Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3114

สรุปบท ตอนที่ 3114 ตะลุมบอน: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 3114 ตะลุมบอน – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 3114 ตะลุมบอน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 3114 ตะลุมบอน

ยามคนผู้หนึ่งยอมทุ่มชีวิตเข้าแลก จะไร้ซึ่งความหวาดกลัว

และเมื่อเหล่าขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ยอมทุ่มสุดชีวิต กลับจะทำให้ศัตรูรู้สึกครั่นคร้าม

พวกเจียงหมิงสุ่ยพุ่งมาด้วยพลานุภาพเกรียงไกร แต่บัดนี้ก็อดชะงักเท้าไม่ได้ หลายคนยังนิ่วหน้าไม่หยุด

พวกเขามาจากยุคทวยเทพ กำลังคนมากมาย ประหนึ่งกองทหารกองหนึ่ง แต่เมื่อต่อสู้จริงๆ ใครจะยอมสู้กับศัตรูที่หมายเอาชีวิตเข้าแลกเล่า

นี่คือโลกบัวชะตา

สำหรับเฒ่าชราคนใดก็ตาม การรอดชีวิตสำคัญกว่าสิ่งใด

“สิงเจี้ยนสยา ต่อให้พวกเจ้าสู้สุดตัววันนี้ก็ยากจะช่วยเจ้าหลินสวินนี่”

เจียงหมิงสุ่ยยกมือขึ้นชี้ลานประลองแพ้ชนะที่อยู่ไกลออกไป “ขอแค่พวกเราลงมือ สภาวะจิตของเจ้าหมอนี่จะต้องได้รับผลกระทบ ทั้งยังจะแพ้เร็วยิ่งขึ้น และเมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ต่อให้เจ้าหมอนี่รอดไปได้ก็ต้องบาดเจ็บสาหัส อ่อนแอหาใดเทียบ ถึงตอนนั้นขอเพียงมีสหายยุทธ์สักคนลงมือก็เอาชีวิตเขาได้ทั้งนั้น!”

“สหายยุทธ์พูดไม่ผิด”

บนด่านนภาจตุลักษณ์ อิงเทียนเซิงยิ้มพลางเอ่ยปาก “เช่นนี้เป็นอย่างไร ทุกท่านไปจัดการพวกสิงเจี้ยนสยาอย่างสบายใจ รอการตัดสินแพ้ชนะครั้งนี้ปิดฉากลง ทางข้าจะลงมือจับเจ้าหลินสวินนี่ส่งให้สหายยุทธ์จัดการเองทันที!”

ในใจพวกสิงเจี้ยนสยายิ่งรู้สึกหนักอึ้งแล้ว

ก่อนหน้านี้พวกเขาคาดไว้ว่าอาจจะมีศัตรูถือโอกาสบุกมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นกระบวนทัพใหญ่ที่นำโดยเจียงหมิงสุ่ย!

‘พวกสิงเจี้ยนสยาเจอปัญหาแล้ว…’

ผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่แถบนั้นเห็นดังนี้ยังทอดถอนใจอยู่ในใจ

เดิมทีทุกคนในที่นั้นต่างถูกการประลองของหลินสวินกับชิงเฟยหงดึงดูดความสนใจ แต่การมาเยือนของพวกเจียงหมิงสุ่ยกลับทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปหมดแล้ว!

ขณะเดียวกันในลานประลองแพ้ชนะ สภาวะจิตของหลินสวินได้รับผลกระทบในที่สุด ได้สติจากการต่อสู้ชนิดลืมตัวตนนั้นแล้ว

เขาถอนใจในใจ

ตัวแปรบัดซบ!!

ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้อย่างแรงกล้าถึงเค้าลางการแจ้งมรรคทะลวงขั้นแล้ว ถึงขั้นคาดว่าเมื่อตนเอาชนะชิงเฟยหงในศึกนี้ได้ เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทะลวงจากขั้นสรรสร้างไปสู่ขั้นไร้ขอบเขต

แต่ใครจะคิดว่าพวกเจียงหมิงสุ่ยกลับมาที่นี่!

สภาพการต่อสู้อันบริสุทธิ์ที่หลงลืมตัวตนจึงถูกทำลายลงไปด้วย

นี่จะไม่ให้หลินสวินโกรธได้อย่างไร

แต่โกรธแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ เขาในตอนนี้มาสนใจเรื่องนอกลานประลองไม่ได้สักนิด อันตรายจากชิงเฟยหงผู้นี้ยังอยู่

มิหนำซ้ำหลังจากพวกเจียงหมิงสุ่ยมาถึง ชิงเฟยหงก็ตระหนักได้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว ทุ่มพลังทั้งหมดลงมือ ทำให้หลินสวินต้องจดจ่อกับการต่อสู้

“ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านรีบไป ไม่ต้องสนใจข้า เคราะห์สังหารครั้งนี้สำหรับข้าแล้วก็ให้ข้ามาคลี่คลายคนเดียว!”

