได้ประหม่า ท่าทางนิ่งสงบนั่นของหลินสวินทำให้ผู้ที่แอบอยู่ในมุมมืดเหล่านั้นยิ่งมองไม่ออกมากขึ้น

ยังไม่ทันต่อสู้ เสียงหญิงสาวที่เย็นเยียบนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เหล่าอิน พวกเรากับสหายยุทธ์ผู้นี้ไร้แค้นไร้พยาบาท เอาแค่พอประมาณก็พอ”

“ได้”

ชายเงาร่างสูงใหญ่ตอบรับ

“สหายยุทธ์มีความเห็นอย่างไร” เสียงหญิงสาวที่เย็นเยียบนั่นเอ่ยถามหลินสวิน

“ได้”

หลินสวินเอ่ยง่ายๆ

“ล่วงเกินแล้ว”

ชายร่างสูงใหญ่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เงาร่างประหนึ่งภูเขาแผ่แสงมรรคนิรันดร์สีทองอร่ามออกมา อานุภาพทั่วร่างพลันพุ่งทะยานถึงขีดสุด

กลิ่นอายระดับนั้นแกร่งกร้าวกว่าเกาหยางไหว เจียงเถาที่อยู่ขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์เช่นกันด้วยซ้ำ!

“ทะยาน!”

เขาตะโกนคราหนึ่ง ดุจดั่งฟ้าร้อง ธารเพลิงสีทองสายหนึ่งปรากฏกลางอากาศเบื้องหน้าเขา พลันกลายเป็นกระบี่มรรคสีทองเล่มหนึ่งทันควัน

กระบี่มรรคนี้แม้ยาวเพียงสองฉื่อ ทว่าเจตกระบี่ที่ปลดปล่อยออกมากลับตระหง่านหนักแน่นราวภูเขาเทพหมื่นกาล คล้ายสามารถสยบจักรวาลฟ้าดินได้

กระบี่ยอดสยบเพลิงทอง!

เงาร่างในมุมมืดไกลออกไปเหล่านั้นเห็นภาพนี้ ในใจล้วนมาดมั่นไม่น้อย

นี่เป็นสิ่งที่หลอมรวมขึ้นจากอภินิหารสูงสุดของเหล่าอิน เป็นการสำแดงพลังอันแข็งแกร่งที่สุดของเขา อานุภาพหนึ่งกระบี่สามารถสยบโลกใหญ่ใบหนึ่ง บดขยี้สุริยันจันทราฟ้าดาราได้!

จุดนี้เห็นได้ว่าเหล่าอินมองอีกฝ่ายเป็น ‘มังกรแกร่งข้ามธาร’ แล้ว ไม่ได้ประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด

“ไป!”

ชายร่างสูงใหญ่นัยน์ตาดุจสายฟ้าเย็นเยียบ โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

ฟ้าดินปั่นป่วน กระบี่มรรคสีทองอร่ามนั่นพุ่งขวางกลางอากาศออกไป

สวบ!

เจตกระบี่ไพศาลประหนึ่งเปลวเพลิงสีทองแผดเผาเก้าชั้นฟ้า

กระบี่เช่นนี้ในขั้นสรรสร้างเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีชั้นยอด แข็งแกร่งเป็นเลิศ

กลับเห็นหลินสวินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เพียงยื่นมือออกไปตบกลางอากาศคราหนึ่ง

ก็ได้ยิน…

ปึง!

เสียงระเบิดทึบหนักสายหนึ่งดังกึกก้อง เปลวเพลิงสีทองท่วมฟ้าแหลกสลายโครมคราม แผ่กระจายออกไป

กระบี่มรรคสีทองของชายร่างสูงใหญ่คนนั้นถึงกับถูกฝ่ามือเดียวตบแตกง่ายๆ!

