Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3120

ตอนที่ 3120 ตำนานแห่งขั้นสัมบูรณ์สูงสุด

ในถ้ำสถิตหลินสวินลืมตาขึ้น ทั้งตัวล้วนมีกลิ่นอายหลุดพ้นละโลกีย์

นั่นคือลักษณะของการผ่านร้อนผ่านหนาว หลุดพ้นเหนือการสับเปลี่ยนแห่งยุคสมัย

เป็นท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ของขั้นไร้ขอบเขต!

‘ที่แท้ขั้นไร้ขอบเขตอย่างแท้จริงเป็นเช่นนี้เอง…’

หลินสวินสัมผัสการเปลี่ยนแปลงใหม่เอี่ยมในตัว มุมปากผุดความพึงพอใจขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งอย่างอดไม่ได้

นั่งนิ่งสิบปีมานี้ทำให้เขาหลอมพลังกฎระเบียบที่มีอยู่ทั้งหมดผสานเข้าไปในนัยเร้นลับนิพพานอย่างหมดจด กลายเป็นส่วนหนึ่งของนัยเร้นลับนิพพาน

และนัยเร้นลับนิพพานก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นด้วย!

เทียบกับที่ผ่านมา นัยเร้นลับนิพพานมีพลังแห่งชีวิตที่เก่าแก่ดั้งเดิมที่สุดเพิ่มขึ้นมาอย่างหนึ่ง พลังต้องห้ามอย่างหนึ่งที่ที่สามารถทำให้สรรพชีวิตล้วนนิพพาน!

นิพพาน หมายถึงการดับสิ้นและเกิดใหม่ เสมือนหงส์ที่ถือกำเนิดอีกครั้งกลางกองเพลิง และเหมือนการเปลี่ยนจากหนอนไหมกลายเป็นผีเสื้อ

หากมีเพียงเท่านั้นยังไม่ถึงขั้นต้องห้ามมากเท่าไร

สิ่งสำคัญที่สุดคือนัยเร้นลับนิพพานในตอนนี้สามารถทำการนิพพานและสร้างพลังกฎระเบียบได้!

ไม่ว่าจะบกพร่องหรือไม่ เพียงใช้นัยเร้นลับนิพพานทำการก่อร่างสร้างขึ้นก็สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าเหลือเชื่อได้

และขณะเดียวกันนัยเร้นลับนิพพานก็สามารถสร้างและให้กำเนิดพลังใดๆ ก็ตามที่มี ‘กลิ่นอายชีวิต’

อย่างเช่นทำให้คนที่ร่วงหล่นฟื้นคืนชีพจากความตาย!

นี่จึงจะเป็นพลังต้องห้ามอย่างแท้จริงของนัยเร้นลับนิพพาน!

และพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของนัยเร้นลับนิพพาน ก็ทำให้มรรควิถีในตัวหลินสวินเข้าสู่ขั้นไร้ขอบเขตอีกครั้งอย่างราบรื่น

นอกจากนี้ก็ไม่มีจุดบกพร่องเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ตรงกันข้ามหลังผ่านการฝึกปราณสิบปีมานี้ ทำให้หลินสวินปูรากฐานขั้นไร้ขอบเขตที่มั่นคงไร้ใดเปรียบ แข็งแกร่งยิ่งกว่ายามฝืนแจ้งมรรคในโลกวิญญาณยุทธ์ก่อนหน้านี้ช่วงใหญ่!

พลังกฎระเบียบในร่างเขาล้วนใช้นิพพานเป็นเตาหลอม ไม่แบ่งแยกกันอีกต่อไป

ขอเพียงเขาต้องการ แค่ขยับความคิดก็สามารถสำแดงนัยเร้นลับและอานุภาพของพลังกฎระเบียบอื่นๆ ได้!

‘ขั้นไร้ขอบเขต มหาอิสระ มหาเสรี สามารถท่องไปในยุคสมัยมากมาย ขั้นนี้เป็นขั้นสูงสุดของมรรคานิรันดร์ และเป็นขอบเขตสุดท้ายของมหามรรคทั้งปวงในโลก…’

หลินสวินตระหนักถึงปัญหาอย่างหนึ่ง

เมื่อบรรลุถึงขั้นนี้ เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพไม่ใช่กุญแจสำคัญในการพัฒนาขั้นพลังของตน หากแต่ยามพลังของตนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จึงจะเรียกเคราะห์นี้มา

อย่างในทะเลโชคชะตาไม่มีทางเกิดเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพสักนิด แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าขั้นไร้ขอบเขตเหล่านั้นจะไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองได้

กล่าวอีกอย่างคือ ไม่ว่าจะข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหรือไม่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการเลื่อนขั้นพลังปราณของตนสักนิด

และเหมือนเช่นเฒ่าชราที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหลายครั้งเหล่านั้น เหตุที่ยังสามารถมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้เป็นเพราะพลังต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่งมากพอ สามารถทำให้พวกเขารอดชีวิตจากการข้ามเคราะห์หลายๆ ครั้งได้