หลินสวินส่งเสียงดังก้อง

แต่พวกสิงเจี้ยนสยากลับเหมือนไม่ได้ยิน เงาร่างไม่ขยับสักนิด

นี่ทำให้หลินสวินทั้งซาบซึ้งและจนใจ ในใจรู้สึกอัดอั้นอย่างบอกไม่ถูก คล้ายมีไฟสุมอก แผดเผาจนอกแทบแตก

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป

เรื่องสำคัญตรงหน้าคือต้องเอาชนะชิงเฟยหงก่อน!

มีแต่ทำเช่นนี้ถึงพอจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ทั้งหมดได้

“ฆ่า!”

หลินสวินมีไฟโทสะสุมอก ใช้พลังทั้งหมดกับการต่อสู้

‘สภาวะจิตเจ้าหมอนี่ได้รับผลกระทบแล้ว…’ มุมปากชิงเฟยหงยกยิ้มเหี้ยม เข้าห้ำหั่นกับหลินสวินเหมือนเอาชีวิตเข้าแลกเช่นกัน

…..

“สิงเจี้ยนสยา ข้าถามเจ้าอีกประโยค จะถอยหรือไม่”

ห่างออกไปเจียงหมิงสุ่ยแววตาเย็นเยียบน่ากลัว จ้องสิงเจี้ยนสยาที่อยู่ไกลๆ

คนอื่นๆ ต่างก็มองพวกสิงเจี้ยนสยา

ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าสิงเจี้ยนสยาถอย ในวันนี้หลินสวินต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา

ถ้าไม่ถอย เช่นนั้นเกรงว่าพวกสิงเจี้ยนสยาก็ต้องประสบเคราะห์ด้วยเหตุนี้!

ถอยกับไม่ถอย เหมือนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

ชิ้ง!

กลับพบว่าสิงเจี้ยนสยาเรียกศาสตรามรรคของตนออกมา แววตาสงบนิ่ง “มาสู้กันก็พอ!”

ข้างกายเขา พวกฟู่หนานหลี จอมมรรคซานเฟิงและเซียวเหอต่างก็เรียกศาสตรามรรคออกมาเช่นกัน สีหน้าเยือกเย็น มองไปยังพวกเจียงหมิงสุ่ย

ทันใดนั้นทั้งลานก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายหนาวยะเยือก หลายคนยังหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด

เจียงหมิงสุ่ยสีหน้าอึมครึม เอ่ยว่า “ทุกคน ล้อมพวกเขาไว้เป็นพอ เป้าหมายของพวกเราคือหลินสวิน ไม่ต้องไปสู้เอาเป็นเอาตายกับสวะเฒ่าไม่กลัวตายพวกนี้”

เหล่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาพากันพยักหน้า

ศึกใหญ่จวนจะปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ!

ทว่าก็ในตอนนี้เองเสียงหนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้นไกลๆ “ถ้าใครคิดจะแตะผู้สืบทอดคีรีดวงกมลก็ผ่านด่านข้าสวินเต้าเยี่ยนนี้ไปก่อน”

เสียงดุจอสนีบาต!

ตูม!

แสงเงาสีดำสายหนึ่งแหวกอากาศมาดุจรุ้งเทพ กลายเป็นเงาร่างสูงใหญ่เด่นตระหง่านดุจภูเขาร่างหนึ่ง เขาสวมชุดดำ ผมยาวปลิวสยาย มือถือดาบขอสีเขียวเล่มหนึ่ง

อานุภาพทั้งร่างอหังการกร้าวแกร่ง สะท้านฟ้าบ้าคลั่ง

สวินเต้าเยี่ยน!

ผู้ที่เคยข้ามด่านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหกครั้งคนหนึ่ง ยอดคนที่มีฉายาว่า ‘เทพแห่งทัณฑ์ฟ้า’ ถ้าว่าด้วยพลังต่อสู้แล้วยังไม่ด้อยกว่าเจียงหมิงสุ่ย

เมื่อเขาปรากฏตัว ทั้งที่นั้นก็สะเทือนไหวทันที ทุกคนต่างหันมอง

“สวินเต้าเยี่ยน นี่เจ้าอยากเป็นศัตรูกับพวกเราหรือ”

เจียงหมิงสุ่ยสีหน้าเย็นชา

“ตอนนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ข้าสวินเต้าเยี่ยนจะไม่ทดแทนได้อย่างไร”

สวินเต้าเยี่ยนเอ่ยเย็นชา “ข้าบอกแล้ว วันนี้ใครกล้าแตะหลินสวินนั่น ข้าจะสู้จนตายไปข้าง ต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย”

คำพูดเดียวดังสะเทือนเมฆา

มีสวินเต้าเยี่ยนกับจอมเทพหลิงหลงอยู่ สถานการณ์ตรงหน้าก็ดีขึ้นไม่น้อยอย่างไร้ข้อกังขา

“แต่แค่เจ้ากับสวินเต้าเยี่ยน เกรงว่าจะเปลี่ยนสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เหมือนกัน”

เจียงหมิงสุ่ยเอ่ยเย็นชา “ในโลกบัวชะตาแห่งนี้มีผู้ที่แค้นคีรีดวงกมลอยู่มาก ยิ่งประวิงเวลาไปนานเท่าไร คนที่จะมุ่งหน้ามาสังหารเจ้าหลินสวินนี่ก็จะยิ่งมากขึ้นไปด้วย!”