“นี่…”

เหล่าคนในมุมมืดนัยน์ตาหดรัด สภาวะจิตพบเจอการโจมตีครั้งใหญ่ยิ่ง

และพร้อมกันนั้นเงาร่างหลินสวินหายไปจากจุดเดิมกลางอากาศ

หนึ่งกระบี่ที่แกร่งที่สุดถูกฝ่ามือเดียวตบทำลายเช่นนั้น ทำให้ชายร่างสูงใหญ่ที่เดิมก็สะท้านสะเทือนอยู่แล้ว ยามเมื่อตระหนักได้ว่าหลินสวินโจมตีเข้ามา มีหรือเขายังจะกล้าโอ้เอ้ รีบใช้วิชาก้นกรุออกมาทันที

“ไป!”

เกราะศึกสีแดงทึบที่ปกคลุมบนร่างสูงใหญ่พลันสาดแสงมรรคสะดุดตา สัญลักษณ์อัคคีเร้นลับคลุมเครือมากมายกำลังผสานควบรวมกลางอากาศ กลายเป็นประทับผนึกป้องกันสามสิบหกชั้น พลังกฎเกณฑ์ที่บรรจุภายในกร้าวแกร่งถึงขีดสุด

แทบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินฟันหนึ่งฝ่ามือลงจากฟากฟ้าแล้ว ประหนึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์ทุบค้อนกระแทกใส่โลกมนุษย์

ปึงๆๆ!

เสียงปะทะก้องกระหึ่มดังกึกก้องต่อเนื่อง สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่าภายใต้หมัดนี้ของหลินสวิน ประทับผนึกป้องกันเป็นชั้นๆ นั่นแตกระเบิดประหนึ่งกระจกแก้วเปราะบางเป็นชั้นๆ ปลิวกระเด็นออกเป็นละอองแสงระเบียบประดุจเกลียวคลื่น

สุดท้ายพร้อมกับเสียงกระหึ่มจนฟ้าดินสะเทือนไหวสายหนึ่ง ร่างกำยำดุจภูเขาของชายบเกราะแดงถูกหนึ่งหมัดซัดกระเด็นออกไปตรงๆ สุดท้ายร่วงลงบนพื้นกว้างไกลออกไปพันจั้งพร้อมกับเสียงโครมคราม ฝุ่นควันคลุ้งฟ้า

“เหล่าอิน!”

“เหตุใดถึง…”

“แข็งแกร่งยิ่ง!”

…เสียงร้องอุทานระลอกหนึ่งดังขึ้น ในฟ้าดินมืดมิดทั่วสี่ทิศแปดทางมีเงาร่างพุ่งออกมาสายแล้วสายเล่า เข้าไปหาชายร่างสูงใหญ่นั่นในทันที

และมีเพียงช่วงนี้เท่านั้นที่ ระดับนิรันดร์ถึงจะมีโอกาสช่วงชิงโอกาสการไปแหล่งสถานอัศจรรย์ในที่แห่งนี้ได้

ฟ้าดินที่แผ่ครอบทะเลโชคชะตากว้างใหญ่ไพศาลสุดขีด

ในยุคสมัยก่อนหน้านี้ก็มีผู้แข็งแกร่งที่เหยียบย่างระดับนิรันดร์จำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่นี่

และสิ่งที่วิเศษอัศจรรย์อย่างยิ่งคือ ระดับนิรันดร์แต่ละยุคสมัย หลังจากมาถึงทะเลโชคชะตา พื้นที่ที่เข้าไปล้วนแตกต่างกัน

เหมือนอย่างโลกแถบนี้ที่พวกหลินสวินอยู่ในตอนนี้ ก็เป็นพื้นที่ที่ถือกำเนิดใหม่ในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าระดับนิรันดร์ในยุคสมัยนี้คนใดก็ตามมุ่งหน้ามา ล้วนจะถูกย้ายมาอยู่ในโลกนี้ทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้นพื้นที่นี้จึงถูกขนามนามอีกอย่างว่า ‘โลกวิญญาณยุทธ์’

และจากที่บันทึกในม้วนหยก

ในทะเลโชคชะตาแห่งนี้ยังแบ่งออกเป็นโลกอื่นๆ อีกมากมาย โลกเหล่านั้นล้วนถือกำเนิดในยุคสมัยก่อนหน้า