ในทางตรงกันข้าม

การไปข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายไปทั้งหมด เพราะอย่างน้อยในระหว่างข้ามเคราะห์ก็สามารถทำให้พลังต่อสู้ของตนได้รับการเคี่ยวกรำขึ้นไปอีกขั้น

กล่าวง่ายๆ คือ การข้ามเคราะห์ก็เหมือนการเคี่ยวกรำเป็นตายอย่างหนึ่ง แต่กลับไม่ใช่ทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวในการเลื่อนมรรควิถีของตน

เมื่อตรึกตรองเรื่องเหล่านี้ หลินสวินก็ถือว่าพอเข้าใจบ้างแล้วว่าเหตุใดพลังต่อสู้ของขั้นไร้ขอบเขตเล็กอย่างเจวี๋ยอู๋เทียนจึงเย้ยฟ้าปานนั้น

และเข้าใจว่าเหตุใดเป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เหมือนกัน แต่พลังต่อสู้ของจื่อเชออู๋จี้ที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพเพียงสี่ครั้ง กลับแข็งแกร่งกว่าเฒ่าชราที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพห้าครั้งอย่างชางหลงเยวี่ย

ว่ากันถึงที่สุด จริงอยู่ว่ายิ่งจำนวนครั้งที่ข้ามเคราะห์มากเท่าไร ย่อมพิสูจน์ว่าพลังต่อสู้แข็งแกร่งมากพอ แต่นั่นกลับไม่ใช่มาตรฐานเพียงหนึ่งเดียว

‘ด้วยมรรควิถีในตอนนี้ของข้า น่าจะอยู่ในระยะต้นของขั้นนี้’

หลินสวินใคร่ครวญ

เขาย่อมรู้ดีว่ามรรคาของตนแตกต่างจากระดับเดียวกันคนอื่นๆ

และเขาที่เพิ่งเดินบนเส้นทางขั้นไร้ขอบเขต ก็หมายความว่ายังต้องเลื่อนขั้นพลังอีกมาก อย่างเช่น ขั้นกลาง ขั้นปลาย รวมถึงขั้นสัมบูรณ์ของขั้นพลังนี้

แต่หลินสวินสงสัยยิ่งว่า ขั้นนี้มีขั้น ‘สัมบูรณ์’ อย่างแท้จริงอยู่หรือไม่

เพราะถึงอย่างไรขั้นไร้ขอบเขตก็เป็นขั้นสูงสุดของมรรคานิรันดร์ เป็นขั้นสุดท้ายของมหามรรคทั้งปวง

หากฝึกปราณจนถึงขั้นสัมบูรณ์ของระดับนี้ จะไม่เท่ากับยืนอยู่จุดปลายยอดของมหามรรคทั่วหล้าหรือ

แต่ฝึกปราณจนบัดนี้ หลินสวินยังไม่เคยเห็นขั้นไร้ขอบเขตคนไหนบรรลุขั้นสัมบูรณ์ในขั้นพลังนี้ได้อย่างแท้จริงสักคน!

‘ขั้นนี้ต้องซ่อนนัยเร้นลับยิ่งใหญ่สุดขีดเอาไว้แน่’

ขณะใคร่ครวญ หลินสวินหยัดตัวลุกขึ้นเดินออกจากถ้ำสถิตแล้ว

สิบปีผ่านไป บนภูเขาเทพถกมรรคเงียบสงบดังเดิม

เมื่อรู้ข่าวว่าหลินสวินออกด่าน สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีก็รีบรุดมาทันที ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกจ้งชิว รั่วซู่ก็มาถึงตามหลังติดๆ ไม่ขาดสาย

“เอ๋”

เดิมทีสิงเจี้ยนสยายังกังวลปัญหาในตัวหลินสวินอยู่บ้าง แต่แวบแรกที่มองเห็นหลินสวินเขาก็นัยน์หดรัดทันที

อานุภาพไร้รูปที่ลอยปะทะเข้ามาแผ่คลุ้งออกจากตัวหลินสวิน แม้จะเบาบางมากแต่กลับทำให้ร่างสิงเจี้ยนสยาหดเกร็งทันควัน ภายในใจเกิดความกดดันที่ควบคุมไม่อยู่

ประหนึ่งเผชิญหน้ากับนายเหนือหัวในขั้นนี้

แต่ไม่นานอานุภาพไร้รูปนั้นก็จางหายไป เสมือนไม่เคยปรากฏมาก่อน

เมื่อมองหลินสวินอีกครา หลุดพ้นละโลกีย์ ผุดผ่องไร้มลทิน ไร้ซึ่งอานุภาพใดๆ ดุจดั่งสนเขียวริมธารภูเขา ประดับเรียงตามธรรมชาติ

“ไม่มีปัญหาแล้วหรือ”

สิงเจี้ยนสยาอดถามไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์