สวินเต้าเยี่ยนพลันเอ่ยเสียงหนักแน่น “ตามที่ข้ารู้มา เจ้าเจียงหมิงสุ่ยกับพวกเฒ่าชรายุคทวยเทพไม่ได้มีความแค้นกับคีรีดวงกมล แต่ทำไมวันนี้ต้องแห่กันมาด้วย”

นี่เป็นจุดที่ผู้คนในที่นี่ไม่น้อยกังขา

อย่างเช่นพวกสิงเจี้ยนสยา สาเหตุที่ผิดคาดเมื่อแรกสุดก็เพราะคิดไม่ถึงสักนิดว่าพวกเจียงหมิงสุ่ยจะมองหลินสวินเป็นศัตรูเช่นนั้น

เจียงหมิงสุ่ยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “หลายปีก่อนพวกเราได้รู้ข่าวว่าเจ้าหลินสวินนี่เคยบุกไปทำเรื่องชั่วในแหล่งศุภโชค เผ่าเทพสามตระกูลแห่งยุคทวยเทพของข้าถูกเจ้าหมอนี่ทำลายไปทั้งหมด!”

พูดถึงตอนท้ายความแค้นและไอสังหารต่างก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาอย่างควบคุมไม่ได้

ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง

เจียงหมิงสุ่ยกับคนอื่นๆ ข้างกายเขาล้วนเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มาจากตระกูลเจียง ตระกูลจี้ และตระกูลเกาหยางแห่งยุคทวยเทพ มาถึงทะเลโชคชะตาแห่งนี้ตั้งแต่ก่อนยุคทวยเทพล่มสลาย

แต่ในยุคนี้ ตระกูลที่พวกเขาแต่ละคนเคยอยู่กลับถูกหลินสวินคนเดียวทำลายล้าง มิน่าถึงได้เดือดดาลเช่นนี้

พวกสิงเจี้ยนสยาได้รู้เรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก ต่างสบตากัน ในใจทอดถอนใจไปครู่หนึ่ง สหายน้อยหลินคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก!

“ฮ่าๆๆ สะใจ!”

กลับพบว่าสวินเต้าเยี่ยนหัวเราะลั่น “นี่ถึงสมเป็นการกระทำของผู้สืบทอดคีรีดวงกมล!”

“สะใจหรือ”

เจียงหมิงสุ่ยสีหน้าน่ากลัว “เช่นนั้นพวกข้าก็อยากเห็นนัก ว่าเจ้าสวินเต้าเยี่ยนกับจอมเทพหลิงหลงจะเอาอะไรมาขวางทางพวกข้า!”

ตูม!

เจียงหมิงสุ่ยชิงเคลื่อนไหวก่อนแล้ว พุ่งไปหาพวกสิงเจี้ยนสยาที่อยู่ไกลออกไปทันที

ข้างหลังเขาขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ทั้งหมดโจมตีตามมาติดๆ

“ฆ่า!”

พวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี จอมมรรคซานเฟิงกับเซียวเหอโจมตีออกมาพร้อมกัน

ชิ้ง!

ไม่ไกลนัก สวินเต้าเยี่ยนก็แกว่งดาบขอในมือ กระโจนเข้ามาโดยไม่ลังเลเช่นกัน

“อย่างไรก็ต้องสู้ เช่นนั้นก็ดูว่าท้ายที่สุดใครจะแพ้ใครจะชนะ”

เสียงเย็นเยียบน่ากลัวดังขึ้น จอมเทพหลิงหลงก็ออกเคลื่อนไหวแล้ว แกว่งดอกบัวสีเขียวที่อยู่ในมือดอกนั้น ทันใดนั้นคมดาบสีเขียวนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา ม้วนหอบเต็มฟ้า

ตูม!

ศึกใหญ่ปะทุ สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นที่อยู่ใกล้กับด่านนภาจตุลักษณ์หลบออกไปไกลในทันที ไม่ต้องการแทรกแซงการต่อสู้อันน่ากลัวเช่นนี้

ส่วนบนด่านนภาจตุลักษณ์ อิงเทียนเซิงแววตาวาวโรจน์ เอ่ยเสียงต่ำลึกว่า “ทุกท่าน กุญแจสำคัญของศึกนี้ไม่ได้อยู่ที่พวกเจียงหมิงสุ่ย แต่อยู่ในลานประลองแพ้ชนะ อีกเดี๋ยวไม่ว่าการต่อสู้ระหว่างชิงเฟยหงกับหลินสวินจะแพ้หรือชนะ ให้เหล่าฉิวลงมือด้วยตัวเอง ต้องจับหลินสวินให้ได้ทันที”

ฉิวเฟิ่งฉือที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าน้อยๆ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์