หากเปรียบแดนผนึกไร้นามเป็นบัวดอกหนึ่ง เช่นนั้นโลกที่ถือกำเนิดในแต่ละยุคสมัยนั่นก็เหมือนกลีบดอกเป็นชั้นๆ

และทะเลโชคชะตานั่นก็พาดขวางอยู่บนบัวดอกนี้

นี่ก็คือโครงสร้างทั้งแดนผนึกไร้นาม

และในโลกวิญญาณยุทธ์ตอนนี้ แบ่งออกเป็นพื้นที่แกนกลางและพื้นที่รอบนอก

พื้นที่แกนกลางคือบริเวณที่อยู่ใกล้ทะเลโชคชะตาที่สุด ฉะนั้นในพื้นที่แกนกลางจึงมีความหวังในการช่วงชิงโอกาสการไปแหล่งสถานอัศจรรย์ได้มากที่สุดเช่นกัน

พื้นที่แกนกลางในตอนนี้ถูกขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ยึดครองและควบคุมไว้นานแล้ว

อย่างเช่นเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล สี่หอบรรพจารย์

ส่วนพื้นที่รอบนอก ที่กระจายอยู่ล้วนเป็นพวกที่ไม่ว่าจะเป็นรากฐานพลังหรือพลังต่อสู้ล้วนเทียบกับคนในขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นไม่ติด

เหมือนอย่างพวกหญิงชุดดำสี่คน ก็ทำได้เพียงเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่รอบนอกของโลกวิญญาณยุทธ์เท่านั้น

ขณะเดียวกันในม้วนหยกยังมีบันทึกเรื่องอื่นๆ บางส่วนด้วย

อย่างในพื้นที่แกนกลางยังถูกขนามนามอีกชื่อว่าเป็นแดนแห่ง ‘ต้นกำเนิดหมื่นมรรค’ ของโลกวิญญาณยุทธ์ หากระดับนิรันดร์ฝึกปราณอยู่ในนั้นย่อมสามารถได้รับประโยชน์ที่ไม่อาจประเมินได้

เหมือนทุกๆ ช่วงเวลา ทะเลโชคชะตาก็จะเกิดการเคลื่อนไหวแปลกๆ ครั้งหนึ่ง ประหนึ่งกระแสน้ำหลาก เมื่อนั้นจะปรากฏ ‘บัวชะตามหามรรค’ ขึ้นมาดอกหนึ่ง

และโอกาสการไปแหล่งสถานอัศจรรย์นั่นก็ซุกซ่อนอยู่ในบัวชะตามหามรรค!

บัวชะตามหามรรคแต่ละดอก สุดท้ายก็จุระดับนิรันดร์ได้เพียงสามคนเท่านั้น พาพวกเขาลัดเลาะทะเลโชคชะตามุ่งหน้าไปยังบริเวณที่แหล่งสถานอัศจรรย์นั่นตั้งอยู่

สามารถจินตนาการได้ว่ายามเมื่อโอกาสเช่นนี้ปรากฏ ต้องชักนำลมคาวฝนเลือดอันน่ากลัวขึ้นครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน!

และจากบันทึกในม้วนหยก

จนถึงตอนนี้ทะเลโชคชะตาเคยเกิดการเคลื่อนไหวประหลาดนี้สามครั้งแล้ว บัวชะตามหามรรคอุบัติออกมาสามดอก

แต่น่าเสียดาย โอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์สามครั้งนี้ล้วนถูกพวกน่าสะพรึงจากยุคอื่นช่วงชิงไป ทั้งโลกวิญญาณยุทธ์ไม่มีใครชิงโอกาสนี้ได้สำเร็จเลยสักคน

เมื่อรู้เรื่องเหล่านี้แล้ว คราวนี้หลินสวินถึงเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

และเพิ่งจะรู้ในที่สุด ว่าที่แท้โอกาสการไปแหล่งสถานอัศจรรย์นั่น ถึงกับซุกซ่อนอยู่ในบัวชะตามหามรรคที่ถือกำเนิดในทะเลโชคชะตา!

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์